เธอหยุดไปชั่วครู่ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งอยู่ยิ่งกว้างขึ้น และความเย็นเยือกในดวงตาก็มากขึ้น
“ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นพ่อเลี้ยงของฉันใช่ไหม ฉันคนที่เป็นลูกสาว ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอแสดงความกตัญญูหน่อย หากคุณตายไปเช่นนี้ ฉันจะไปกตัญญูได้ที่ไหนล่ะ”
“ก็เป็นธรรมดาที่ต้องให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้จะตายทั้งเป็น ถึงแม้จะทุกข์ทรมานทุกวันจนกลิ้งไปมาบนพื้น ก็ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหมาตัวหนึ่งต่อไป”
“เมื่อถึงเวลานั้น แม้คุณจะกลับใจ อยากจะเซ็น อยากจะตายก็ไม่ได้แล้ว ”
เหอศื่อสั่นอย่างรุนแรง ใบหน้าซีดเผือด
ร่างกายของเขา สั่นเล็กน้อยเพราะความกลัว
“แก แกกล้าดีอย่างไง……….”
ถังลั่วเหยากะพริบตา “ ฉันทำไม ”
เหอศื่อไม่ได้พูดต่ออีก
เขารู้ว่า ตอนนี้ตัวเองเป็นเพียงแค่นักโทษ ไม่ว่าจะพูดอะไร ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
ถังลั่วเหยาหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง แล้ววางไว้บนชั้นกระจก
“เซ็นเถอะ เพื่อจะได้ตายไปดีๆ ชาติหน้าจะได้ไปเกิดใหม่ที่ดีกว่า ยังสามารถมีชีวิตได้อีกครั้ง”
เหอศื่อจ้องมองปากกาด้ามนั้นโดยไม่กระดุกกระดิกอยู่เนิ่นนาน
ถังลั่วเหยาเองก็ไม่รีบร้อน รออยู่เงียบๆเช่นนั้น
ผ่านไปเนิ่นนาน ถึงเห็นเขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองมาที่ถังลั่วเหยา แล้วกัดฟันพูด“ฉันไม่เชื่อ หากฉันไม่เซ็นล่ะ แกยังจะทำอะไรได้อีกหรือ”
ถังลั่วเหยาคิดไว้แล้วว่าเขาจะไม่ตกลงอะไรง่ายดายเช่นนี้
เธอค่อยๆยิ้มเบาๆ โน้มตัวไปข้างหน้า เข้าใกล้เขา โดยมีแผ่นกระจกกั้นกลาง กล่าวด้วยเสียงเบา “คุณรู้ไหม ผู้ชายคนที่ช่วยฉันคราวก่อน และช่วยกันกับฉันส่งคุณเข้าคุกคนนั้นเขาเป็นใคร”
พูดตามความเป็นจริง เรื่องนี้ เหอศื่อไม่รู้จริงๆ
เขารู้เพียงว่า ถังลั่วเหยาคบกับชายคนมีเงินคนหนึ่ง แต่ฝ่ายตรงข้ามฐานะอะไรนั้น เขาเคยตรวจสอบ แต่ก็ตรวจไม่เจอ
รอยยิ้มของถังลั่วเหยาช่างสวยงามจนหาที่เปรียบไม่ได้ และก็เย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ด้วย
“เขาชื่อเฟิงยี่ เป็นคุณชายรองตระกูลเฟิงแห่งเมืองหลวง ตอนนี้เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมายของฉัน”
บูม——!
เหมือนเสียงฟ้าผ่าอย่างแรง ผ่าใส่หัวสมองของเหอศื่ออย่างรุนแรง
อะไรนะ
เฟิง ตระกูลเฟิง
หากจะบอกว่าสีหน้าของเขาเมื่อกี้นี้ดูไม่ได้ ตอนนี้กลับซีดเซียว
ชื่อเสียงของตระกูลเฟิงนั้น เหอศื่อยังรู้จักดี
สี่ตระกูลใหญ่นั้น ชาตินี้เขาทำได้เพียงแค่จ้องมอง ไม่กล้าคาดหวัง
ไม่คิดว่า กลับถูกเธอ………
เขาจ้องมองถังลั่วเหยาอย่างไม่เชื่อ เห็นเพียงเธอกล่าวอย่างใจเย็น “ฉันไม่มีปัญญาทำให้คุณตายทั้งเป็นได้ แต่สามีของฉัน ดีกับฉันมาก เห็นฉันไม่มีความสุขไม่ได้ เมื่อถือเวลาคุณยังจะทำเช่นนี้ ฉันก็ขวางไว้ไม่ได้ใช่ไหม คุณสงสัยในความสามารถของฉันไม่ใช่หรือ ฉันคิดว่าความสามารถของเขา คุณน่าจะไม่ต้องสงสัย ใช่ไหม”ริมฝีปากเหอศื่อสั่นระริก แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆออกมา
ในที่สุด เขาก็คอตกอย่างหมดแรง แล้วก็ไม่มีคำพูดใดๆออกมา
……
หลังจากผ่านไปสิบนาที ถังลั่วเหยาถือหนังสือหย่าที่เซ็นเสร็จแล้วเดินออกมา
เฟิงยี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเห็นเธอ ก็ลุกขึ้นเดินมาหาทันที
“เป็นอย่างไรบ้าง”
ถังลั่วเหยาโชว์ข้อตกลงในมือเธอฉบับนั้น แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำสำเร็จแล้ว”
เฟิงยี่ตะลึงไปชั่วครู่ ตามด้วยยิ้มอย่างมีความสุข
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
ถังลั่วเหยามองดูเขา ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ โผเข้าไปหาทันที แล้วกอดเอวเขาไว้ เอาหน้ามุดไปที่อ้อมกอดเขา
น้อยครั้งมากที่เฟิงยี่จะเห็นเธอทำกับตัวเองเช่นนี้ตอนอยู่ข้างนอก ทันใดตัวแข็งทื่อ ผ่านไปชั่วครู่ ถึงเอามือวางไว้บนตัวเธอ ลูบหลังเธอเบาๆ แล้วกล่าวด้วยความเป็นห่วง“เป็นอะไรหรือเปล่า ”
ถังลั่วเหยาพยักหน้าเงียบๆ
หลังจากผ่านไปหลายวินาที จึงเงยหน้าขึ้น จ้องมองเขา แล้วกล่าวเสียงเบา“เฟิงยี่ ช่างดีเหลือเกินที่มีคุณ”
ถึงแม้เฟิงยี่จะไม่รู้ว่าเมื่อกี้ข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้น
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ก็ยังชะงักไป แล้วตามด้วยหรี่ตายิ้มอย่างมีความสุข
เขาก้มหัว จูบไปที่ริมฝีปากหญิงสาว แล้วกล่าวเสียงอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั้นผมก็จะอยู่กับคุณตลอดไป”
ถังลั่วเหยาพยักหน้าแรงๆ
ยื่นนิ้วออกมา จะเกี่ยวก้อยกับเขา
“พูดกันแล้วนะ ว่าจะอยู่กับฉันตลอดไป ห้ามจากไปนะ ”
เฟิงยี่ยื่นนิ้วก้อยออกมา เกี่ยวกับนิ้วก้อยของเธอ แล้วเอานิ้วโป้งชนกันปั๊มตราประทับ
คนสองคนในวัยยี่สิบกว่า ขณะนี้กำลังเล่นเกมของเด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบ แต่ทั้งสองก็สนุกกับมัน
หลังจากประทับตราแล้ว ถึงจ้องหน้ากันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
เมื่อข้อตกลงหย่าอยู่ในมือแล้ว เรื่องการหย่าก็ง่ายขึ้นเลย
ภายใต้การช่วยเหลือของเฟิงยี่ ถึงแม้จะไม่ได้ออกหน้ากับเหอศื่อด้วยตัวเอง แต่ก็ได้รับหนังสือหย่าอย่างราบรื่นแล้ว
แม่ถังมองดูหนังสือหย่าในมือที่อยากได้มานานแล้ว แต่ไม่ได้สักที อย่างตื่นเต้นจนน้ำตาไหลออกมา
เมื่อถังลั่วเหยาเห็นเช่นนั้น กอดแม่ไว้อย่างสงสาร แล้วปลอบโยนเธอตลอด
อย่างไรก็ตาม เรื่องอย่างนี้จะปลอบกันได้อย่างไรกัน
ความคับข้องใจ น้ำตา ความขมขื่นที่ได้กลืนกินอย่างเงียบๆในเวลาสิบกว่าปีมานี้ บัดนี้ ถูกระบายออกมาราวกับว่ามันพังทลายลง
ทุกคนล้วนรู้ว่า เหอศื่อไม่ได้ดีกับเธอ
แต่มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจจริงว่า ไม่ดีอย่างไร
ความทุกข์ทางกายนั้นเป็นเรื่องเบา ที่สำคัญสุดคือความทุกข์ทางใจ
เดิมที เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ อยากให้ถังลั่วเหยามีชีวิตที่ดี จึงแต่งงานกับเหอศื่อ
แต่เมื่อแต่งงานแล้วถึงรู้ว่า เขาไม่ใช่คนดีอะไร แต่กลับเป็นกองไฟ
ต่อมา เธอก็เคยพูดเรื่องหย่าหลายครั้ง
แต่ทุกครั้งก็จบลงที่ความล้มเหลว
พูดบ่อยเข้า เหอศื่อยังเคยเอาการฆ่ามาข่มขู่พวกเธอสองแม่ลูก
เธอกังวลว่าถังลั่วเหยาจะได้รับอันตรายจากเรื่องนี้ ดังนั้น ต่อมาก็ไม่กล้าเอ่ยถึงอีกเลย
แต่ในความเป็นจริง ใจดวงที่อยากจะหย่า ไม่เคยตายไปจากใจ
อันที่จริง หลังจากแต่งงานภายในหนึ่งปี ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้าน ก็ล้วนตกเป็นภาระของเธอแล้ว
ดังนั้น ที่จริงก็ไม่ได้สนใจว่าจะเลี้ยงลูกคนเดียวหรือจะมีอีกคนมาช่วยเลี้ยง
อย่างไรก็ตามเหอศื่อไม่ได้ทำอะไร นอกจากสร้างปัญหาให้พวกเธอสองคนแม่ลูก
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ความทุกข์ในหลายปีมานี้ ที่จริงตัวเองเป็นคนก่อเองและรับกรรมเอง
แต่ท้ายที่สุดแล้ว กลับต้องให้ลูกสาวและลูกเขยมาช่วยเคลียร์ปัญหาวุ่นวายนี้
อารมณ์ของแม่ถังร้อยพันความรู้สึก ทั้งสับสน คับข้องใจและก็ดีใจมาก
สิ่งที่ทำให้ผิดหวังคือความทุกข์ทรมานที่ตัวเองได้รับในหลายปีมานี้ ไม่มีใครเข้าใจอย่างแท้จริง
โชคดีที่ตอนนี้ถังลั่วเหยาโตแล้ว และก็หาที่พึ่งพิงที่แท้จริงของตัวเองได้แล้ว
ในอนาคต แม้ตัวเองจะจากไปแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
ถังลั่วเหยาไม่เข้าใจแท้จริงในใจแม่กำลังคิดอะไร
เพียงมองดูเธอร้องไห้ ก็รู้สึกเศร้าเสียใจ ดังนั้นปลอบประโลมเธอตลอดเวลา
ในสถานการณ์เช่นนี้ เฟิงยี่ไม่เหมาะที่จะอยู่ในเหตุการณ์
ไม่ว่าอย่างไร เวลาของสองแม่ลูก เขาที่เป็นลูกผู้ชายอยู่ในเหตุการณ์ จะทำให้รู้สึกเก้อเขินบ้างไม่มากก็น้อย
ความรู้สึกที่เก็บกดไว้ในใจพวกนั้น ก็ไม่สามารถระบายออกมาต่อหน้าเขาได้
ดังนั้น ทันทีที่กลับถึงบ้าน เขาก็ออกไปอย่างเงียบๆ โดยทิ้งพื้นที่และเวลาไว้ให้สองคนแม่ลูก
ไม่รู้ว่าแม่ถังร้องไห้ไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดก็หยุดร้อง