บทที่ 63 กระตุ้นความสัมพันธ์
จิ่งหนิงเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง แล้วเจอเข้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของลู่จิ่งเซิน
เธอตกใจนิดหน่อยจึงรีบลุกขึ้นมานั่ง
แต่เนื่องจากว่าในรถมีพื้นที่จำกัด และเดิมทีผู้ชายคนนี้ก็สูงมากอยู่แล้ว บวกกับเธอที่ถูกอุ้มอยู่บนตักเขา พอเธอลุกขึ้นนั่ง หัวของเธอจึงชนเข้ากับเพดานรถทันที
“ ระวัง!”
โชคดีที่ลูจิ่งเซินมือไวตาไว เขาจึงยื่นมือออกไปบังที่หัวของเธอได้อย่างทันท่วงที
จิ่งหนิงชนเข้ากับมือของเขา ลู่จิ่งเซินเลยกดเธอนั่งลงบนตักดีๆ แล้วพูดขึ้นเบาๆ:“อย่าขยับ อีกเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”
จิ่งหนึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่นิ่งๆ แต่เธอก็ถามขึ้นด้วยความงุนงง:“ฉันผล็อยหลับไปหรอ?”
“อื้ม คุณตัวร้อนนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวพอถึงบ้านแล้วค่อยให้ป้าหลิวทำซุปขิงให้กินก็แล้วกัน”
จิ่งหนิงขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากของตัวเอง
เหมือนจะไม่สบายนิดหน่อย
เมื่อรถมาถึงบ้าน ทันทีที่ทั้งสองลงจากรถ ลู่จิ่งเซินก็สั่งให้คนครัวต้มซุปขิง และจากนั้นก็สั่งให้เธอขึ้นไปที่ห้องแล้วอาบน้ำร้อนทันที
ในห้องมีฮีตเตอร์ และอาบน้ำร้อนก็ช่วยขจัดความเย็นได้ จิ่งหนิงจึงรีบขึ้นไปอย่างเชื่อฟัง
แต่พึ่งขึ้นไปไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากชั้นบน
“กรี๊ด——!”
ลู่จิ่งเซินสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบพุ่งขึ้นไปที่ชั้นบน
ประตูห้องนอนเปิดอยู่ แต่ประตูห้องอาบน้ำถูกล็อกไว้ และข้างในมีไฟเปิดอยู่
ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแน่น พร้อมกับยื่นมือไปเคาะประตู
“หนิงหนิง เป็นอะไรรึเปล่า?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงของจิ่งหนิงก็ดังออกมาจากข้างใน:“ฉันไม่เป็นไร!ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”
ฟังแค่เสียงก็รู้ได้แล้วว่าเธอกำลังกลั้นความเจ็บไว้อยู่
สีหน้าของลู่จิ่งเซินเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“เปิดประตู!”
ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างในอีก
แต่กลับมีเสียงซวบซาบไม่ชัดเจนดังขึ้น
สีหน้าของลู่จิ่งเซินยิ่งขรึมลงไปอีก เขาไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้ว เขารีบหากุญแจมาไขเปิดประตูเข้าไปทันที
ทันทีที่เปิดประตูออก เขาก็หรี่ตาลง
รู้สึกเหมือนกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยังไงยังยังงั้น
เขาเห็นแค่จิ่งหนิงที่มีผ้าเช็ดตัวห่อตัวไว้ล้มลงบนพื้น อีกทั้งที่หัวของเธอยังมีรอยปูดด้วย เธอนอนขดตัวอยู่ที่ข้างอ่างอาบน้ำ
พอเห็นเขา มือของจิ่งหนิงที่เดิมทีกำลังลูบอยู่ที่ขาก็ถูกชักกลับมาปิดหน้าทันที เธอทำหน้าอยากจะตายออกมา
ลู่จิ่งเซินเดินเข้าไป
“คุณนายลู่ นี่คุณกำลังโชว์อาบน้ำอยู่เหรอ?”
เขานั่งยองๆลงข้างๆเธอ
“ออกไปนะ!รีบออกไปเร็ว!”
จิ่งหนิงอยากจะตายให้ได้เลย แม้แต่หน้าก็ปิดไม่ได้แล้ว ฉะนั้นเธอจึงอยากจะผลักเขาออกไป
ลู่จิ่งเซินถือโอกาสจับข้อมือเธอไว้ และเมื่อเห็นขาข้างหนึ่งที่กำลังอยู่ในท่าทางแปลกประหลาดของเธอ เขาจึงยื่นมือออกไปจับที่ข้อเท้าของเธอดู
“ขาเป็นตะคริวเหรอ?”
จิ่งหนิงไม่อยากยอมรับ แต่เธอก็ยังพยักหน้า
เธอรู้สึกอายมากจนหันหน้าไปอีกด้านหนึ่งเพื่อไม่มองเขา
ลู่จิ่งเซินจ้องอยู่ซักพัก แล้วจึงอุ้มเธอขึ้นมาวางไว้บนแท่นอ่างล้างหน้า
จิ่งหนิงรีบดึงผ้าขนหนูที่อยู่บนตัวเธอไว้อย่างรวดเร็ว
ทว่าชายคนนี้กลับไม่ได้ได้ทำอย่างอื่น เขาเพียงแค่จับที่ข้อเท้าแล้วนวดให้เธอ
ฝีมือการนวดของเขาดีมากอย่างคาดไม่ถึง มันไม่เบาไม่หนักเกินไป ส่วนขาที่ก่อนหน้านี้เป็นตะคริวเลยขยับไม่ได้ก็ค่อยๆคลายลง
“ดีขึ้นรึยัง?”
เขาถามขึ้นเบาๆ
จิ่งหนิงพยักหน้าตอบ
ภายในห้องน้ำเปิดไฟอาบน้ำอยู่ มันจึงร้อนมากเป็นพิเศษ จู่ๆลู่จิ่งเซินก็รู้สึกปากแห้งแปลกๆอย่างอธิบายไม่ถูกในขณะที่มองเธอที่มีเพียงแค่ผ้าขนหนูห่อตัวไว้ พร้อมกับกำลังกัดริมฝีปากบาง และยังทำท่าทางเขินอาย
เขาลุกยืนขึ้น แล้ววางมือลงข้างลำตัวของเธอ
“คุณนายลู่ ครั้งหน้าท่าจะยั่วผม ช่วยดูจังหวะด้วยได้ไหม?ผมไม่อยากลงไม้ลงมือกับคนป่วยนะ”
เดิมทีจิ่งหนิงก็หน้าแดงอยู่แล้ว พอเขาพูดอย่างนี้เธอจึงหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันที
“ลู่จิ่งเซิน!ฉันไปยั่วนายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ลู่จิ่งเซินยิ้มขึ้น
“อย่าตื่นเต้นไปเลย เดี๋ยวไม่ระวังทำผ้าขนหนูหลุดนะ”
ขณะที่เขาพูด สายตาของเขาก็หยุดจ้องไปที่หน้าอกของเธอด้วย
จิ่งหนิงรีบเอามือปิดหน้าอกไว้ แล้วดึงผ้าขนหนูให้กระชับขึ้น
ลู่จิ่งเซินฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีก แต่สุดท้ายพอคิดว่าเธอกำลังป่วยจึงไม่แกล้งเธออีก เขาอุ้มเธอกลับไปที่อ่างอาบน้ำ จากนั้นก็กลับออกไป
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ทันทีที่จิ่งหนิงออกมา ที่โต๊ะในห้องนอนก็มีซุปขิงหนึ่งถ้วยกับยาแก้ไข้อีกสองเม็ดวางอยู่
ลู่จิ่งเซินนั่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับชี้ไปที่ซุปกับยาแล้วพูดขึ้น:“ดื่มสิ อย่าให้เหลือแม้แต่หยดเดียวล่ะ”
จิ่งหนิงขมวดคิ้วแน่น
ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่ชอบดื่มของที่มีรสชาติเผ็ดร้อนแบบนี้มากที่สุด
แม้แต่ในอาหารเธอก็ไม่ชอบ
เธอเหลือบไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟา เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้น แต่กลับพูดขึ้นอย่างเย็นชา:“ผมไม่รังเกียจที่จะป้อนคุณเองกับมือนะ”
ในใจจิ่งหนิงสะท้านวาบขึ้นมาเลยทีเดียว
เธอเอามือบีบจมูกไว้แล้วยกขึ้นมาดื่มจนหมดเกลี้ยง
หลังจากที่ดื่มจนหมด ก็กินยาตามไป
ต้องทำแบบนี้สินะลู่จิ่งเซินถึงจะพอใจ
หลังจากที่นำจานลงไปเก็บ เขาก็กลับมากดเธอลงบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมให้
“หลับพักผ่อนให้สบายนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีขึ้น”
ในหัวของจิ่งหนิงมึนมากจนไม่มีแรงจะพูดอะไร แล้วเธอก็ผล็อยหลับลงไปอย่างรวดเร็ว
พอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น อาการไข้หวัดเธอก็ดีขึ้นมากเลยทีเดียว
ส่วนลู่จิ่งเซินก็ตื่นแต่เช้ามารอเธอที่ห้องทานอาหารชั้นล่าง
เมื่อจิ่งหนิงลงมา เธอก็ทักทายป้าหลิวที่กำลังยกอาหารเช้าเข้ามาด้วยรอยยิ้ม:“ขอบคุณป้าหลิวมากนะที่เมื่อวานทำซุปขิงให้ วันนี้ฉันดีขึ้นมากเลย”
ป้าหลิวยิ้มร่าแล้วรีบพูดว่าไม่ต้องเกรงใจ
ลู่จิ่งเซินเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง
คนที่สั่งให้ทำซุปขิงคือเขาชัดๆ ทำไมถึงไม่ขอบคุณเขา?
จิ่งหนิงตั้งใจที่จะไม่สนใจสายตาที่ไม่พอใจของเขา แล้วเดินไปนั่งลงตรงข้ามเขา
พอป้าหลิวยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟ เธอก็ยิ้มตาหยีให้พร้อมกับพูดขอบคุณ ในระหว่างนั้นก็มองชายตรงหน้าอย่างยั่วยุไปด้วย
ลู่จิ่งเซินนิ่งเงียบ
แม่สาวน้อยนี่ ตอนนี้เธอมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอ ดังนั้นเธอเลยยิ่งทำตัวไม่เกรงใจ?
เขารู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องกระตุ้นความสัมพันธ์กันซักหน่อยแล้ว!
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองคนก็ออกไปทำงาน
วันนี้จิ่งหนิงต้องไปรายงานตัวที่อานหนิงกั๋วจี้ พอเดินออกไปก็เห็นซูมู่ยืนอยู่ที่ข้างรถ
เธอยิ้มทักทายซูมู่:“อรุณสวัสดิ์ ผู้ช่วยซู! ”
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณผู้หญิง”
ซูมู่ฉีกยิ้มกว้าง แล้วเปิดประตูให้เธอ“เชิญขึ้นรถครับ คุณผู้หญิง”
เธอหันหน้ามามองลู่จิ่งเซินแวบหนึ่ง แล้วจึงยิ้มพูดขึ้น:“ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันขับรถไปเอง”
“คุณแน่ใจหรอว่ารถคุณอยู่ที่บ้าน?”
เสียงของลู่จิ่งเซินดังมาจากข้างหลัง
จิ่งหนิงชะงักไป
แล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเธอจอดรถไว้ใต้ตึกลู่ซื่อ จากนั้นก็นั่งรถลู่จิ่งเซินกลับมาบ้าน ตัวเองไม่ได้ขับกลับมา
และถึงแม้ว่าในโรงรถจะมีรถอีกหลายคัน แต่นั่นล้วนไม่ใช่ของเธอ
เธอผงะไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายเพราะสายตาที่ยิ้มแย้มของซูมู่เธอจึงขึ้นรถมาอย่างช่วยไม่ได้
อานหนิงกั๋วจี้ตั้งอยู่ด้านข้างลู่ซื่อกรุ๊ป
มันค่อนข้างไกล จิ่งหนิงจึงสั่งให้ซูมู่หยุดรถ
เธอเปิดประตูรถลงไป จากนั้นก็ตบๆที่รอยยับบนกางเกง แล้วยิ้มขึ้น:“ขอบใจนะ!เดี๋ยวฉันลงตรงนี้แหละพวกนายไปเถอะ!”
ลู่จิ่งเซินหันมามองเธอแวบหนึ่งโดยไม่แสดงสีหน้าความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น
จากนั้นก็สั่งให้ซูมู่ขับรถไปยังลู่ซื่อ
จิ่งหนิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เธอพึ่งมาทำงานครั้งแรก เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่จิ่งเซิน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีอะไรออกไป
ในที่สุดก็เดินมาถึงบริษัท นี่คงเป็นเพราะเมื่อวานได้มาทำความคุ้นเคยกับบุคลากรและการบริหารงานแล้ว แม้วันนี้จะเป็นวันแรกที่เธอมาทำงาน แต่ในหลายๆขั้นตอนเธอก็สามารถละเว้นมันไปได้
พอถึงตอนเช้า 08:30 เธอจึงสามารถเริ่มประชุมแผนกได้ทันที