วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 615 ใจสั่น

บรรยากาศในรถเข้าสู่ความสงบนิ่ง

ไม่มีใครพูดอะไร

จนกระทั่งรถขับมาจอดที่หน้าประตูของวิลล่าหลานซี ถังลั่วเหยาก็คิดที่จะเรียกเฟิงยี่ลงจากรถ พอหันไป ก็พบว่าเขากำลังก้มหัวพิงหน้าต่างอยู่ ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร

เธออึ้งไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ มองขอบตาที่ดำคล้ำของเขา รู้สึกเป็นห่วงเอ็นดูขึ้นมาไม่น้อย

คนขับรถยังไม่รู้ว่าเฟิงยี่กำลังหลับอยู่ ก็เลยตะโกนเรียกเขา ถูกถังลั่วเหยาที่ความรู้สึกไวห้ามเอาไว้ก่อน

เธอยกนิ้วชี้มาตรงริมฝีปากพร้อมกับส่งเสียง“ฉู่”เบาๆหนึ่งที

คนขับรถเห็นแบบนี้ก็ รีบปิดปากของตัวเองทันที

ถังลั่วเหยาจึงค่อยๆเอาหมอนสอดไปใต้ศีรษะของเขาอย่างเบาๆ แล้วก็ให้คนขับเอาเสื้อที่สะอาดๆจากข้างหลังรถมาห่มให้กับเขา

พอทำทั้งหมดเสร็จแล้ว เธอก็ลงจากรถ ก่อนจะพูดกับคนขับ“ให้เขานอนสักพักก่อนนะ อย่าเพิ่งไปรบกวนเขา”

คนขับรถมองถังลั่วเหยา แล้วก็หันไปมองเฟิงยี่ที่หลับไปเรียบร้อยแล้วในรถ อยากพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

“แต่ว่า วันนี้ช่วงบ่ายคุณชายรองยังต้องไปบริษัท……”

“ไม่มีงานไหนที่สำคัญไปกว่าสุขภาพร่างกายของคน”

ถังลั่วเหยาพูดตัดบทของเขาอย่างไม่คิดเลยแม้แต่น้อย เธอยกข้อมือขึ้นดูเวลา พร้อมกับพูดขึ้น“ก็แค่นอนสักสองชั่วโมง หลังจากสองชั่วโมงแล้วถ้าเขายังไม่ตื่น เดี๋ยวฉันจะมาปลุกเขาเอง”

คนขับเห็นแบบนี้ก็ไม่พูดอะไรอีก พยักหน้าตอบรับ

เวลาต่อมา ถังลั่วเหยาก็ไม่ได้เข้าไปในบ้าน แต่ลากเก้าอี้มานั่งรับแสงแดดที่บริเวณลานบ้าน

คนขับก็ไมได้ไปไหน ทุกคนต่างก็ไม่มีใครพูดอะไร

บรรยากาศเงียบสงบ ขณะที่รับแสงอาทิตย์ในช่วงฤดูหนาวอยู่ จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าไม่เจออะไรแบบนี้มานานแล้ว เป็นความรู้สึกที่ปล่อยสบาย

แน่นอน วงการบันเทิงเป็นที่ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งด่วนรีบเร่งตลอดเวลา บางครั้งเธอแทบจะยุ่งจนไม่ไม่รู้จักเช้าไม่รู้จักค่ำ เป็นเวลานานแล้ว ที่เธอเหมือนกับว่าสูญเสียชีวิตที่เป็นของตัวเองไป

แต่ตอนนี้ ได้มานั่งอย่างเงียบสงบที่นี่ ข้างๆก็มีคนที่ตนเองรักกำลังหลับอยู่ในรถ

มันทำให้อารมณ์ความรู้สึกของเธอนิ่งสงบลงทันที

แล้วก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนเหมือนกัน

จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาทำลายความเงียบสงบ

ในรถ เฟิงยี่ขมวดคิ้ว ก่อนจะลืมตาขึ้น มึนงงอยู่สักพัก จากนั้นก็ตอบสนองกลับมา

เขามองถังลั่วเหยาที่อยู่ข้างนอกแล้วก็คนขับรถ จากนั้นก็มองเสื้อที่ห่มอยู่บนตัวของตนเอง เสื้อตัวนอกที่ร่วงหล่นลงเพราะว่าเขาลุกขึ้นมา ในตานิ่งขรึมเล็กน้อย

สุดท้าย ก็หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดรับสาย

บริษัทเป็นคนโทรมา

เพราะว่าช่วงบ่ายมีงานประชุมวิดีโอที่สำคัญมากๆอยู่ ต้องให้เขาไปด้วยตัวเอง แต่ทุกคนรอมาครึ่งชั่วโมงแล้วไม่เห็นเขา ก็นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงโทรศัพท์มาถามดู

เฟิงยี่คุยกับพวกเขาไปพลาง ลงจากรถ

เขาพาดเสื้อตัวนอกไว้ที่แขน พูดสั่งในสายด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ คุณเตรียมเนื้อหาการประชุมไปก่อน ได้ อีกเดี๋ยวเจอกัน”

วางสายลง เดินมาหยุดที่ข้างๆถังลั่วเหยาพอดี

เขามองต่ำลงมาหาเธอ พร้อมกับถามขึ้น“ทำไมถึงไม่ปลุกผม?”

ถังลั่วเหยาพิงเก้าอี้ ท่าทางขี้เกียจ ภายใต้แสงอาทิตย์หรี่ตาลงมองเขาพร้อมกับ“หือ”ออกมาหนึ่งที

เฟิงยี่การกระทำหยุดชะงักลง สายตามองไปยังใบหน้าที่ถูกแสงอาทิตย์สาดส่องจนแทบจะโปร่งใสใบหน้านั้น จู่ๆก็ยิ้มออกมา

เขาก้มตัวลง มือข้างหนึ่งค้ำลงที่เก้าอี้ของเธอ มืออีกข้างก็จับไปที่คางของเธอเบาๆ

ทั้งสองคนหันหน้ามาเจอกัน มองกันด้วยระยะห่างที่แทบจะหายใจรดต้นคอกัน

เธอถึงขนาดที่สามารถเห็นเงาของตัวเองจากในตาของเขาได้เลย จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่นิ่งขรึมของเขาพูดขึ้น“เป็นห่วงผมเหรอ หืม?”

ถังลั่วเหยานึกว่า ตนเองจะผ่านช่วงอายุที่ใจเต้นใจสั่นมาแล้ว แต่ในช่วงเวลานี้ หัวใจก็ยังเต้นตึกตักอย่างอดไม่ได้เพราะว่าเขาอยู่ดี

เธอเม้มปาก เป็นครั้งแรกที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงความรู้สึกของตัวเองได้

พยักหน้าเล็กน้อย

รอยยิ้มที่ปากของเขาสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อว่าขยายกว้างขึ้น จากมุมปากแทบจะฉีกกว้างไปถึงหางตา จากนั้น ก็ก้มลงมาจูบลงมาที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ

“เหยาเหยา ผมรักคุณ”

ถังลั่วเหยาใจเต้นแรง

ข้างๆ คนขับรถก็หันตัวไปทางอื่นอย่างรู้งาน หันหลังให้กับพวกเขา แอบทำเป็นหูหนวกตาบอดไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

ใบหน้าของเธอแดงอย่างรวดเร็ว เหมือนกับดอกไม้บนหิมะขาวที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดง มองแล้วก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อย

เฟิงยี่ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นตื่นตัว อดไม่ได้ที่จะครอบครองทั้งตัวและหัวใจของเธอซะตรงนี้เลย

แต่เขาก็ยังมีเหตุมีผลอยู่ แค่จูบลงไปเบาๆเท่านั้น แล้วก็ปล่อยเธอ กลับมายืนเหมือนเดิม

“ผมต้องไปบริษัทก่อน คุณอยู่ที่บ้านรอผมกลับมา โอเคไหม?”

ถังลั่วเหยาพยักหน้า

เฟิงยี่จึงยิ้มๆออกมาอีกครั้ง ลูบๆผมของเธอ ก่อนจะหันเดินตรงไปที่รถ

คนขับรถเดินตามกลับไปที่รถ ถังลั่วเหยาลุกขึ้นยืน มองรถแล่นออกไปนอกบ้านแล้ว จึงหันสายตากลับมา

ผ่านไปไม่นาน เหลิ่งเม่ยก็พาคนสองคนเข้ามา

คนหนึ่งชื่อ ชิวหยุน อีกคนชื่อชิวเจ๋อ ล้วนแต่เป็นบอดี้การ์ดที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา

พวกเขาเป็นสองพี่น้องฝาแฝด นิสัยดี ฝีมือดี ที่สำคัญที่สุดก็คือเป็นคนที่ซื่อสัตย์เชื่อถือได้

ตอนที่เหลิ่งเม่ยแนะนำสองคนนี้ให้กับถังลั่วเหยา ถังลั่วเหยาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้าบอกว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นก็ให้พวกเขาลงไป

หลังจากที่เหลิ่งเม่ยพาพวกเขาจากไปแล้ว ในวิลล่าก็เหลือแค่เธอคนเดียว

เธอคิดๆแล้วก็นั่งลงบนโซฟา หยิบมือถือโทรไปหาแม่ถัง

จนถึงตอนนี้แม่ถังก็ยังไม่รู้เรื่องที่ถังลั่วเหยาถูกจับตัวไป ดังนั้นจึงรีบรับสายของเธอทันที แล้วก็แค่อยากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับเธอตามปกติทั่วไปเท่านั้น

รับสายอย่างยิ้มแย้ม ทั้งสองคนพูดคุยกันสองสามประโยค จู่ๆถังลั่วเหยาก็พูดขึ้น“แม่ อีกสักสองสามวันอาจจะไปรับแม่มานะ”

แม่ถังอึ้งตะลึงไป รู้สึกไม่เข้าใจ

“ทำไมเหรอ?”

“เหอศื่อถูกจับตัวไปแล้ว น่าจะถูกตัดสินพิพากษาแล้ว ก่อนจะถึงตอนนั้น หนูก็เลยอยากที่จะให้พวกคุณหย่ากัน”

ความผิดของเหอศื่อในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ข้อหาลักพาตัว ยังมีฆ่าคนด้วย

อาจจะเป็นโทษประหารชีวิต

เธอไม่อยากให้แม่ ต้องแบกรับตราบาปว่าเป็นภรรยาของฆาตกรไปตลอดชีวิต ดังนั้น ก่อนที่เหอศื่อจะถูกพิพากษา เธออยากที่จะให้พวกเขาหย่ากัน

แม่ถังพอได้ยินแบบนั้น ก็เงียบไปสักพัก จากนั้นก็เปิดปากพูดขึ้น

“เขาถูกจับไปเพราอะไร?”

ช่วงหลายปีมานี้เหอศื่อทำเรื่องที่ผิดกฎหมายมาเยอะแยะมากมาย แต่ไม่ได้ถูกจับตัวสักที

ครั้งนี้ กลับถูกจับตัวไปอย่างคลุมเครือไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด

เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่แม่ถังจะไม่เกิดคำถามขึ้นมาในใจ

ถังลั่วเหยาก็รู้ดีว่า ไม่สามารถปิดบังเรื่องเรื่องนี้กับเธอได้

ต่อให้เธอไม่พูดตอนนี้ ตอนที่พวกเขาหย่ากัน เหอศื่อก็บอกกับเธออยู่ดี

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันก่อนให้กับแม่ถังไปอย่างละเอียด

แม่ถังฟังอย่างเงียบๆ ในช่วงสองสามวันที่เธอไม่รู้เรื่องอะไร ถังลั่วเหยากลับผ่านเรื่องราวมาเยอะแยะมากมายขนาดนี้ เธอรู้สึกทั้งเกลียดชังทั้งเป็นห่วงขึ้นมาทันที

“เหยาเหยา ขอโทษ เป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ก่อปัญหาไว้ขนาดนั้นในตอนแรก ลูกก็คงจะไม่ต้องมาเจอกับอะไรที่มากมายขนาดนี้”

น้ำเสียงของเธอโทษตัวเองและโกรธเกลียดเสียใจ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset