ถังลั่วเหยาเม้มปาก พูดปลอบขึ้น“แม่ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแม่ คนเลวๆบนโลกใบนี้มีเยอะแยะมากมาย แล้วก็จะเอาแต่หวังว่าพวกเราโชคดีตลอดไม่ได้ สักคนก็ยังไม่ได้เลยเจอใช่ไหมล่ะ? อีกอย่างตอนนี้เขาก็ถูกจับแล้วด้วย จากนี้ไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว ดังนั้นแม่ไม่ต้องโทษตัวเองอีกต่อไปแล้วนะ”
แม่ถังจึงตอบรับอย่างสงบจิตสงบใจลง
ถังลั่วเหยาก็พูดกับเธอต่ออีกสองสามประโยค เรื่องที่ต้องระวังเวลาที่จะไปเซ็นข้อตกลงการอย่างร้าง จากนั้นก็วางสายลง
ช่วงค่ำ เวลาสามทุ่ม เฟิงยี่กลับมาแล้ว
ขณะเดียวกันถังลั่วเหยาก็เพิ่งจะมาส่งเสี่ยวฉิงที่มาส่งของให้เธอกลับไปพอดี ยังไม่ทันได้กลับเข้ามาในบ้าน ก็เห็นรถที่คุ้นตาคันหนึ่งอยู่ไกลๆกำลังขับเข้ามาในวิลล่า
เธอยืนอยู่กับที่ จนกระทั่งรถขับใกล้มาข้างหน้า จึงยกมุมปากยิ้มเล็กน้อย
เฟิงยี่ลงจากรถ แล้วยังมีเหลิ่งเม่ยลงมากับเขาด้วยเหมือนกัน
เหลิ่งเม่ยยกกระเป๋าสัมภาระตรงเข้ามา
เฟิงยี่พูดอธิบาย“ก่อนหน้านี้ได้ยินเสี่ยวฉิงบอกว่ามีของของคุณที่ต้องพาเข้ามา เธอยกไม่ค่อยสะดวก ผมก็เลยให้เหลิ่งเม่ยพามา คุณดูหน่อยว่าใช่ของพวกนี้ไหม”
ถังลั่วเหยาอึ้งตะลึงไป สายตามองไปที่กระเป๋าสัมภาระใบนั้น พอมั่นใจแล้วว่าเป็นกระเป๋าสัมภาระของที่ใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเอง
เธอก็เม้มปาก พูดถามขึ้น“นี่คุณกะที่จะอาศัยอยู่กับฉันที่นี่ยาวๆเลยเหรอ?”
เฟิงยี่ยิ้ม
เขาชี้สั่งให้เหลิ่งเม่ยยกกระเป๋าเข้าไป จากนั้นก็โอบเอวของเธอ เดินเข้าไปข้างในพลางพูดขึ้น“หรือว่าคุณยังคิดที่จะพักที่อื่นอีก?”
ถังลั่วเหยานิ่งไป
เห็นๆอยู่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับแอบมีความรู้สึกว่าเหมือนกับตัวเองกำลังอยู่ในกำมือของเขายังไม่รู้
หลังจากที่เหลิ่งเม่ยวางของลงแล้ว ก็จากไป
ถังลั่วเหยาเห็นเฟิงยี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ในใจก็รู้สึกลังเลว่าจะกลับไปพักดีไหม แต่จะพูดออกมาในเวลาแบบนี้มันก็ไม่ค่อยจะดีนัก จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง“คุณกินอาหารเย็นมาแล้วยัง?”
เฟิงยี่หันมองเธอ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“ยังไม่กิน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปทำหมี่ให้คุณกินนะ?”
“ครับ”
เขาไม่ได้ปฏิเสธ ถึงขนาดที่มีรอยยิ้มเอ่อล้นออกมาจากในตาด้วยซ้ำ
มองเธอที่เป็นแบบนี้ ก็เหมือนกับกำลังมองของล้ำค่าหายากที่อยู่ในเงื้อมมือของตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ไม่ปาน
ถังลั่วเหยาถูกสายตาแบบนี้ของเขามองจนรู้สึกสับสนไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าในใจของผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
แต่ก็ไม่ได้ไปคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน หันตัวเดินเข้าไปในครัว
โชคดีที่วัตถุดิบในบ้านยังพอมีอยู่บ้าง ตอนทำก็เลยไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากนัก
ไม่นานเธอก็ทำหมี่สามเซียนมาหนึ่งถ้วย
เฟิงยี่อาศัยจังหวะนี้ ขึ้นไปอาบน้ำข้างบน
พอเขาลงมา หมี่ก็ทำเสร็จวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ข้างบนมีสีแดงเขียวขาวผสมปนเปกัน เห็นแล้วชวนให้อยากอาหารยิ่งนัก
กลิ่นหอมๆของอาหารลอยโชยขึ้นมา เฟิงยี่นั่งลงที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะพูดยิ้มๆ“ฝีมือการทำอาหารของคุณพัฒนาขึ้นมากเลยนะ”
คำพูดนี้ ทำให้ถังลั่วเหยานึกถึงหมี่ถ้วยนั้นที่เธอทำให้เขากินเมื่อครั้งก่อนขึ้นมา
เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มทันที
เฟิงยี่กลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย หยิบตะเกียบขึ้นมากิน
ถังลั่วเหยามองเขาด้วยความรู้สึกกดดัน ก่อนจะพูดถามขึ้น“อร่อยไหม?”
ไม่คิดว่าจะเห็นเขาขมวดคิ้ว
เธอรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
พูดกันตามตรง แม้ว่าเธอจะทำอาหารเป็น แต่ก็ไม่ได้ทำมานานมากแล้ว
ปกติจะไปถ่ายหนังที่กองถ่ายตลอด ต่อให้ไอดอลมีเวลาพักผ่อน ก็เป็นการเจียดเวลาอันน้อยนิดมาพักผ่อนเท่านั้น แล้วเวลาพักก็จะไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำอาหาร
ดังนั้นต่อให้มีเวลา แต่เสี่ยวฉิงก็เป็นคนทำอาหารให้กับเธออยู่ดี
ถ้านับให้ละเอียด นานมากแล้วที่เธอไม่ได้เข้าครัว ก็เลยไม่มีความมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเองมากมายขนาดนั้นแล้ว
พอเห็นสีหน้าของเฟิงยี่ไม่ค่อยดี เธอก็ยิ้มๆอย่างอึดอัดทันที“ไม่อร่อยก็ไม่ต้องฝืน เดี๋ยวฉันโทรสั่งให้ก็ได้”
พูดจบ ก็ลุกขึ้นเตรียมจะโทรศัพท์
แต่เพิ่งจะลุกขึ้นยืน จู่ๆข้อมือก็ถูกเขาดึงเอาไว้
เขาใช้แรงแค่นิดเดียว ก็สามารถดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดได้แล้ว
ถังลั่วเหยายังไม่ทันตอบสนองกลับมา รู้สึกโลกหมุน พอรู้สึกตัวอีกที ก็ลงไปอยู่บนตักของเขาเรียบร้อยแล้ว
เฟิงยี่โอบเอวของเธอเอาไว้ รัดเธอเอาไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง ก้มลงมองพร้อมกับพูดขึ้น“ล้อคุณเล่นน่ะ อร่อย ไม่ต้องโทรสั่งอาหารเลย”
ถังลั่วเหยาจึงเข้าใจขึ้นมา ที่แท้เขาก็จงใจแกล้งตนเอง
ความรู้สึกโมโหก็สุมเข้ามาในทรวงทันที เธอยกมือขึ้นมา แล้วทุบไปทีไหล่ของเขาอย่างแรง พูดกัดฟัน“ทำไมคุณถึงเลวขนาดนี้?”
เฟิงยี่ยิ้มจนตาปี๋ อารมณ์ความรู้สึกมีความสุขแผ่กระจายออกมาจากข้างใน
ตอนที่สายตาหันไปมองเธอนั้น ก็ยิ่งชอบใจอย่างปิดซ่อนเอาไว้ไม่อยู่
“อื้อ ผมมันเลว ถ้าอย่างนั้นต่อไปคุณก็ต้องดูแลจัดการผมให้เยอะๆล่ะ ดูแลผมให้ดีๆหน่อยสิ”
น้ำเสียงในลำคอที่ทุ้มต่ำ แฝงไปด้วยไอร้อนเล็กน้อยที่ออกมาจากจมูก
ถังลั่วเหยาก็ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆหน้าก็เริ่มแดงขึ้นมา
เขาก้มหัวลงเล็กน้อย ทำให้ระยะห่างระหว่างหน้าของทั้งสองคนใกล้กันมากขึ้น
ใกล้ขนาดที่ว่าถ้าเธอเงยหน้าขึ้นมา ก็จะสามารถจูบกับริมฝีปากบางๆของเขาได้เลยทันที
ถังลั่วเหยารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะว่าตัวเธอถูกโอบกอดอยู่ในอ้อมกอดของเขา ทำให้บริเวณรอบตัวเธอเต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จของเขา
เหมือนกับลมเบาๆเย็นสบาย โอบล้อมเธอเอาไว้ทุกทิศทาง ทำให้เธอหายใจไม่สะดวก
“คุณ คุณอย่าทำแบบนี้สิ”
เธอยื่นมือออกมา ผลักที่หน้าอกของเขาเบาๆ
เฟิงยี่ยิ้มๆ“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย คุณตกลงมาเองนะ”
ถังลั่วเหยาตกใจจนถลึงสองตาโต
“คุณพูดใหม่ซิ ว่าใครตกลงมา?”
เฟิงยี่จึงหลุดขำออกมา ต้องจำใจยอมรับ“ได้ ผมเองที่เป็นคนดึงคุณลงมา เหยาเหยา ตอนนี้พวกเราถือว่าคืนดีกันอย่างจริงๆจังๆแล้วใช่ไหม?”
ถังลั่วเหยาอึ้ง
ไม่รู้ว่าเปลี่ยนมาเป็นหัวข้อนี้ตั้งแต่เมื่อไร!
เฟิงยี่เห็นท่าทางที่อึ้งของเธอ ก็ถอนหายใจออกมา!
เขายื่นมือออกมาลูบๆหัวของเธอ ก่อนจะพูดเบาๆ“ผมเข้าใจ ว่าก่อนหน้านี้ผมทำอะไรไม่ดีกับคุณมามากมายเกินไป แม้ว่าครั้งที่แล้วคุณจะยกโทษให้ผมไปแล้ว แต่ก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ความรู้สึกที่ถูกสถานการณ์ในตอนนั้นบีบบังคับเท่านั้น ในใจคงจะยังต่อว่าผมอยู่แน่ๆเลยใช่ไหม
ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง จึงจะสามารถทำลายความสงสัยในใจของคุณได้ บนโลกใบนี้ มีแค่คุณเท่านั้น ที่ทำให้ผมหมดหนทางความช่วยเหลือ
เหยาเหยา คุณทำให้ผมลิ้มรสถึงความผิดหวังที่ผู้ชายไม่ควรจะมีมาหลายครั้งหลายครามากๆ ทำให้ผมไม่มีความมั่นใจในการถามอีกแล้ว
แต่ผมรู้ ถ้าผมไม่ถาม กลัวว่าคุณก็ยังคงจะสร้างกำแพงมากันผมอยู่ดี พวกเราก็จะไม่มีทางมาสื่อถึงใจกันได้อย่างแท้จริง ไม่มีวันได้อยู่ร่วมกันตลอดไป
ดังนั้น ตอนนี้ผมอยากจะถามคุณอีกสักครั้ง เหยาเหยา คุณเต็มใจที่คบกับผมไหม?”
ถังลั่วเหยานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งๆ มองเขา เธอไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่า เฟิงยี่จริงจังได้ถึงขั้นนี้
แม้ว่าแต่ความคิดที่อยู่ในใจของเธอจริงๆ เขาก็เดาได้ถูกเผงขนาดนั้น
ใช่แล้ว ต่อให้ครั้งที่แล้วเธอจะตอบรับไปแล้ว ว่าจะคบกับเขา
แต่จริงๆแล้วในใจก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อย
เธอไม่กล้า แล้วก็ไม่เต็มใจที่จะก้าวขาก้าวสุดท้ายออกไปจริงๆ แม้ว่าจะรู้สึกมีใจให้กับเขาอยู่ลึกๆในใจก็ตาม แม้ว่าเธอจะรู้ ว่าถ้าไม่คบกับเขา ชั่วชีวิตนี้ของตนเองก็คงจะไม่สามารถรักผู้ชายคนไหนได้อีกแล้วก็ตาม