บทที่ 65 เผชิญหน้ากับหมาบ้า
หนิวลี่ลี่สีหน้าเปลี่ยนทันควัน “แก!”
ผู้ชายที่มากับเธอเดินตรงเข้ามาแล้วถามขึ้นอย่างแปลกใจ:“เพื่อนคุณหรอ?”
หนิวลี่ลี่โกรธมาก เธอรีบเข้าไปคว้าแขนของเขาไว้แน่นพลางพูดอย่างก้ำกลืน:“ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกับหล่อนซักหน่อย!
หย่วนหาง คุณคงยังไม่รู้จักหล่อนสินะ!หล่อนก็คือผู้หญิงที่ถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลจิ่งไงล่ะ
ตอนแรกหล่อนไม่เพียงแต่แย่งแฟนของฉันเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรรอยัล แล้วยังขโมยผลงานของน้องสาวตัวเองอีก ผู้หญิงที่หน้าไม่อายขนาดนี้ คุณต้องอยู่ห่างๆหล่อนหน่อยนะ อย่าไปหลงเชื่อหล่อนเด็ดขาด!”
หย่วนหางประหลาดใจเล็กน้อย
ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยศิลปากรรอยัลก็คือปู่ของเขา
เพราะงั้นข่าวฉาวเมื่อห้าปีก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นกับตา แต่เขาก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง
ทีแรกนึกมาตลอดเลยว่าคนที่ทำเรื่องพรรคนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือหน้าตาคงจะต้องน่าเกลียดมากแน่ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นผู้หญิงที่ทั้งเย็นชาและสง่างามที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้
จิ่งหนิงแสยะยิ้ม
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ร้านนี้น่าจะมีกล้องวงจรปิดอยู่นะ?”
หนิวลี่ลี่มองไปที่เธออย่างระมัดระวัง“แกจะถามไปทำไม?”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากจะเอาภาพจากกล้องวงจรปิดไปใช้เป็นหลักฐานแจ้งความที่แกหมิ่นประมาทฉันในวันข้างหน้าน่ะ”
หนิวลี่ลี่:……
“จิ่งหนิง แกช่วยทำตัวเสแสร้งให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ!ฉันได้ยินมาว่าที่มู่ยั่นเจ๋อทิ้งแกไปก็เพราะแกประพฤติตัวไม่เหมาะสม!เมื่อห้าปีก่อนที่แกไปต่างประเทศก็เหมือนว่าไปได้เศรษฐีมาหนิ?แล้วตอนนี้กลับมาหงอยเหงาอยู่ที่นี่ก็คงเป็นเพราะถูกเขาทิ้งมาอีกแล้วใช่ไหมล่ะ?
ไม่เป็นไรนะ ถ้าเขาทิ้งแกแล้วจริงๆ แกมาบอกฉันได้ ฉันรู้จักคนที่รวยๆเยอะ แล้วเห็นแก่การที่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แน่นอนว่าฉันต้องช่วยแกอยู่แล้ว”
จิ่งหนิงเหลือบมองเธอแวบหนึ่งแล้วยิ้มออกมาด้วยความเหยียดหยาม
“ไม่จำเป็นหรอก คุณหนิวเก็บคนที่ร่ำรวยพวกนั้นไว้ให้ตัวเองเถอะ!เพราะยังไงกว่าคุณจะตะกายขึ้นไปหาพวกเขาได้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนี่นา ถ้ายกให้คนอื่นจะไม่เสียดายหรอ?
“แก!”
หนิวลี่ลี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทว่าจิ่งหนิงกลับขี้เกียจจะคุยกับเธอแล้ว จึงถือผ้าพันคอไว้แล้วเดินออกไป
“เดี๋ยว!”
จู่ๆหนิวลี่ลี่ก็เรียกเธอไว้
จิ่งหนิงรู้สึกรำคาญมาก
เธอหันหน้ามาหาหล่อน แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา:“แกมีเรื่องอะไรอีก?”
หนิวลี่ลี่สูดหายใจเข้าลึกแล้วเดินไปข้างหน้า ทว่าจู่ๆก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“จิ่งหนิง แกรู้ไหม?มีเรื่องนึงที่ฉันอยากจะทำมากเมื่อห้าปีก่อน แต่ว่าไม่เคยมีโอกาสได้ทำเลย ท้ายที่สุดตอนนี้ฉันก็กล้าที่จะทำมันอย่างสบายใจได้แล้ว”
“อะไร…….”
“เพี๊ยะ!”
เสียงตบฉาดดังขึ้นอย่างชัดเจน จิงหนิงหน้าหันไปเล็กน้อย ตรงแก้มขวามีรอยแดงโผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเธอเยือกเย็นลงถึงขีดสุดภายในพริบตาเดียว
วินาทีถัดไป
“เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!”
เสียงตบฉาดที่ชัดเจนดังขึ้นสองรอบ
หนิวลี่ลี่เอามือปิดหน้าไว้ แล้วมองหล่อนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“จิ่งหนิง นี่แกกล้าตบฉันหรอ?”
“ดีมาก็ดีกลับไง มีคนเคยพูดไว้ว่าแม้สุนัขจะกัดคน แต่คนก็ไม่สามารถกัดกลับได้ ฉันกลับรู้สึกมาตลอดเลยว่า สัตว์บางตัวก็ไม่อาจทำตัวคุ้นเคยกับมันได้ เพราะถ้าคุ้นเคยกันมันมักจะลืมว่าตัวเองเป็นอะไร”
“กรี๊ด——!แก นังสารเลว!”
หนิวลี่ลี่พุ่งพรวดเข้ามาหาเธออย่างกับคนบ้า พนักงานที่ร้านต่างก็ตกใจไม่รู้ว่าควรจะรีบโทรแจ้งตำรวจหรือว่าเข้าไปช่วยห้ามก่อนดี
จิ่งหนิงมองอย่างเยือกเย็น
เธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้ะตะโกนขึ้น:“นายเห้อ คุณจะปล่อยให้ผู้หญิงของคุณเป็นบ้าอยู่อย่างงี้เหรอ?”
จากนั้นเห้อหย่วนหางถึงได้รู้สึกตัว เขาพุ่งเข้าไปรวบตัวหนิวลี่ลี่ไว้อย่างรีบร้อน
“ลี่ลี่!พอได้แล้ว!”
“ปล่อยฉันนะ นังสารเลวนี่มันกล้าตบฉัน วันนี้ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
หนิวลี่ลี่พูดไปพลางผละออกจากเห้อหย่วนหางแล้วพุ่งไปหาจิ่งหนิง
จิ่งหนิงสีหน้าเปลี่ยนทันที
เป็นเพราะวันนี้เธอใส่กระโปรงอยู่ ถ้าตบกันจริงเธอคงต้องเสียเปรียบแน่ อีกอย่างท่าทางของหนิวลี่ลี่ที่เหมือนหมาบ้าแบบนี้ คนปกติเห็นก็คงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว
จิ่งหนิงรีบวิ่งถอยกลับไปที่ประตู
หนิวลี่ลี่เหมือนจะบ้าไปแล้ว จู่ๆหล่อนก็หยิบแจกันดอกไม้ที่หน้าประตูขึ้น แล้วเขวี้ยงมาที่เธอ
“นังสารเลว ฉันจะฆ่าแก!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีคนจับข้อมือเธอไว้แล้วดึงหลบไปด้านข้าง
จิ่งหนิงหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว แจกันดอกไว้ลอยข้ามหัวเธอไปตกแตกกระจายอยู่บนพื้น
ทุกคนล้วนตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนกันหมด
คนๆนี้จะว่าบ้าก็บ้า แต่ว่าบ้าเหมือนหมาบ้าขนาดนี้ได้ยังไง?
จิ่งหนิงกลัวจนหน้าซีดเผือดลงไปเล็กน้อย แต่พอหันกลับมามองคนที่อยู่ข้างหลัง เธอก็พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ“ลู่จิ่งเซิน?นายมาได้ยังไง?”
สีหน้าของลู่จิ่งเซินเคร่งขรึมมาก
ณ ภายในร้าน พอหนิวลี่ลี่เห็นว่าเขวี้ยงไปไม่โดนจิ่งหนิง หล่อนจึงลากแจกันมาอีกอันหนึ่งแล้วเตรียมเขวี้ยงไปที่เธออีกครั้ง แต่ก็ถูกเห้อหย่วนหางแย่งมันไป
“พอได้แล้ว!หนิวลี่ลี่ คุณสงบสติอารมณ์หน่อยสิ!”
“นังสารเลวนี่กล้าตบฉัน คุณยังจะให้ฉันอยู่นิ่งๆอีกหรอ?”
หนิวลี่ลี่เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย และยังเป็นลูกสาวคนเดียวอีก เพราะงั้นจึงชอบใช้อำนาจ และเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก เห็นทีคงจะไม่เคยถูกยั่วโมโหขนาดนี้มาก่อน?
หล่อนรู้สึกว่าถ้าวันนี้ไม่ได้ตบคืนที่เธอตบหล่อนสองทีนั่น เธอจะไม่หยุดหรอก
เห้อหย่วนหางสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที และในขณะที่กำลังจะพูดออกไป ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกดังขึ้นที่หน้าประตู
“ในเมื่อคุณสงบสติอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ งั้นผมก็ไม่ถือสาที่จะช่วยคุณ”
พูดจบ จู่ๆก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งโผล่ออกมาจากไหนไม่รู้ “เพี๊ยะเพี๊ยะ”ตบฉาดเข้ามาที่หน้าของหนิวลี่ลี่สองที
หนิวลี่ลี่ถูกตบจนหน้าหัน เธอรู้สึกมึนๆไปเล็กน้อย
ทว่าเห้อหย่วนหางกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ลู่จิ่งเซิน?เป็นเขาได้ยังไง?
ลู่จิ่งเซินจูงมือจิ่งหนิงเดินเข้ามาที่ประตู
ซูมู่สะบัดข้อมือไปมา พร้อมกับฉีกยิ้มพูดขึ้น:“ท่านประธาน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมตบผู้หญิงเลย แต่ยังไงก็ต้องบอกเลยว่าผู้หญิงคนนี้มันน่าตบจริงๆ!ฉะนั้นผมจึงไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่นิดเดียว”
ลู่จิ่งเซินยิ้มมุมปากขึ้น
ในที่สุดหนิวลี่ลี่ก็รู้สึกตัวซักที
เธอเอามือลูบแก้มที่บวมเป่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วร้องกรี๊ดออกมา
“พวกแกเป็นใคร?ถึงได้กล้ามาตบฉัน พวกแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?ฉัน……”
“พอแล้ว!คุณเงียบได้แล้ว!”
เห้อหย่วนหางหน้าซีดเผือด และดึงหล่อนกลับมา
หนิวลี่ลี่ไม่รู้จักลู่จิ่งเซิน แต่ว่าเขารู้จัก
แม้จะไม่รู้ว่าเขากับจิ่งหนิงเป็นอะไรกัน แต่พอเห็นเขาจับมือจิ่งหนิงไว้ ก็รู้ได้เลยว่าพวกเขาต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันแน่ๆ
เขารีบก้าวไปข้างหน้า แล้วเอ่ยคำขอโทษ:“คุณชายลู่ ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ขอโทษด้วยจริงๆครับ นี่เป็นการทะเลาะกันนิดหน่อยระหว่างสาวๆเอง”
“หืม?ใช้แจกันฟาดกันนี่แค่เรื่องทะเลาะกันนิดหน่อยเหรอ?”
เห้อหย่วนหาง:…….
“หย่วนหาง คุณจะไปขอโทษเขาทำไม?คนที่ทำร้ายฉันคือพวกเขานะ!”
หนิวลี่ลี่ยังคงตะโกนโวยวายไม่หยุด
เห้อหย่วนหางแทบจะเป็นบ้าแล้ว ไม่มีครั้งไหนที่พาหล่อนออกมาข้างนอกแล้วรู้สึกเสียใจเท่าครั้งนี้เลย
เขากัดฟันพูดขึ้น:“นี่คือประธานลู่ ประธานลู่ที่เป็นนายทุนของลู่ซื่อคนนั้น”
“อะไรนะ?”
หนิวลี่ลี่มีท่าทีตอบสนองกลับมาทันที
หล่อนมองไปที่ลู่จิ่งเซินอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนกับกำลังมองเห็นสัตว์ประหลาดอะไรอยู่ยังไงยังงั้น
ตระกูลหนิวก็ทำธุรกิจ ปกติผู้ใหญ่ในครอบครัวคุยเล่นกันก็มักจะพูดถึงคนคนนี้ขึ้นมา
แต่ทว่าในใจของหนิวลี่ลี่ ลู่จิ่งเซินเป็นได้แค่ตัวละครในตำนานเท่านั้น ซึ่งมันอยู่ห่างไกลจากหล่อนมากราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่ได้แต่มองอยู่ไกลๆไม่อาจเข้าไปใกล้ได้ มันไม่มีทางเป็นจริง
ดังนั้นเธอจึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอเขาได้ในชีวิตจริงจริงๆ
สายตาของหล่อนหยุดลงที่มือของทั้งคู่ที่จับมือกันไว้
ริมฝีปากของเธอเริ่มขยับ สุดท้ายก็เปล่งเสียงออกมา
“เป็น เป็นไปได้ยังไง?”