ต่อมา จิ่งหนิงจึงอธิบายสิ่งที่หล่อนควรระวัง
เสี่ยวเหอรับปากไป และหลังจากอธิบายเสร็จ หล่อนจึงวางสายไป
ทันทีที่ทางนั้นวางสายจิ่งหนิงก็บอกเรื่องนี้กับลู่จิ่งเซินไป
ในด้านการหาคนในประเทศนั้น ลู่จิ่งเซินมีความสามารถมากกว่า
หลังจากที่ลู่จิ่งเซินฟังแล้ว จึงรีบให้ซูมู่ออกคำสั่งไปทันที
จากนั้นไม่นานคนเหล่านั้นจึงเริ่มปฏิบัติการ
และในขณะนั้นเองในอีกด้านหนึ่ง
วันนี้เฟิงยี่ไปเลือกคนรับใช้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจากวิลล่าด้วยตัวเองมาไม่กี่คน และเขาก็ดีใจที่จะบอกข่าวดีนี้กับถังลั่วเหยา แต่กลับได้รับข่าวว่าหล่อนถูกลักพาตัวไปแล้ว
เฟิงยี่ตกใจมากและเขาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้วดังนั้นเขาจึงรีบไปที่สถานีตำรวจทันที
ไม่นานเขาก็เข้าใจในเหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านมา
สีหน้าเขาก็มืดครึ้มลงทันทีราวกับว่าสามารถหยดน้ำออกมาได้
เมื่อเสี่ยวฉิงเห็นสีหน้าที่ลำบากใจของเขานั้นแล้ว ก็รู้สึกกลัว หล่อนจึงพูดอย่างสั่นว่า “คุณชายเฟิงคะ พี่ลั่วเหยา…พี่เขาคงจะไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
เฟิงยี่เหลือบมองหล่อนอย่างไร้ความรู้สึกและไม่ได้พูดอะไรออกไป จากนั้นก็หันตัวและจากไป
เมื่อทุกคนเห็นภาพด้านหลังที่จากไปของเขาแล้ว ต่างก็พากันงุนงง
และไม่รู้ว่าที่เขาทำแบบนี้มันหมายถึงอะไรยิ่งไม่รู้อีกว่าเขากำลังจะไปไหน
ในขณะนั้น เซ่เซียวก็อยู่ที่นั่นด้วย เพราะวันนี้เขามากับผู้กำกับเพื่อมาอธิบายความคืบหน้าของสถานการณ์
เมื่อเห็นสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เขาก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
เขาตบไหล่ปลอบใจเสี่ยวฉิงพร้อมกับพูดว่า “อย่ากังวลเลย หล่อนน่ะเป็นคนดีฟ้าย่อมคุ้มครองอยู่แล้ว มันจะไม่เป็นไรหรอก”
ที่จริงแล้ว หล่อนรู้สึกไม่สบายใจ
ทำไมถึงเกิดเรื่องกับถังลั่วเหยา และคนที่ออกหน้าก็ไม่ใช่จิ่งหนิงแต่กลับเป็นเฟิงยี่ล่ะ?
แม้ว่าเฟิงยี่จะเป็นผู้ถือหุ้นของอานหนิงกั๋วจี้ถ้าพูดอย่างจริงจังก็ถือเป็นเจ้านายของถังลั่วเหยาเหมือนกัน แต่เมื่อก่อนก็เคยมีนักแสดงคนอื่นที่เกิดเรื่องแบบนี้และเขาก็ไม่เคยออกหน้าเลย
ตอนนี้ เขากลับออกหน้าเข้ามาถามด้วยตัวเอง ราวกับว่าเขากังวลมาก
หรือว่า…พวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน?
ในเวลานี้เซ่เซียวจะไม่ได้คิดกับพวกเขาในแง่ของคู่รักเลย แต่แค่รู้สึกว่าท่าทางของเฟิงยี่ที่มีต่อถังลั่วเหยาค่อนข้างแปลก
แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากอย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือช่วยถังลั่วเหยาส่วนเรื่องที่เหลือนั้นมันไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น
ทันทีที่เฟิงยี่ออกมาจากสถานีตำรวจอยู่ๆ เขาก็โดนจับโดยเงาร่างหนึ่ง
ได้ยินแค่เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
เขาไม่ได้สังเกตเลยว่า เขาโดนอีกฝ่ายโจมตีไปโดยไม่ได้รับมือเลย ปลอกคอของเขาโดนอีกฝ่ายจับไว้ และร่างกายของเขาก็ถูกกดทับไว้บนรถอย่างรุนแรง
“เฟิงยี่! แกเคยพูดว่าจะปกป้องหล่อนไม่ใช่เหรอ? และเคยบอกด้วยว่าแกจะไม่ให้หล่อนโดนทำร้ายนิ?แล้วตอนนี้ล่ะมันเรื่องอะไร? โอ้?”
แขนข้างหนึ่งของฉู่ยี่กดหน้าอกของเขาอย่างแรง และล็อกคอของเขาไว้ ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ เขาโกรธมากจนจะลุกเป็นไฟ
เหลิ่งเม่ยมาพร้อมกับเฟิงยี่เมื่อเห็นดังนั้นสีหน้าก็เย็นชาลงทันทีและเขากำลังจะก้าวไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตามกลับโดนเฟิงยี่ยกมือขึ้นและห้ามไว้
เขามองไปที่ฉู่ยี่ อย่างว่างเปล่า และพูดอย่างเย็นชาว่า “ปล่อยสะ! “
อย่างไรก็ตาม ฉู่ยี่กลับไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
เขาก็เพิ่งได้ทราบข่าวที่ถังลัวเหยาเกิดเรื่องในขณะที่เพิ่งเกิดเรื่องเหมือนกัน
ในขณะนั้นเอง ลมหายใจของเขาก็เกือบจะหยุดลงเมื่อรู้หล่อนโดนลักพาตัวไปเมื่อคืนนี้ เขาก็ทั้งกังวลทั้งโกรธ
หลังจากตรวจสอบไปรอบหนึ่งก็ไม่ได้ข่าวอะไรเลยสักนิดเขาจึงมาหาเฟิงยี่ด้วยความโกรธ
เฟิงยี่มองเขาอย่างเย็นชาเขาพูดไปคำและก็พูดอีก “ฉันจะพูดอีกครั้งนะ ปล่อยสะ!”
ฉู่ยี่จ้องอย่างดุร้ายไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยเขาเลยสักนิดและยังคงดึงเสื้อผ้าของเขาไว้อย่างแน่น
“แกต้องบอกฉันก่อนว่า ตกลงหล่อนอยู่ที่ไหนกันแน่?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงเงียบลงก็รู้สึกเจ็บที่แขน และเฟิงยี่ไม่รู้ว่าเขาทำไปได้ยังไงอยู่ๆ ก็บิดแขนทั้งสองข้างของเขา แล้วคว่ำเขาลงบนพื้นดิน
ฉู่ยี่เจ็บจนกรีดร้องไปทีหนึ่ง
เหลิ่งเม่ยรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและขว้างอยู่ตรงหน้าเฟิงยี่
แล้วมองไปที่ฉู่ยี่ที่โดนเหวี่ยงลงพื้นอย่างเย็นชา
ฉู่ยี่โกรธมากเขาไม่เคยคิดว่า เฟิงยี่จะกล้าเหวี่ยงตัวเองลงกับพื้นจริงๆ เขากล้ากำเริบเสิบสานอย่างนี้ได้ยังไงกัน!
เป็นเพราะเขาปกป้องลั่วเหยาได้ไม่ดีเองตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับความผิด ยังอวดดีขนาดนี้เสียอีก!
หรือว่าในสายตาของเขาชีวิตความเป็นความตายของลั่วเหยาไม่สำคัญเลยงั้นเหรอ?
ฉู่ยี่เกลียดจนเข้ากระดูกดำ และพูดอย่างโกรธเคืองว่า“เฟิงยี่! ลั่วเหยาตาบอดจริงๆที่ตอนนั้นชอบแก!”
เฟิงยี่ปัดเสื้อผ้าที่เลอะของตัวเอง แล้วมองไปที่ฉู่ยี่ อย่างเหยียดหยามเหมือนกับมองขยะอย่างไงอย่างนั้น
“ตอนนี้แกก็ยังไม่มีสิทธิ์พอที่จะมาพูดแบบนี้! หล่อนไม่ได้เสียใจ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าแกจะมีอำนาจตัดสินใจ!”
เมื่อพูดจบก็ไม่ได้สนใจเขาอีกเขาก้าวเท้าขึ้นรถ แล้วจากไปอย่างไม่สนใจ
ฉู่ยี่โดนผู้คนเพิกเฉยอย่างที่สุด เมื่อมองไปที่ท้ายรถซึ่งกำลังจากไป ก็ใช้หมัดทุบ ลงกับพื้นอย่างดุร้าย”
และในรถ เฟิงยี่ก็ยื่นรูปถ่ายรูปหนึ่งให้เหลิ่งเม่ยและพูดกำชับอย่างเย็นชาว่า “ไปตรวจสอบสถานที่เดินทางของคนคนนี้ให้หน่อยมีข่าวอะไร รีบมาบอกฉันทันที
เหลิ่งเม่ย มองไปที่ผู้ชายซึ่งอยู่ในรูปถ่ายนั้น ก็รู้สึกประหลาด
“คุณชายรองคุณคิดว่า…”
เฟิงยี่หรี่ตาลงอย่างเฉยชา
คนคุ้นเคยกระทำโจรกรรม จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ติดต่อเรียกขอเงินจากที่นี่เลย คนแบบนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือเหอศื่อ
เห็นได้ชัดว่าเหลิ่งเม่ยก็นึกเรื่องนี้เช่นกันสีหน้าเขาหวาดกลัวจากนั้นจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ครับ”
ณ ขณะนั้น ในโรงงานร้างในเขตชานเมือง
รอบด้านเต็มไปด้วยกำแพงคอนกรีตสีดำที่หนาวจัดบนพื้นมีน้ำและคราบสกปรกไหลผ่านและทั่วทั้งโรงงานก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ
ตรงกลางเป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ และในพื้นที่โล่งนั้นมีเสาคอนกรีตหลายต้น ค้ำอยู่
ในเสาคอนกรีตต้นหนึ่งนั้น มีคนโดนมัดไว้อย่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เห็นเพียงมือทั้ง 2 ข้างของหล่อนโดนมัดไว้ด้านหลังผมยุ่งเหยิงและบนเสื้อผ้าของหล่อนก็เปื้อนด้วยไปน้ำสกปรก
รูปร่างผอมบางและอ่อนแอและนั่นก็คือผู้หญิงที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟคนหนึ่ง
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
ผู้หญิงที่โดนมัดอยู่นั้นก็ขยับตัวพร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก
เหอศื่อถือชามข้าวไว้ชามหนึ่งและเข้ามาด้วยใบหน้าที่เย็นชาจากนั้นจึงย่อตัวลงตรงหน้าหล่อน แล้ววางชามข้าวลงบนพื้นตรงหน้าหล่อน
“แม่งเอ๊ย กูหามาครึ่งวันก็หาไม่เจอเช็คครั้งที่แล้วของมึง มึงมันโกหกกูหรือเปล่าวะ!”
ถังลั่วเหยามองไปที่เหอศื่อ เพราะหล่อนหิวมาทั้งวันทั้งคืนแล้วและร่างกายหล่อนก็ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ เหลือเลย แม้แต่พูดหล่อนก็แทบจะพูดไม่ออกแล้ว
ปากของหล่อนยังโดนปิดด้วยเทป และไม่สามารถส่งเสียงได้ดังนั้นจึงทำได้แค่มองไปที่เขาอย่างเงียบๆ
เหอศื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเรียกสั่งพวกผู้ชายที่อยู่ข้างนอกว่า “เฮ้ยเราจะทำยังไงต่อไปวะ?”
ชายร่างอวบคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมแขนที่มีรอยสัก
“ในเมื่อหาเงินไม่เจองั้นก็โทรขอสิหล่อนยังมีแม่อยู่ไม่ใช่เหรอ? หล่อนต้องรู้ว่าเงินอยู่ที่ไหนแน่นอน”
เหอศื่อได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว และรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ฉันไม่อยากโทรหาหล่อน ถ้าบอกหล่อนแล้ว ข่าวที่นางนี่อยู่ในมือฉัน ทุกคนก็จะรู้ และเมื่อถึงตอนนั้นฉันจะกำจัดการตกเป็นที่ต้องสงสัยได้ยังไงล่ะ?”
เมื่อชายที่แขนมีรอยสักได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมาทันที
“โอ้โฮ ยังกล้าหวังว่าจะกำจัดการเป็นผู้ต้องสงสัย แล้วจะกลับไปเป็นซูเปอร์สตาร์อีกเหรอพ่อคุณ? นายตกลง แล้วไอ้ผู้หญิงราคาถูกนี่ล่ะจะตกลงด้วยไหม?”