“คุณ หมายความว่าไง?”
ไม่ใช่ว่าเธอมองสิ่งที่เขาเขียนบนฝ่ามือไม่ชัดหรอกนะ
มันคือ I LOVE YOU
ผมรักคุณ
นี่มันอะไรกัน?
ถังลั่วเหยากลัวมาก ในใจของเธอเห็นเสี่ยวอีเป็นคนงานธรรมดาคนหนึ่ง
ทั้งสองไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ
ที่สำคัญที่สุด เธอแต่งงานแล้ว
แม้ว่ามันจะเป็นการแต่งงานแบบแอบๆ แต่เธอเป็นคนให้คำมั่นสัญญาเอง
เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะนอกใจเฟิงยี่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของถังลั่วเหยาก็เริ่มจริงจัง
เธอมองดูชายตรงหน้าและพูดอย่างจริงจังและเคร่งขรึม
“มุขแบบนี้จะไม่อนุญาตให้เล่นอีก ฉันเป็นเจ้านายชั่วคราวของคุณ
และคุณเป็นผู้ช่วยชั่วคราวของฉัน เวลาพูดหรือทำงานต้องมีขอบเขต
อย่าทำเป็นไม่รู้จักเด็กรู้ผู้ใหญ่เข้าใจไหม?”
คิดว่าอีกฝ่ายต้องกลัวแน่ๆเมื่อพูดแบบนี้
คิดไม่ถึง เขากลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ถังลั่วเหยาเครียด
“ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้อ่ะ? ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันจะบอกพวกเขาว่า
ฉันไม่ต้องการคุณอีกต่อไปแล้ว”
พูดจบก็หันกลับเตรียมที่จะไปคุยกับทีมงาน
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหู
“เหยาเหยา”
ถังลั่วเหยาตกตะลึงและหันไปรอบ ๆ ด้วยความไม่เชื่อ
เห็นเพียงแต่ผู้ชายตรงหน้า หันซ้ายหันขวา หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็นทางนี้
ก็มองมาที่เธออีกครั้งและดึงมุมเคราบนใบหน้าของเขาออก
“เหยาเหยา ดูนี่สิว่าผมเป็นใคร?”
ถังลั่วเหยาอึ้งอยู่ชั่วขณะ
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างราวกับเห็นสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เฟิงยี่ยิ้มและพูดว่า “เซอร์ไพรส์ไหม? เซอร์ไพรส์ใช่ไหม?”
ถังลั่วเหยาเกือบจะอยากจะตีใครบางคน!
เธอเหลือบมองทีมงานที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นคว้าชายที่อยู่ข้างหน้า
แล้วลากไปยังมุมที่ไม่มีใครมองเห็น
จากนั้นก็พูดเสียงเบา “เฟิงยี่ คุณบ้าไปหรอ?แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่?”
ถูกต้อง คนที่อยู่ข้างหน้าเธอคือเฟิงยี่
พระเจ้ารู้ว่าเขาเข้ามาได้อย่างไร และถึงกับปลอมตัวแบบนี้
ถึงว่าเธอถึงพูดว่าผู้ชายคนนี้ทำไมดูคุ้นเช่นนี้
เพียงเพราะใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยหนวดและยังสวมหมวกชาวประมงอีก
ดังนั้นจึงมองเห็นไม่ชัด
ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จงใจ!
ถังลั่วเหยาโกรธมาก
เฟิงยี่ไม่ตื่นตระหนก เขายิ้มอย่างสบายใจ
“เห้ยดูสิ่งที่คุณพูด อย่าลืมสิเราเป็นสามีภรรยากัน แน่นอนว่าสามีและภรรยาต้องเข้าออก
ด้วยกันและเป็นหนึ่งเดียวกัน คุณอยู่ไหนผมอยู่นั่น ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ?”
ตอนที่เขาพูด เขาค่อนข้างภูมิใจในคำพูดของเขา
ถังลั่วเหยารู้สึกปวดหัวด้วยความโกรธ
เธอมองดูเขาอย่างเหลืออด และถามว่า “ยกเว้นฉัน มีใครรู้เรื่องที่คุณปลอมตัวมาที่นี่อีก?”
เฟิงยี่เลิกคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“อืม…ยกเว้นซูหงและเสี่ยวฉิง ก็ไม่มีใครอีกแล้ว”
ถ้าเขาต้องการเข้ามา เขาต้องผ่านการเตรียมการของซูหง
มิฉะนั้น ทีมของถังลั่วเหยาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน
และเขาก็มาแทนที่เสี่ยวฉิงเพื่อที่จะมาอยู่ข้างกายถังลั่วเหยา
ให้เสี่ยวฉิงป่วยเป็นขั้นเป็นตอนไป ฝ่ายเธอนั้นก็ไม่สามารถซ่อนอาการของเธอได้
แต่นอกเหนือจากนั้น เพื่อที่จะไม่สร้างปัญหา ก็ไม่มีคนที่สี่ที่รู้
หลังจากที่ถังลั่วเหยาฟัง เธอก็โล่งใจ
และพูดอย่างดุร้ายในทันที “แต่คุณมาแบบนี้ไม่ได้สิ! ถ้ามีคนรู้ล่ะ?”
เฟิงยี่ยิ้มและพูดว่า”อย่ากังวลไป คุณก็เห็นว่าผมปลอมตัวเก่ง คุณยังจำไม่ได้เลย
ใครจะจำได้ล่ะ?”
ถังลั่วเหยาเหลือบมองเขา และพบว่ามันเป็นเรื่องจริง
เขาแต่งตัวจนเกือบคลุมหน้าด้วยเคราและเสื้อผ้าของเขาต่างจากปกติมาก
เมื่อมองแวบแรก ก็จำเขาไม่ได้จริงๆ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็เบ้ปากอย่างไม่พอใจ
“แต่ฉันก็เคยบอกคุณไปแล้วนี่ว่าอย่ามา ทำไมคุณถึง …”
ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ก็ถูกโอบเอว
จากนั้นคนทั้งคนถูกกดทับที่หน้าอกของเขาอย่างแรง
เขาก้มศีรษะลงและจูบริมฝีปากของเธอ
ดวงตาของถังลั่วเหยาเบิกตากว้างขึ้นทันที
เสียงขัดขืนดังสักพัก จึงยกมือขึ้นแล้วตบไหล่เขาอย่างไม่ยั้ง
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาก็มองออกไปข้างนอกด้วยความสยดสยอง
แต่ชายคนนั้นไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย การกอดเธอแน่นในอ้อมแขนของเขา
ก็คือการจูบที่ดุเดือด
ถังลั่วเหยากังวลมากจนเธอกำลังจะร้องไห้
ต้องรู้ว่า ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมและไม่ได้อยู่กลางแจ้ง
เธอดึงเขาไปที่มุมตึกเพื่อความสะดวกในการพูด
แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่ที่นี่ แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากและอาจมีคนมาเมื่อใดก็ได้!
ผู้ชายคนนี้มัน… บ้าจริงๆ!
โชคดีที่ในเวลานี้ ทุกคนต่างยุ่งกับการจัดของและตรวจสอบอุปกรณ์
และไม่มีใครสังเกตเห็นที่นี่
หลังจากผ่านไปนาน เฟิงยี่ก็ปล่อยเธอ
ถังลั่วเหยาหมดลมหายใจจากการจูบ และเกือบจะหายใจไม่ออก ใบหน้าเล็กๆ
ของเธอเต็มไปด้วยความเขินอาย
เมื่อจ้องไปที่ดวงตาคู่สวยที่กำลังจ้องมองคน ดูเหมือนไม่โกรธ แต่เหมือนคนงอน
เฟิงยี่เพียงรู้สึกอัดอั้นตันใจ แม้แต่จะพูดยังพูดไม่ออก
“เหยาเหยา ให้ผมอยู่ที่นี่กับคุณให้ครบสามวันนี้ แล้วเรากลับด้วยกัน”
ถังลั่วเหยาจ้องมาที่เขา ปฏิเสธได้ที่ไหนล่ะ?
ตอนนี้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนรู้ว่าเสี่ยวฉิงป่วย
และเธอมีผู้ช่วยชั่วคราวชื่อเสี่ยวอี
หากจู่ๆ เธอไล่เขาออก อาจทำให้มีการเดาใจกันอย่างไม่จำเป็น
ถังลั่วเหยา ทั้งจนใจและตลก
ในที่สุดก็ต้องสงสารเขาและพูดอย่างเหลืออดว่า “งั้นช่วงนี้ก็จริงจังหน่อย อย่าให้คนอื่น
เห็น ถ้าคนอื่นเห็นคุณจริงๆ เราทั้งคู่จะกระโดดลงแม่น้ำหวงเหอเพื่อล้างตัว ยังไงก็ล้างไม่เกลี้ยง(จะแก้ต่างยังไงก็ฟังไม่ขึ้น) “
เฟิงยี่รู้สึกตงิดเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
จึงขมวดคิ้ว
“หมายความว่าอย่างไรที่เราจะกระโดดลงแม่น้ำหวงเหอเพื่อล้างตัว ยังไงก็ล้างไม่เกลี้ยง?
เราไม่ต้องล้างอยู่แล้ว”
ถังลั่วเหยา “…”
ขี้เกียจพัวพันกับผู้ชายคนนี้
โบกมือ “โอเคๆๆ คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแหละ ฉันจะไปแล้ว ไม่อย่างนั้นอีกไม่นานน่าจะ
ทำให้เกิดความสงสัยได้”
เฟิงยี่รู้ว่าเธอพูดมีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงไม่รั้งและปล่อยเธอไป
ไม่นานทุกคนก็เก็บของและกลับโรงแรมด้วยกัน
อีกอย่างอยู่ต่างประเทศและห้องที่ทีมงานจองไว้ก็อยู่ติดกัน
เพียงเพื่อแสดงตัวตนที่พิเศษของถังลั่วเหยา ได้จัดห้องของเธอไว้เป็นพิเศษในที่ในสุด
หลังจากกลับมาถึงโรงแรม ก็ทานอาหารเย็นกับทุกคนเสร็จและขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน
ถังลั่วเหยา เข้ามาในห้องของเธอโดยไม่หรี่ตา
ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยชั่วคราวในทีมของเธอ เฟิงยี่มีที่อยู่อาศัยของเธอเอง
ได้ยินทีมงานเรียกเขา “เสี่ยวอี คืนนี้คุณนอนกับผมนะ! พอดีห้องผมมีเตียงว่าง”
แน่นอนว่าถังลั่วเหยามีห้องส่วนตัวของตัวเอง แต่ที่พักในต่างประเทศมีราคาแพงมาก ทีมงานก็เลยไม่ได้รับสวัสดิการแบบนี้
เมื่อเฟิงยี่ได้ยินสิ่งนี้ คิ้วของเขาก็กระตุก