ท้ายที่สุด เธอจึงพูดในวงกว้างว่า “เอาอย่างนี้นะคะ พนันกันว่าถ้าใครแพ้ จะสัญญาว่าจะตามที่อีกฝ่ายหนึ่งบอกมาหนึ่งเรื่องอะไรก็ได้ และไม่สามารถปฏิเสธได้”
เมื่อเฟิงยี่ได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาก็สว่างไสวขึ้นทันที
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและหัวเราะออกมาอย่างไร้ความปรานี
“ที่คุณพูดจริงหรือเปล่า?”
ถังลั่วเหยาไม่รู้ตัวหรอกว่าเธอขุดหลุมแล้วปล่อยให้ตัวเองกระโดดเข้าไปข้างในแล้ว
อีกทั้งยังพูดด้วยทางชอบธรรมว่า “แน่นอนสิคะ ฉันพูดแล้วไม่คืนคำแน่! ใครปลิ้นปล้อน คนนั้นเป็นลูกหมา!”
เฟิงยี่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขในทันที “เอาล่ะครับ ในเมื่อคุณต้องการจะเดิมพัน ผมก็จะเล่นกับคุณ”
ทั้งสองจึงตั้งท่าใหม่ พร้อมเดิมพันด้วยสองลูกสุดท้าย
ถังลั่วเหยานึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ และพูดว่า “เดี๋ยวก่อนค่ะ ถ้าเราทั้งสองคนตีเข้าทั้งสองหลุมล่ะ?”
เฟิงยี่พูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นก็แข่งกันอีกหลุมสิครับ ใครตีไม่เข้าก่อนก็แพ้”
ถังลั่วเหยาครุ่นคิด และรู้สึกว่าแบบนี้ก็ได้และมันก็ยุติธรรมดี
ดังนั้น เธอจึงตอบตกลง
หลังจากที่ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยแล้ว การแข่งขันรอบใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น
เฟิงยี่ทำคะแนนแรกได้ก่อน
ถังลั่วเหยาก็เช่นกัน หลังจากต้องพบเจอกับประตูอันน่ากังวลเหล่านั้นมาก่อนหน้า ความคิดในปัจจุบันของเธอก็ดูมั่นคงมากขึ้น และทำให้เธอได้คะแนน
อย่างไรก็ตาม ในลูกที่สองเธอไม่ได้โชคดีแบบนี้แล้ว
เฟิงยี่ตีเข้าหลุมโดยเป็นธรรมชาติ แต่ทิศทางช่วงตรงกลางของถังลั่วเหยาเบี่ยงเบนเล็กน้อย จึงทำให้ลูกคดเคี้ยวไม่ลงหลุม
เธอมองไปที่ลูกกอล์ฟ ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
เธอกำลังรู้สึกว่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
เฟิงยี่มีความสุขในทันทีเมื่อเห็นว่าบอลทำประตูไม่ได้
เขายืนค้ำไม้คิว ยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นยังไงครับ ไม่พอใจเหรอ?”
ถังลั่วเหยาย่นจมูกด้วยความไม่พอใจ และตอบว่า “ลูกเมื่อกี้ยังไม่นับ เป็นเพราะลมแรงเกินไปเลยทำให้พัดลูกออกนอกลู่นอกทาง”
“หืม” เฟิงยี่เหล่ตาและไม่ได้โต้เถียงกับเธอ “โอเคก็ได้ ถ้าคุณบอกว่าเป็นที่ลม งั้นมาตีอีกสักลูกสิครับ?”
ถังลั่วเหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่าเธอไม่คิดว่าเขาจะพูดง่ายขนาดนี้
แดดแรงขนาดนี้ จะเอาลมมาจากไหนเล่า? เห็นได้ชัดว่าเธอเจตนาจะโกง
แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มนั้นไม่ได้เปิดเผยออกมาตรงๆ เเน่นอนว่าเธอคงจะเก็บเงียบเอาไว้อย่างดีใจ
ดังนั้นเธอจึงรีบยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ลองใหม่อีกครั้งแล้วกัน”
แต่เธอไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดนี้เป็นกับดักของเขา
เหตุผลที่ยอมอ่อนข้อให้แก่เธอ เพียงเพื่อทำให้เธอรู้สึกแพ้อย่างราบคาบเท่านั้น และเพื่อให้เธอไม่สามารถหาข้อแก้ตัวที่จะไม่ทำตามสัญญาได้ในตอนท้าย
สิ่งที่ปรากฏตามมาก็คือ อีกหลายๆไม้ต่อมา ถังลั่วเหยาก็แพ้ทุกไม้
เหตุผลทุกอย่างที่จะสามารถหามาอธิบายได้ เธอก็หามาหมดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเทพเจ้าแห่งโชคดีจะไม่สนับสนุนเธอและจากเธอ ไปเสียแล้ว ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนเธอก็ทำคะแนนไม่สำเร็จ
อันที่จริงแล้ว สิ่งที่เธอไม่ได้สังเกตก็คือหลังจากเล่นมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ร่างกายของคนปกติก็จะหมดแรง
แม้จะยังพอมีกำลัง แต่กล้ามเนื้อสามารถส่งแรงออกมาได้ไม่แม่นยำเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป
ดังนั้นเธอมักจะตีไปในทางที่ผิด
แต่เฟิงยี่ต่างออกไป ประการแรก ชายหนุ่มคนนี้มักจะออกกำลังกายเป็นประจำ การเล่นติดต่อกันหนึ่งชั่วโมงไม่มีผลอะไรต่อร่างกายเขาเลย
นอกจากนี้ถังลั่วเหยาเล่นกีฬานี้มานานแค่ไหนกัน? แต่ผู้ชายคนนี้เล่นมาหลายปีแล้ว เธอจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
ในที่สุดถังลั่วเหยาก็ยอมแพ้เฟิงยี่อย่างสุดหัวใจ
ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อย และไม่มีแรงที่จะแข่งขันอีกต่อไป เธอจึงทำได้เพียงยอมแพ้
เมื่อเฟิงยี่เห็นดังนั้นก็เดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม เขาหยิบไม้กอล์ฟให้เธอ และช่วยเธอถือไม้กอล์ฟ ประคองเธอไปยังโซนพักผ่อน
เมื่อเดินไปถึงบริเวณพักผ่อน เขาก็ช่วยให้เธอนั่งลงก่อนแล้วจึงวางเครื่องดื่มเย็นๆไว้ในมือเธอ
ส่วนตัวเขาหยิบน้ำแร่หนึ่งขวดมาดื่ม
หลังจากดื่มเสร็จ เขาก็ถามขึ้นว่า “เป็นยังไงครับ ยอมรับว่าแพ้แล้วใช่ไหม?”
ถังลั่วเหยากลอกตา แม้ว่าเธอจะไม่อยากยอมรับ แต่แพ้ก็คือแพ้ เธอไม่อยากกลับกลอก ดังนั้นเธอจึงหันไปมองเขาแล้วถามว่า “เอาล่ะ ว่ามาค่ะจะให้ทำอะไร?”
เมื่อเห็นว่าเธอถามอย่างจริงจัง เฟิงยี่ก็ยิ้มและพูดอะไรบางอย่างข้างหูของเธอ
เสียงของเขาเบามาก นอกจากเธอแล้วคงไม่มีใครได้ยิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อถังลั่วเหยาได้ยินคำพูดเหล่านั้น ใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีแดงราวกับถูกไฟแผดเผา
เธอมองไปที่เฟิงยี่อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าคำขอนี้ออกมาจากปากเขา
เฟิงยี่ยืดตัวขึ้นมองดูเธอด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยเตือนว่า “ผมบอกไว้ล่วงหน้าเลยนะว่า คุณต้องกล้าได้กล้าเสีย เอ๊ะ คุณคงไม่คิดจะกลับกลอกสินะ!”
ถังลั่วเหยาคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นแบบนี้ แก้มของเธอก็ป่องขึ้นด้วยความโกรธ
เฟิงยี่มองไปที่ใบหน้าที่ไม่พอใจของเธอ แต่ก็ไม่กล้าโกรธออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะจริงๆ
ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ทั้งสองคนก็พากันพักผ่อนและเดินออกจากสนามไป
แน่นอนว่าพวกเขากินอาหารมื้อเย็นข้างนอก
ถังลั่วเหยารู้สึกว่าเหงื่อทั่วร่างกายของเธอ เธอจึงไม่ยอมกินข้าวก่อน ดังนั้นทั้งสองจึงกลับไปที่ห้อง เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนออกไปกินข้าว
หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว ทั้งสองก็พักกันอยู่สักครู่ เธอเห็นมีคนพายเรือออกไปอยู่ไม่ไกล และดึงดันว่าจะขึ้นไปพายเรือนั่งเล่น
หลังจากพายเรือเสร็จแล้ว ถังลั่วเหยาก็พาเขาไปเล่นที่อื่นอยู่สักพัก
สรุปก็คือ เธอพยายามดึงเขาเอาไว้ ไม่ให้เข้ากลับเข้าไปในโรงแรม
แน่นอนว่าเฟิงยี่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงอยู่เล่นกับเธอสักพัก
เธอจะเล่นอะไรก็ทำตามที่เธอต้องการเล่น เธอจะพูดอย่างไรก็ได้
เพราะยังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับห้องไม่ช้าก็เร็ว
ท้ายที่สุด ก็เล่นจนเกือบเที่ยงคืน ข้างนอกแทบไม่เหลือใครอยู่แล้ว ถังลั่วเหยาเห็นว่าเธอไม่สามารถไว้ได้อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงร้องไห้และถูกชายหนุ่มลากกลับไปที่โรงแรม
คืนนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งสองได้แสดงความรักต่อกันอย่างสุดซึ้ง
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ถังลั่วเหยาทำสิ่งที่น่าละอายเหล่านี้ ซึ่งทำลายขีดจำกัดของเธอจริงๆ
ดูเหมือนชายหนุ่มจะดูตื่นเต้นมาก ท้ายที่สุดไม่ว่าเธอจะร้องขอความเมตตาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป
วันรุ่งขึ้น เธอนอนจนถึงเที่ยงกว่าจะตื่น
เมื่อถังลั่วเหยาตื่นขึ้น เธอก็รู้สึกว่ามุมปากของเธอยังเจ็บอยู่
เธออยู่ในห้องนอนคนเดียว เฟิงยี่ไม่อยู่ในห้องด้วย คาดว่าคงจะออกไปข้างนอก
เธอจึงลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำและมองดูใบหน้าของตัวเองในกระจก พบว่ามีบาดแผลฉีกขาดเล็กน้อยที่มุมปากของเธอ ทำให้เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้
เป็นเพราะผู้ชายคนนั้น คิดพิเรนทร์อยากให้เธอ……
เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านั้นในเมื่อคืนนี้ ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นอีกครั้ง
เธอกัดริมฝีปาก แหละหยิบหลอดครีมมาทาที่มุมปากก่อนจะซักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทันทีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เฟิงยี่ก็กลับมา
เห็นได้ชัดว่าเขาลงไปวิ่งมา เมื่อตอนที่เขากลับมาเหงื่อยังซึมทั่วร่างกาย
เมื่อเห็นเธอตื่นแล้ว เขาก็เดินไปจูบเธอเข้าเบาๆ
หลังจากจูบเสร็จจึงรู้สึกถึงกลิ่นบางกลิ่น เขาจึงมองเข้าไปใกล้ๆแล้วพูดว่า “คุณทายาหรือครับ?”