ถังลั่วเหยาอึ้งเล็กน้อย พอตั้งตัวได้ก็พยักหน้า “คุณพูดเลย”
“ถ้าผมเจอคุณก่อนหน้าเขา มีความเป็นไปได้ที่คุณจะชอบผมไหม”
ถังลั่วเหยาอึ้งอยู่กับที่
ไม่พูดไม่ได้เลยว่าความเป็นไปได้ที่เซ่เซียวพูดถึง เธอไม่เคยคิดเลย
เพราะบนโลกใบนี้ ไม่มีคำว่าถ้าเยอะขนาดนี้อยู่แล้ว
พรหมลิขิตรวมกันหายไป พบกันจากไป มีหลายๆ ครั้ง พวกเราคิดว่าแต่งงานด้วยความพยายามของตัวเอง
แต่ความจริงแล้วเราไม่รู้ว่าทุกอย่างถูกฟ้าลิขิตไว้นานมากแล้ว
เวลานั้นนานจนบางครั้งตัวเองก็นึกไม่ออกว่าตกลงคือเมื่อไหร่
ดังนั้น คำว่าถ้ามาจากไหนอีก
อยู่ๆ เธอก็เงียบ เซ่เซียวก็ไม่รีบ นั่งอยู่กับเธอเงียบๆ รอคำตอบจากเธอ
ผ่านไปเนิ่นนาน ถังลั่วเหยาจึงพูดเบาๆ ว่า: “พวกเรารู้จักกันตอนอายุสามขวบ”
เซ่เซียวตะลึง
เขามองถังลั่วเหยา ในดวงตาสว่างคู่นั้น แผ่ความรำลึกออกมา
เธอยิ้มเล็กน้อย มองที่ไกลๆ ไม่มีสิ้นสุดในท้องฟ้ากลางคืน พูดเบาๆ ว่า: “ตอนนั้นพอของฉันเป็นทหารที่ทำงานให้กับคุณปู่ของเขา จะออกไปทำภารกิจกับคุณปู่เฟิงบ่อยๆ แม่ฉันกลัวว่าฉันเด็กคนหนึ่งอยู่บ้านจะเบื่อ ไม่มีใครเล่นกับฉัน ก็จะพาฉันไปเล่นที่บ้านตระกูลเฟิงบ่อยๆ
ฉันก็คือเจอเขาในตอนนั้น”
ความทรงจำเหมือนกับเกิดหลุมใหญ่ แนบไปด้วยลมที่พัดโดยวันเวลา กลับไปถึงยี่สิบปีก่อน ตอนบ่ายอันอบอุ่นนั้น
เธอยิ้มพูดอย่างอ่อนโยน : “ตอนนั้นฉันเล็กมากเลย ขนาดเดินยังไม่คล่องเลย ฉันเล่นจับแมลงปออยู่ลานหลังบ้านของพวกเขา จับไปจับมา อยู่ๆ ก็ถูกก้อนหินสะดุดล้มลง”
ความจริงถ้าแค่สะดุดจากก้อนหินก็ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ข้างหน้าก็คือสระบัว ฉันยืนไม่นิ่ง ก็ล้มลงไปในสระบัวแล้ว
น้ำในสระลึกมาก จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังจำได้อยู่เลย ความรู้สึกแบบถูกน้ำท่วมจนถึงบนหัว เข้าไปในหู จมูก ลำคออย่างนั้น
ฉันพยายามดิ้นในน้ำ ตะโกนเอย เรียกเอย ดิ้นเอย แต่เนื่องจากพวกผู้ใหญ่ไปอยู่ข้างหน้ากันหมดแล้ว คนใช้ที่อยู่กับฉันก็ไปแล้วเพราะมีธุระกะทันหัน
ฉะนั้นกลับไม่มีใครมาช่วยฉันสักคนเลย เมื่อฉันใกล้จะสิ้นหวังแล้ว อยู่ๆ ก็มีคนดึงมือของฉันไว้
จากนั้นก็ลากฉันขึ้นมาสุดแรง อุ้มฉันไว้ว่ายขึ้นไปข้างบน
ตอนนั้นฉันตกใจจนโง่แล้ว สติงุนงง ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าใครเป็นคนช่วยฉัน หลังจากตื่นมาก็รู้แต่ร้องไห้อย่างเดียว
คนในบ้านได้ยินว่าฉันตกน้ำ ก็วิ่งมาหาฉันอย่างใจร้อน ทุกคนล้อมรอบฉันแย่งกันพูดโทษนั่นโทษนี่
แต่พวกเขาไม่รู้ ความจริงตอนนั้นฉันตกลงไปเอง ฉันไม่อยากโทษใครเลย ฉันก็แค่รู้สึกกลัว อยากมีสักคนมากอดฉันหน่อย
หลังจากนั้น จนถึงฉันเห็นเขา เสื้อผ้าเปียกทั้งตัวเหมือนกัน ยืนอยู่ไม่ไกล ยื่นลูกอมที่อยู่ในมือเม็ดหนึ่งมา บอกว่า ‘คุณอย่าร้องไห้แล้ว ลูกอมนี้ให้คุณกิน’”
จริงๆ แล้วเป็นฉากที่ธรรมดามากใช่ไหม เด็กอายุเจ็ดขวบคนหนึ่ง ช่วยเด็กอายุสามขวบที่ตกน้ำไว้อย่างกล้าหาญ
ความทรงจำที่นานมากแล้ว ความเป็นจริงฉันไม่น่าจะจำได้แล้ว แต่ฉันกลับจำได้ดีมาก
ยิ่งกว่านั้นคือ สีหน้าของเขาตอนนั้น และความเขินที่โผล่ขึ้นมาบนหน้าของเขาเมื่อส่งลูกอมมาให้ ฉันยังจำได้ชัดเจนมากเลย”
ถังลั่วเหยายังคงพูดอย่างสงบ เซ่เซียวก็ฟังอยู่เงียบ บนหน้าไม่มีสีหน้าใดๆ เลย
แต่มือที่วางอยู่ข้างกาย กลับกำเข้ามาแน่นๆ อย่างไร้วี่แวว
ถังลั่วเหยาเล่าต่อ: “หลังจากนั้น ฉันก็ได้ไปเล่นที่บ้านตระกูลเฟิงบ่อยๆ บ้านพวกเขาก็มีเด็กแค่เขาคนเดียว เนื่องจากว่าพี่เฟิงอายุเยอะกว่ามาก ต้องเรียนรู้กับคุณปู่เฟิง มีแค่เขาสามารถอยู่กับฉันได้
เราสองคนก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในตอนเด็กแล้ว ไม่ว่าอะไรสนุกหรืออร่อย ก็จะคิดถึงว่าแบ่งปันให้กับกันและกัน
ตอนนั้นฉันก็จะตามหลังก้นเขาตลอดเวลา อะไรๆก็พี่ยี่เขาก็มักจะใช้ท่าทางแบบพี่ชายคนหนึ่งปกป้องฉัน ไม่ให้คนอื่นทำร้ายฉัน”
เธอพูดอยู่ ในตาเหมือนกับแอบมีน้ำตาขึ้นมา
หันหน้าไปดูเซ่เซียวพร้อมกับยิ้มพูดว่า: “คุณดูสิ ฉันจำได้แม่นแค่ไหน ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างในวัยเด็กของเรา ก็เหมือนดั่งภาพวาดที่สลักในใจของฉันทั้งหมด”
ใจของเซ่เซียวเจ็บปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง นิ้วมือกำแน่นกว่าเดิม เล็บเกือบจะฝังเข้าไปในฝ่ามือแล้ว
ถังลั่วเหยายิ้ม “ฉันคิดมาตลอดเลย ฉันชอบเขาตอนที่หลังจากที่เจอกันอีกครั้งและผ่านเวลามานานมาก แต่ตอนหลังๆ ฉันเพิ่งรู้ว่า ความจริงความชอบนั้นปลูกลงไปเมื่อนานมาแล้วนี่นา ก็เหมือนเมล็ดที่ฝังเข้าไปในดินเม็ดหนึ่ง ต้องการแค่แสงแดดและน้ำนิดหน่อย ก็สามารถออกรากและมีต้นกล้างอกขึ้นมาได้ ค่อยๆ เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ๆ ขนาดฉันเองก็ไม่สามารถโกหกตัวเองได้”
เธอมองเขาอย่างจริงจังอีกครั้ง พูดว่า: “ดังนั้น คุณอยากให้ฉันตอบ ถ้าย้อนกลับมาอีกครั้ง คนที่ฉันเจอก่อนคือคุณ ฉันยังจะชอบเขาอีกไหม”
“ฉันคิดว่า ฉันก็น่าจะเหมือนเดิม เพราะคนที่ฉันรักคนนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาเร็วหรือมาช้า แต่เพราะว่าเขาก็คือเขา ตั้งแต่อายุสามขวบปีนั้น วินาทีที่เขากระโดดลงไปในสระช่วยฉันขึ้นมา เขาก็เข้าไปอาศัยอยู่ในใจของฉันแล้ว บนโลกใบนี้ ไม่มีคนที่สองที่อาศัยลึกขนาดนี้แล้ว และจะไม่มีคนที่สองที่สามารถแทนที่ของเขาในใจของฉันได้อีกต่อไปแล้ว”
“ดังนั้นเซ่เซียว ฉันไม่สามารถตอบตกลงคุณได้ และทำให้เขาเสียใจผิดหวัง คุณเข้าใจไหม ถ้าฉันทำแบบนั้นจริงๆ ฉันไม่เพียงแค่ทำผิดต่อคุณคนเดียว และยังทำผิดต่อตัวเอง ยิ่งทำผิดต่อเขาอีกด้วย ดังนั้นขอโทษจริงๆ หวังว่าในอนาคตคุณก็สามารถเจอคนที่รักคุณด้วยจริงใจเหมือนกัน ขอให้คุณมีความสุขนะ”
หลังจากถังลั่วเหยาพูดจบ เซ่เซียวไม่ได้เปิดปากพูดอะไรเลย
ระหว่างสองคนตกอยู่ในบรรยากาศเงียบสงบอันแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง
ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว อยู่ๆ ก็ได้ยินเขาถอนหายใจคำหนึ่ง
เหมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเอง แต่ก็เหมือนกำลังประชดอะไรอย่างอื่น
เขาพูดเบาๆ ว่า: “ผมเข้าใจแล้ว ผมคิดมาตลอดว่าผมกับเขาเหมือนกัน แค่เป็นปัญหาของเวลาที่พบคุณเร็วหรือช้าเฉยๆ จนถึงตอนนี้ผมถึงเข้าใจ…”
เขาหัวเราะและก้มหน้าเล็กน้อย ปิดบังความเจ็บใจในตา
ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเงยหัวขึ้นมาใหม่ บนหน้ากลับมาเป็นสีหน้าอ่อนโยนเหมือนเดิมอย่างปกติแล้ว
เขาหันหัวมามองถังลั่วเหยา ยิ้มพูดว่า: “คุณไม่ต้องห่วง วันหลังผมจะเก็บความลับนี้ไว้ในใจดีๆ และก็จะไม่พูดคำพูดที่ไม่ควรพูดเหล่านั้นกับคุณแล้ว”
ถังลั่วเหยาเม้มปาก พูดเบาๆ ว่า: “ขอบคุณนะ”
“คนที่ควรขอบคุณคือผม ผมเป็นคนรบกวนชีวิตคุณตลอด ไม่สนความคิดของคุณยัดเยียดเข้าไปแทรกแซงระหว่างพวกคุณ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว คุณวางใจได้เลย ในอนาคตผมก็จะพยายามค้นหาคนคนนั้นของผม หวังว่าผมก็สามารถหาความสุขอย่างพวกคุณได้เหมือนกัน”
ถังลั่วเหยาได้ยินเขาพูดแบบนี้ รู้ว่าเขาปล่อยวางได้จริงๆ แล้ว
นี่ถึงยิ้มออกอย่างวางใจ “ต้องได้แน่นอน”