“เหยาเหยาช่วงเวลาที่โรแมนติกแบบนี้ คุณแน่ใจหรอว่าต้องการที่จะพูด
อะไรที่มันหมดสนุก?”
ถังลั่วเหยายิ้มฝืน
“ก็ฉันกังวลนี่ ถ้าเกิดคุณถูกคนอื่นถ่ายรูปขึ้นมางั้นความพยายามที่ทุ่มเทลงไปล้วน
จะสูญเสียไปเปล่า ๆ ถึงตอนนั้นคุณป้าเฟิงยืนกรานว่าจะแยกเราจากกัน
เราจะไม่ได้คุยกันอีกเลย”
แม้เฟิงยี่จะรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง แต่ในใจก็รู้สึกไม่มีความสุข
เขาทำเสียงไม่พอใจเบาๆและขมวดคิ้ว
“หลังจากหนึ่งปี เราต้องประกาศทันที”
ถังลั่วเหยาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่พอใจของเขา
“โอเค ตามใจคุณ เมื่อครบหนึ่งปีเราก็ประกาศทันที”
เฟิงยี่รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
มองลงมาที่เธอพลางพูด “เธอวางใจได้ ฉันปลอมตัวมาไม่มีใครเห็น หรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังลั่วเหยาก็รู้สึกวางใจขึ้นมาหน่อย
สองแขนยื่นออกมาโอบรอบคอของเขาไว้
“งั้นคืนนี้คุณพักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยกลับไป”
กลับกลายเป็นว่าเฟิงยี่ยิ้มตาหยีและคิดไม่ดีขึ้นมา
“ที่รัก ผมขอคุยอะไรกับคุณหน่อย”
ถังลั่วเหยาผงะเล็กน้อย
พูดตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงยี่เรียกเธอแบบนี้หลังจากที่ทั้งสองได้ทะเบียนสมรสมา
แก้มกลมอดไม่ได้ที่จะร้อนรน แต่ในอีกมุมหนึ่งทั้งคู่เป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกกฎหมาย
เรียกแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เธอจึงเบ้ปากและพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“เรื่องอะไรหรอ คุณว่ามาสิ?”
“คุณดูสิ ตอนนี้ผมก็ไม่สามารถกลับไปทำงานที่เฟิงซื่อกรุ๊ปแล้ว แม่ก็ตัดหางปล่อยวัดผม
ช่วงนี้ผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำ มันจะดีกว่าถ้าคุณเลี้ยงผมไว้ให้ผมเป็นผู้ติดตามข้างกาย
คุณ!”
ถังลั่วเหยาหวาดหวั่น
เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
วินาทีถัดมาก็ปล่อยเขาด้วยความไวฟื้บ
“คุณแค่คิดก็ไม่ต้องคิด! เฟิงยี่นี่ไม่ใช่เรื่องตลก คุณไม่ใช่ไม่รู้ว่าใบหน้าของคุณมีเอกลักษณ์
แค่ไหนหรือคุณกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้จักคุณ?”
ล้อเล่นหรือเปล่า?
เป็นผู้ติดตามอยู่ข้างกายของเธอ?
ทุกคนไม่ได้ตาบอดพริบตาเดียวก็รู้ว่าเขาคือใคร จะเป็นผู้ติดตามได้อย่างไร?
ถึงตอนนั้นข่าวแพร่ออกไปว่าคุณชายรองแห่งตระกูลเฟิงอยู่ข้างกายเธอทุกวัน
เธอจะอธิบายให้คนอื่นอย่างไร?
ถังลั่วเหยาปฏิเสธไปโดยไม่คิด
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! คุณไม่ต้องพูดถึงมันอีก!”
อย่างไรก็ตาม เฟิงยี่ไม่รีบร้อน
เขาพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เหยาเหยาคุณคิดดูอีกทีสิ วางใจได้ในเมื่อผมกล้ายื่นข้อเสนอนี้
แน่นอนว่าต้องคิดวิธีที่ดีในการปิดบังตัวตนของผม ผมสัญญาว่าผมจะไม่ยอมให้คนอื่น
เห็น”
ถังลั่วเหยายังคงขมวดคิ้ว
“ไม่ได้ แบบนี้อันตรายเกินไป!”
ความกังวลของเธอไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
อีกอย่าง เฟิงยี่นั้นโดดเด่นอย่างมาแม้ว่าจะปลอมตัว แต่ก็ยากที่ผู้คนจะมองไม่ออก
ถึงเวลานั้น ถ้าถูกคนมองออกจริงๆขึ้นมา เธอคงไม่กล้าจินตนาการถึงผลที่จะตามมา
ที่สำคัญที่สุด เธอไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้
ด้วยอารมณ์ของเขา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ท้ายที่สุดคนที่โชคร้ายก็คือเธอ
ดังนั้นถังลั่วเหยาจึงปฏิเสธโดยไม่คิด
น่าแปลกที่การปฏิเสธอีกครั้งของเธอ ไม่ได้ทำให้เฟิงยี่พยายามต่อ
เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนผิดหวังอย่างมาก
“โอเค ในเมื่อเธอไม่ตกลงก็ช่างมันเถอะ”
ถังลั่วเหยาเห็นว่าเขายอมแพ้ จึงรู้สึกว่าคนที่ดื้อรั้นอย่างเขาจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้
ค่อนข้างแปลกนิดหน่อย
แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร จึงพยักหน้า
ในค่ำคืนนี้เฟิงยี่ก็ได้ค้างคืนอยู่ที่นี่
แน่นอนว่าการมีเขาอยู่ คงเป็นไปไม่ได้ที่ถังลั่วเหยาจะได้นอนดีๆในคืนนี้
ผู้ชายคนนี้พลิกตัวไปมาเหมือนคนบ้า
ทำให้เธอสงสัยว่า เขาไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมากี่ชั่วอายุคน
ทั้งๆที่ตอนนี้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันบ่อยมาก ทำไมรู้สึกว่าพวกเขาเพิ่งเริ่มต้น
หนึ่งคืนที่ไร้สาระ
วันที่สองรุ่งขึ้น ถังลั่วเหยาลุกขึ้นและไปที่กองถ่ายตามปกติ
เพราะคำนึงถึงเฟิงยี่ก็อยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่ให้เสี่ยวฉิงมา แต่ขอให้เธอไปที่กองถ่ายโดยตรง
จัดการเอง กินข้าวเช้าแล้วก็ไปเองก็พอ
แม้ว่าเสี่ยงฉิงจะรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย แต่เนื่องจากถังลั่วเหยาร้องขอและปฏิเสธที่จะพูด
เหตุผล เธอจึงไม่สามารถถามเพิ่มเติมได้
หลังจากมาถึงกองถ่ายแล้ว ละครที่ต้องถ่ายวันนี้เป็นแนพีเรียด
ในบทละคร หลังจากที่พระเอกและนางเอกสลับร่างกัน ร่างกายของพระเอกจะเป็น
วิญญาณของนางเอก และร่างกายของนางเอกก็เป็นวิญญาณของพระเอก
ทั้งสองบังเอิญพบจุดสำคัญสุดท้ายของคดีนี้
ร่างนางเอกที่เป็นวิญญาณพระเอก ต้องกระโดดออกมาเพื่อระบุตัวฆาตกร
ฉากนี้ถึงแม้จะดูเหมือนง่าย
แต่ความจริงแล้วมันเป็นฉากที่สำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้
เวลาถ่ายทำจึงไม่ง่ายขนาดนั้น
ถังลั่วเหยาถ่ายฉากนี้หลายครั้ง กว่าจะผ่านฉากนี้ไป
หลังจากถ่ายทำเสร็จ ก็ได้ถ่ายฉากที่เหลือจากนั้นหนังเรื่องนี้ก็ได้ปิดกล้อง
หนังเรื่องนี้ถ่ายทำได้สองเดือนเต็ม และตอนนี้ก็ปิดกล้องแล้ว ทุกคนมีความสุขมาก
ได้นัดหมายกันแล้วว่าช่วงค่ำไปทานอาหารและเฉลิมฉลอง
ในตอนเย็น ผู้กำกับได้จองสถานที่ในโรงกลั่นเหล้าองุ่นที่อยู่ไม่ไกล
สภาพแวดล้อมที่นั่นมีระดับและสวยงามมาก ถังลั่วเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่งและส่งข้อความ
ถึงเฟิงยี่ เพื่ออธิบายว่าเธอจะไปไหนในคืนนี้ จากนั้นวางโทรศัพท์มือถือของเธอไว้แล้ว
ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปกับทุกคน
ในเวลานี้ เฟิงยี่กำลังวางแผนงานใหญ่อีกงานนึง
เขาพบ ซูหง และอธิบายแผนของเขา
ซูหง ตกใจมากๆ และไม่ต้องการที่จะเห็นด้วย แต่เนื่องจากตัวตนของเฟิงยี่
จึงไม่กล้าปฏิเสธ
สุดท้ายก็ยอมตอบตกลงอย่างลำบากใจ
ในตอนนี้ ถังลั่วเหยายังไม่รู้แผนการของเฟิงยี่
ในตอนเย็นเฉลิมฉลองปิดกล้องกับทุกคนเสร็จ ก็กลับโรงแรมไปนอนแล้ว
เนื่องจากมันดึกเกินไป ตอนนี้กลับไปที่คอนโดก็ไม่สะดวก ดังนั้นจึงพักอยู่ในโรงแรม
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น จึงเก็บข้าวของและกลับไปที่คอนโดของเธอกับเสี่ยวฉิง
กลายเป็นว่า รถของทั้งสองเพิ่งถึงข้างล่างตึกยังไม่ได้ลงจากรถ พวกเขาเห็นนักข่าว
กลุ่มหนึ่งกำลังเฝ้าอยู่บ้านของตัวเอง
ถังลั่วเหยาขมวดคิ้ว สีหน้าของเสี่ยวฉิงเปลี่ยนไป และสั่งให้คนขับถอยหลัง
และซ่อนรถอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่คนขับเคลื่อนตัวเร็วและซ่อนรถไว้อย่างรวดเร็ว
ทั้งสามซ่อนตัวอยู่ในที่มืด มองดูนักข่าวที่อยู่ใต้คอนโดสีหน้าของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก
เสี่ยวฉิงพูดอย่างโกรธเคือง “ทำไมคนพวกนี้ถึงเป็นแบบนี้ แถมยังดักกันอยู่หน้าบ้าน
คนอื่น ให้คนได้ใช้ชีวิตบ้างมั้ย? “
ถังลั่วเหยาสงบมาก
เพราะช่วงนี้อยู่แต่ในกองถ่าย และกองถ่ายมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามา
ดังนั้นแม้ว่านักข่าวเหล่านี้ต้องการสัมภาษณ์เธอ ก็หาเธอไม่พบ
แต่ที่นี่แตกต่างกัน
พวกเขารู้ว่าถังลั่วเหยาอาศัยอยู่ที่นี่ แม้ว่าเธอจะไม่กลับมาในวันนี้
แต่ก็จะกลับมาในวันพรุ่งนี้
ดังนั้น พวกเขาจึงต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะได้พบเธอ
ถังลั่งเหยารู้ดี แม้ว่าการค้นหายอดนิยมบนอินเทอร์เน็ตจะถูกถอนออกไปแล้ว
แต่เรื่องนี้ในสายตาของนักข่าวและปาปารัสซี่เหล่านี้ยังไม่ตายใจ