แต่พวกเขาตกลงกับตู๋กูยิงแล้วว่าจะปิดบังเรื่องแต่งงาน ถ้าเฟิงยี่ออกหน้าแบบนี้ ข่าวที่สองคนแต่งงานกันก็คงปิดบังไม่อยู่แล้ว
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ผิดสัญญาแล้วไม่ใช่หรือ
พอนึกถึงตรงนี้ เธอถอนหายใจออกคำหนึ่ง
“เรื่องนี้ค่อยคุยกันเถอะ พวกคุณกดกระแสลงไปก่อนแล้วค่อยมาว่ากันใหม่”
อีกฝั่ง ซูหงพยักหน้า
“ถ้าเรื่องของแกกับเฟิงยี่เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ฉันร้อนใจแบบนั้น หลักๆ คือกลัวว่ามันเป็นเรื่องปลอม อยู่ในวงการนี้ แกก็รู้…”
ถังลั่วเหยายิ้มอ่อนๆ
เธอเข้าใจความหมายของซูหง
ถ้าตัวเองเพื่อที่จะอยู่ที่สูงแล้วไปเกาะเฟิงยี่จริงๆ ไม่ว่าตอนนั้นจุดจบจะเป็นยังไงก็ตาม เธอก็ต้องเผชิญหน้าและจัดการปัญหาที่เหลือไว้คนเดียว
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เธอกับเฟิงยี่เป็นสามีภรรยากันทั้งทางกฎหมายและทางความเป็นจริง
ซูหงจัดการขึ้นมาก็ไม่ค่อยห่วงอะไรเท่าไหร่
เธอหายใจเข้าลึกๆ พูดว่า: “ทำให้คุณต้องลำบากแล้วนะ พี่ซูหง”
ซูหงพยักหน้า ถามต่อว่า: “แกรู้ไหมว่าใครเป็นคนแฉ ถ้ารู้บอกฉันมาได้ ฝั่งฉันก็ไม่ต้องเสียแรงไปสืบอีกแล้ว ไม่ว่ายังไง เรื่องแบบนี้ให้ติดต่อฝั่งนั้นโดยตรงเลยก็คือวิธีจัดการที่เร็วที่สุดแล้ว”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของถังลั่วเหยาก็เย็นชาขึ้นมา
“ไม่ต้องติดต่อแล้ว ฉันรู้ว่าเป็นใคร แต่เธอไม่มีทางปล่อยมือหรอก”
พอซูหงได้ยิน รู้สึกไม่น่าเชื่อถือเล็กน้อย
“ไม่มีทางปล่อยมือ หมายความว่าไง”
ถังลั่วเหยาได้แต่จำใจบอกเรื่องของส้งเจียเจียให้เธอฟัง
หลังจากที่ซูหงฟังจบ เงียบไปสักพัก
ดูออกได้ว่าก็อึดอัดเหมือนกัน
แต่เรื่องมันพัวพันถึงเฟิงยี่ ยังไงก็เป็นกรรมการของอานหนิงกั๋วจี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเจ้านายของเธอ
ขณะนั้นซูหงก็มิอาจว่าอะไรได้
“ถ้าเป็นแบบนี้ อย่างนั้นฝั่งฉันก็เลิกสืบทางนี้เลยนะ”
ถังลั่วเหยาตอบอืมคำหนึ่ง สองคนก็พูดเรื่องนี้อีกกี่ประโยค จากนั้นจึงวางสายลง
หลังจากที่วางสายมือถือลง ถังลั่วเหยาผ่อนลมหายใจคำหนึ่งอย่างหมดหวัง
หันหลังกลับ กำลังจะเดินกลับไป กลับอึ้งกะทันหัน
เห็นแค่เฟิงยี่ยืนอยู่ตรงนั้น เอาแขนประสานกันไว้พิงอยู่ตรงขอบประตู ไม่รู้เหมือนกันว่ามานานแค่ไหนแล้ว
บนตัวเขายังใส่เสื้อคลุมชุดนอนของเมื่อคืนอยู่เลย เสื้อคลุมชุดนอนผ้าไหมสีดำห้อยอยู่บนตัวของเขาอย่างหลวมโพรก เผยวิวสวยงามตรงแผ่นอกออกมาหมด
แสงแดดอบอุ่นบางๆ ยามเช้าส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง ตกลงตรงบนหน้าของเขา มีความรู้สึกแบบจิตใจเลื่อนลอย
ถังลั่วเหยาดูจนตาค้าง ผ่านไปเนิ่นนาน จึงนึกขึ้นมาได้ถามว่า : “คุณตื่นแล้วเหรอ”
เฟิงยี่พยักหน้า เดินมากอดเธอจากด้านหลัง
“ซูหงโทรมาหาเหรอ”
สายตาของเขาให้สัญญาณไปทางมือถือที่อยู่ในมือของเธอ
ถังลั่วเหยาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่เมื่อกี้ตัวเองกับซูหงคุยมือถือกัน ตกลงเขาได้ยินหรือเปล่า
ได้แต่พยักหน้า “อืม” คำหนึ่ง
“ผมได้ยินหมดแล้ว”
เขาเอาคางแตะตรงบนไหล่ของเธอ ทั้งคนยังคงเป็นหน้าตาเกียจคร้านตอนเพิ่งตื่นนอนแบบนั้นอยู่ บนตัวมีลมหายใจน่าหลงใหลของหนุ่มโตอย่างหนึ่ง
เขาพูดเสียงต่ำว่า: “เหยาเหยา ขอโทษนะ ผมนำปัญหามาให้คุณ”
ตอนแรกอารมณ์ของถังลั่วเหยายังหดหู่อยู่เพราะเรื่องนี้ในวันนี้
แต่ตอนนี้ พอได้ยินคำพูดประโยคอันน้อยใจของเขานี้ ก็ไม่รู้ทำไม เมฆดำที่บังอยู่ตรงหัวใจอยู่ๆ ก็หายแล้ว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คิคิ” ออกมา
“ใช่ คุณสร้างปัญหาให้กับฉันแล้ว ตอนนี้คุณคิดจะชดเชยฉันยังไงล่ะ”
เฟิงยี่หรี่ตาลงเล็กน้อย ดูใบหน้าขาวอมชมพูของเธอ ทันใดนั้นก้มหัวลง จูบตรงริมฝีปากของเธอแรงๆ
ถังลั่วเหยานิ่งไปทั้งตัว
เฟิงยี่ยิ้มพูดอย่างร้ายกาจว่า: “ความจริงผมสามารถชดเชยคุณในทางอื่น เช่น…บนเตียง”
ถังลั่วเหยาได้ยินคำพูด ทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป พุ่งถอยไปข้างหลัง
จากนั้น มองเขาอย่างระมัดระวัง
“เฟิงยี่ คุณอย่าแม้แต่คิดเลย!”
เมื่อคืนทรมานเธอจนใกล้จะตายแล้วยังไม่พอ ตอนนี้ยังจะมาอีกเหรอ
ฝันไปเถอะ!
ถังลั่วเหยาเบะปากเดินผ่านข้างเขา เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับพูดด้วยว่า: “มองว่าก่อนหน้านี้คุณมีท่าทีในการยอมรับผิดอย่างดี เรื่องนี้ฉันก็ไม่เอาเรื่องคุณแล้ว คุณวางใจได้เลย เมื่อกี้พี่ซูหงบอกให้ฉันว่า เมื่อคืนพวกเขาประชุมเร่งด่วน มีแผนแก้ไขแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
เฟิงยี่ยังคงเอาแขนประสานกันไว้ พิงอยู่ตรงขอบประตูอยู่
ทั้งคนดูมีสไตล์แบบคุณชายราคาแพงเนือยๆ ยุคตอนต้นสาธารณรัฐจีนแบบนั้น
เขามองถังลั่วเหยา ยิ้มพูดว่า: “แน่ใจว่าไม่ต้องให้ผมช่วย”
ถังลั่วเหยาหันหน้ากลับไปดูเขาแวบหนึ่ง ทำเสียงมั่นใจ
“เรื่องแค่นี้เอง ฉันพอจัดการเองได้อยู่แล้ว”
เธอไม่อยากให้เฟิงยี่ยุ่งด้วย ความจริงยังมีอีกเหตุผลส่วนตัว
นั่นก็คือเธอไม่อยากผิดสัญญาที่มีให้กับตู๋กูยิง
ถ้าเฟิงยี่ยุ่งด้วย พูดได้ยากมากเลยว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ที่สองคนแต่งงานกันออกมา
เพราะยังไงปาปารัสซีในปัจจุบัน มีความสามารถที่มิอาจดูถูกได้เลย
เธอถือเสื้อผ้าขึ้นมา เข้าไปในห้องอาบน้ำ
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเสร็จ ก็แต่งตัวให้เองง่ายๆ
จากนั้นเอากระเป๋าของตัวเองมา โบกมือให้กับเฟิงยี่
“ฉันจะไปกองถ่ายแล้ว คุณพักผ่อนอยู่ในบ้านดีๆ เถอะ”
เฟิงยี่ถาม: “ไม่ให้ผมส่งคุณไปเหรอ”
“ไม่ต้อง”
พูดเล่นอะไรเนี่ย
ตอนนี้ในอินเตอร์วุ่นวายขนาดนี้แล้ว เธอหลีกเลี่ยงแทบจะไม่ทัน ยังจะให้เขาส่งเธออีก?
กลัวข่าวแฉในอินเทอร์เน็ตยังรุนแรงไม่พออีกหรือไง
ดูออกได้ว่าเฟิงยี่ก็รู้เหตุผลนี้ แตะปลายจมูกอย่างดื้อรั้น ไม่พูดอะไรอีก
หลังจากที่ถังลั่วเหยาก้าวออกไปกี่ก้าว อยู่ๆ หยุดก้าวเท้าลง หันหน้ากลับไปบอกว่า: “ใช่แล้ว มีเรื่องหนึ่งจะแจ้งให้คุณหน่อย ช่วงนี้เนื่องจากจะหลีกเลี่ยง เราสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันไม่ได้ ดังนั้นฉันก็จะกลับไปอยู่ที่คอนโดของฉัน ถ้าไม่สะดวกกลับมา ก็จะอยู่ในโรงแรมของกองถ่าย ดังนั้นช่วงนี้คุณก็ไม่ต้องมาหาฉันแล้วเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็โดนคนอื่นถ่ายโดน จับจุดอ่อนอะไรได้อีกแล้ว”
พอคำพูดนี้ออกมา เฟิงยี่รู้สึกไม่พอใจทันทีเลย
สีหน้าของเขามืดลง พูดด้วยเสียงเคร่งว่า: “ไม่ได้ พอไม่เห็นด้วย!”
ถังลั่วเหยายกคิ้ว “ทำไม”
เฟิงยี่ไม่รีรอ ขึ้นไปข้างหน้ากอดเธอเข้ามาในอ้อมแขนเลย
“คุณคือภรรยาของผม อะไรคือผมไปหาคุณไม่ได้ หรือว่าผมขนาดภรรยาตัวเองยังหาไม่ได้เลยหรือไง”
ถังลั่วเหยาตะลึง ดูออกได้ว่าสำลักจากคำพูดนี้ของเขาแล้ว
เธอมองบนอย่างหมดหนทาง “ก็ช่วยไม่ได้นิ ตอนนี้เราคือแอบแต่งงาน แอบแต่งงานหมายถึงอะไรคุณเข้าใจไหมคุณพี่ ก็คือห้ามให้คนเห็น และห้ามให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์แท้จริงของเรา”
เธอหยิบมือถือออกมา เปิดเวย์ปั๋วออกมา ชี้รูปค้นหาที่อยู่ข้างบน พูดกับเขาว่า: “นี่ คุณดูเองสิ ตอนนี้แฟนน้อยของคุณคนนั้นแฉเรื่องของเราออกไปหมดแล้ว
คนที่อยู่ข้างนอกก็คือเฝ้าเราสองอยู่แล้ว ถ้าคุณยังมาหาฉันอีก หลบหูหลบตาของพวกเขาไม่ได้แน่นอนหรอก ฉะนั้นเพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย ช่วงนี้คุณไม่ต้องมาแล้ว”
สีหน้าของเฟิงยี่เหม็นอย่างกับก้นหม้อ
“แล้วตกลงเราต้องปิดบังถึงเมื่อไหร่”
กว่าจะจีบคนให้ติดได้แล้ว ตอนนี้กลับต้องซ่อนไปซ่อนมา
จริงๆ แล้วเป็นสามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่กลับหน้ายังไม่กล้าเจอเลย