ตอนนี้ กลับยอมลดตัวลงมาแบกตัวเองและยังอ่อนโยนขนาดนี้ นี่มันเป็นเทพเจ้าจุติลงมาเกิดเลยนะ
เมื่อนึกถึงจุดนี้หัวใจดวงน้อยของหล่อน ก็เหมือนกับลูกกวาง ที่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้นดีใจ
เซ่เซียวแบกเสี่ยวฉิงไปจนถึงโรงพยาบาล แต่โชคดีที่ในขณะนั้นยังมีคุณหมออยู่เวร
เมื่อรู้ว่าขาของหล่อนได้รับบาดเจ็บ จึงรีบให้หล่อนนั่งลง จากนั้นจึงไปหยิบเบตาดีน ยา และผ้าก๊อซมา แล้วให้พยาบาลช่วยหล่อนถอดถุงน่องข้างในออกแล้วรักษาบาดแผลให้หล่อน
เมื่อเสี่ยวฉิงเห็นดังนั้น ก็พูดกับเซ่เซียวว่า “พี่เซียว ฉันไม่เป็นไรแล้ว แค่มีคุณหมอมาช่วยรักษาก็ได้แล้ว พี่รีบไปช่วยพี่ลั่วเหยาก่อนเถอะค่ะ”
หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงหน้าซื่อใจคด หล่อนรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
อันตรายที่แท้จริง คือทางด้านถังลั่วเหยา
และในตอนนี้ก็ไม่รู้เลยว่าพี่ลั่วเหยาเป็นยังไงบ้างแล้ว
เมื่อเซ่เซียวได้ยินหล่อนพูดแบบนี้ ก็เหลือบมองที่บาดแผลที่หัวเข่าของหล่อนจากนั้นจึงยืนยันกับคุณหมอ และเมื่อแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นทีหลังแล้ว จากนั้นเขาจึงพยักหน้า
“ได้ งั้นหลังจากที่คุณทายาแล้วก็พักผ่อนที่นี่ก่อนนะและยังไม่ต้องรีบกลับ รอสายจากผมก่อน”
หลังจากพูดจบจึงนึกขึ้นได้ว่าเสี่ยวฉิงไม่มีเบอร์ของตัวเขา
ดังนั้นจึงให้หล่อนหยิบมือถือออกมา แล้วบันทึกเบอร์ตัวเองไว้
เสี่ยวฉิงเห็นว่าเขาได้ป้อนเบอร์ตัวเองไว้ในมือถือหล่อนแล้วก็กดโทรออก เมื่อเชื่อมต่อกับอีกฝ่ายได้แล้วจึงวางสายไป
หัวใจดวงน้อยนั้น ก็ทั้งตื่นเต้นและประหม่าไปครู่หนึ่ง
โอ้พระเจ้า! หล่อนกำลังทำอะไรอยู่กันนะ?
หล่อนไม่เพียงแต่ปล่อยให้เทพบุตรแบกตัวเองเท่านั้น ยังได้รับเบอร์มือถือของเทพบุตรอีกด้วย!
ไอ้พระเจ้า โปรดให้สายฟ้ามาปลุกตัวหล่อนให้ตื่นสักที หล่อนจะต้องกำลังฝันอยู่แน่เลย แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?
อย่างไรก็ตาม เซ่เซียวไม่รู้การเคลื่อนไหวของจิตใจหล่อนเลย
หลังจากบันทึกเบอร์อย่างใจเย็นเสร็จแล้วก็คืนมือถือให้หล่อน
จากนั้น เขาก็กำชับอย่างจริงจังว่า “หลังจากรักษาบาดแผลแล้ว ห้ามคุณอย่าเพิ่งไป รอสายจากผมก่อน ถ้าอยากกลับโรงแรมจริงๆ ก็โทรให้คนมารับ เพราะมันดึกมากแล้ว คุณกลับไปแค่ตัวคนเดียวมันไม่ปลอดภัย เจ้านายของคุณก็เกิดอุบัติเหตุด้วย ถ้าคุณยังเกิดอุบัติเหตุอีกมันก็จะเกิดเรื่องซ้ำซ้อนอีก เข้าใจไหม?”
ท่าทางดูเชื่อฟังนั้น ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
เซ่เซียวมองอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมความรู้สึกที่เดิมทียังกังวลอยู่นั้นก็กลับเป็นดีขึ้นในทันใด
เขายิ้มพร้อมกับเอื้อมมือออกไปและลูบหัวหล่อนโดยไม่รู้ตัว
หลังจากลูบหัวเสร็จ ทั้งคู่ก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง
เมื่อเซ่เซียวรู้ตัวก็ดึงมือตัวเองกลับอย่างรวดเร็วจากนั้นจึงยิ้มอย่างเก้อเขิน
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมไปก่อนนะ”
เสี่ยวฉิงตอบสนองกลับมาโดยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อืมๆคุณรีบไปเถอะ”
เซ่เซียวจึงออกไป
หลังจากที่เขาออกไปเสี่ยวฉิงจึงปิดใบหน้าที่แดงของหล่อนไว้ทันหล่อนกรีดร้องในใจไป 3 ครั้ง จากนั้นจึงปิดหน้าและกรีดร้องอย่างเขินอายรัวๆ
และในอีกด้านหนึ่ง
ทางด้านเหล่าตำรวจก็มาถึงกันแล้ว
เซ่เซียวรับช่วงต่อกับพวกเขา และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเขาฟังอีกครั้ง พวกเขาเห็นเครื่องหมายรถบนพื้น และพวกเขาก็คาดสถานการณ์เหมือนกับที่เซ่เซียวได้คาดไว้ก่อนหน้านี้
จากนั้นจึงส่งกลุ่มคนออกไปกลุ่มหนึ่ง และค้นหาในบริเวณใกล้เคียงก่อน ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือก็กลับไปตรวจสอบควบคุมและคอยสังเกต เพื่อดูว่ามีรถสามล้อที่น่าสงสัย บนถนนสายอื่นในบริเวณใกล้เคียงของคืนนี้หรือไม่
เมื่อเซ่เซียวนึกถึงเสี่ยวฉิงที่ยังอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว เขาไม่ได้กลับไปกับพวกเขา แต่กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับเสี่ยวฉิงพร้อมกับส่งหล่อนกลับไปที่โรงแรม
เดิมทีเสี่ยวฉิงไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะกลับมาอยู่แล้ว หล่อนคิดว่าหล่อนจะโบกรถแท็กซี่ด้วยตัวเองหรือจะโทรหาเพื่อนร่วมงานที่กองถ่ายซึ่งค่อนข้างคุ้นเคยมารับตัวเองกลับไป
คิดไม่ถึงเลยว่าในขณะที่หล่อนยังไม่ทันได้โทรออก ก็เห็นว่าเขากลับมาก่อนแล้ว
กลางดึกที่เงียบสงัดชายคนนั้นสวมเสื้อกันลมสีดำเขาดูสูงและหล่อเหลามากและเดินออกมาจากค่ำคืนที่หิมะตก
เมื่อเห็นหล่อนเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม? ที่นั่นได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วแต่ผมจะส่งคุณกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน”
เสี่ยวฉิงรู้สึกเพียงว่า หัวใจของหล่อนเหมือนมีกระแสไออุ่นไหลผ่านซึ่งมันอบอุ่นมากเลย
หล่อนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อืม ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณค่ะ”
เซ่เซียวยิ้ม แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
เขาแบกหล่อนขึ้นหลัง และเดินไปที่โรงแรม
ระยะทางเพียงไม่ถึง 10 นาทีพวกเขาก็กลับมาถึงที่โรงแรมแล้ว
หลังจากที่เซ่เซียวส่งหล่อนกลับไปที่ห้องแล้วเขาก็จากไป
เสี่ยวฉิงไม่สามารถนอนหลับได้เลยแต่อย่างไรก็ตามยังหาตัวถังลั่วเหยาไม่พบ
แต่การปรากฏตัวและการกระทำของเซ่เซียวในวันนี้ก็ไม่ได้กีดขวางให้หล่อนอารมณ์ดี
แต่อาการอารมณ์ดีแบบนี้ เมื่อนึกถึงอันตรายที่ถังลั่วเหยาต้องเผชิญในเวลานี้มันก็หายไปในทันที
และในอีกด้านหนึ่ง จิ่งหนิงที่กำลังนอนหลับอยู่ในตอนกลางดึกนั้น อยู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้น
เมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นหล่อนไปต่างประเทศและเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง
วันนี้หล่อนก็ยังคงมีอาการเมาเวลาจากการเดินทางอยู่ถ้าไม่ได้มีเรื่องเร่งด่วนอะไรมาก ก็คงจะไม่โทรหาหล่อนในเวลานี้ซึ่งมันเพิ่งจะตี 3 ครึ่งเอง
จิ่งหนิงหยิบมือถือขึ้นมาด้วยความงุนงง หล่อนมองไปอย่างระมัดระวัง และพบว่าเป็นเสี่ยวเหอ
หล่อนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้และลางสังหรณ์ไม่ดีก็เกิดขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว
ลู่จิ่งเซินก็ดูเหมือนจะโดนปลุกด้วยขึ้นด้วยเสียงมือถือ เขาพลิกตัวและโอบหล่อนไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับถามอย่างงุนงงว่า “นั่นใคร?”
จิ่งหนิงก็หายง่วง และหล่อนก็ตอบไปโดยไม่คิดว่า “นั่นเป็นเสี่ยวเหอ คาดว่าคงเกิดเรื่องฉุกเฉินอะไรเกิดขึ้น คุณไปนอนก่อนนะ ฉันรับสายก่อนเดี๋ยวค่อยกลับมา”
เมื่อพูดจบหล่อนก็เอามือออกพร้อมกับลุกขึ้นแล้วหยิบมือถือเดินออกไปข้างนอก
หล่อนเดินออกไปที่ระเบียงทางเดินจากนั้นจึงรับสาย
“เสี่ยวเหอ เกิดอะไรขึ้น?”
ในฝั่งตรงข้ามนั้นน้ำเสียงของเสี่ยวเหอก็รีบจนทนไม่ไหว
“พี่ พี่หนิงเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว เดิมทีที่หล่อนยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้นหลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ หล่อนก็ตื่นขึ้นมาทันที
หล่อนก้มหน้าลงและถามว่า “ตกลงมันเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น?”
“ลั่วเหยาหายตัวไปแล้ว! หลังจากเลิกงานในเมื่อคืน ระหว่างทางกลับโรงแรมกับเสี่ยวฉิงนั้น ก็โดนคนลักพาตัวไปในระหว่างทางจนถึงตอนนี้ยังไม่มีร่องรอยเลย”
จิ่งหนิงตกใจอย่างแรง!
หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้รับข่าวนี้
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีหล่อนจึงได้สติกลับมาจากข่าวที่น่าตกใจนี้ และถามว่า “แจ้งตำรวจหรือยัง? แล้วทางนั้นเขาว่ายังไงบ้าง?”
เสี่ยวเหอตอบอย่างรวดเร็วว่า “มีแจ้งตำรวจแล้ว แต่ทางนั้นยังไม่พบเบาะแสอะไรเลย”
จิ่งหนิงยกมุมปากตัวเอง พร้อมกับใช้นิ้วมือจับราวระเบียงข้างๆ หล่อนโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กดเสียงต่ำลงและพูดว่า “ควรให้กองถ่ายนิ่งก่อน นอกจากผู้กำกับแล้ว อย่าให้คนอื่นรู้โดยเด็ดขาด ถ้ามีข่าวรั่วไหลใด ๆ จากสื่อรีบยับยั้งข่าวทันทีและห้ามปล่อยข่าวนี้ออกไปเด็ดขาด”
เสี่ยวเหอตอบรับอย่างรวดเร็ว
เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยมีกรณีแบบนี้มาก่อนหลังจากที่ดารานี้ถูกลักพาตัวไปแต่เดิมทีอีกฝ่ายก็ต้องการแค่เงินเท่านั้น
แต่เพราะสื่อรู้ข่าวและสื่อเหล่านั้นก็รายงานข่าวเกินจริงกระทั่งยังติดตามเข้าไปดำเนินคดีอีกด้วย
ต่อมาเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าผู้คนจำนวนมากกำลังติดตามและให้ความสนใจและภายใต้แรงกดดันนั้น จึงทำได้เพียงฆ่าคนทิ้งไป
แบบนี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยเหยื่อ แต่กลับกลายเป็นฆาตกรสมทบในการฆ่าเหยื่อ
เสี่ยวเหอเข้าใจและตระหนักได้ถึงความเป็นไปได้นี้ ดังนั้นแม้ว่าจิ่งหนิงจะไม่ได้สั่งแต่หล่อนก็คงต้องทำตามกฎ