เฟิงยี่โทรเสร็จ กลับไปที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง เห็นคุณแม่กำลังนั่งอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยทำมุมผ้าห่มให้คุณพ่อผ่านหน้าต่าง
บนหน้าของเธอมีความเป็นห่วงและเสียใจอย่างเห็นได้ชัด กับหน้าตาที่ปกติดูดุเดือดรุนแรงนั้นแตกต่างกันแทบอย่างกับเป็นคนสองคนเลย
เขายืนได้ครู่หนึ่งไม่ได้รีบเข้าไป มุมปากโค้งขึ้นมาแบบดีใจโดยที่ไม่รู้สึกตัว
อันที่จริงคุณแม่ก็เป็นแบบนี้แหละ
ปากแข็งใจอ่อน ในปากบอกว่ารังเกียจคุณพ่อ ไม่ชอบท่าน บอกว่าท่านไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้อยู่ทุกวันๆ
แต่ความเป็นจริงคือพอคุณพ่อมีเรื่องอะไรขึ้นมา คนที่เป็นห่วงที่สุด เสียใจที่สุด ก็ยังเป็นคุณแม่อยู่ดี
นี่ก็คงเป็นความรักที่ดีงามที่สุดและบริสุทธิ์บนโลกนี้แล้วกระมัง
พอคิดอยู่แบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงซูหว่าน
คนอื่นๆ ไม่ได้สังเกต แต่เมื่อกี้เขาได้สังเกตเห็นแล้ว
เมื่อซูหว่านเห็นคุณพ่อ สายตานั้นไม่เหมือนอย่างปกติเลย
และยังนึกโยงไปถึงคุณพ่อหนีบรูปของเธออยู่ในหนังสือ พูดถึงแล้วก็น่าจะกลัวคุณแม่ไปเห็นเข้า
ตกลงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นอะไรกันแน่ ทำไมท่าทางคุณแม่ดูไม่ชอบซูหว่านมากขนาดนี้
ส่วนซูหว่านมีความรู้สึกต่อคุณพ่อตัวเองแบบไหนกันแน่
เฟิงยี่คิดว่าตนเองสามารถหยั่งเชิงตรงขอบอันตรายดู
ดังนั้นเขาผลักประตูเดินเข้าไป ยิ้มพูดว่า: “แม่ ผมบอกพี่ชายแล้ว แกเลิกงานเสร็จก็จะมา”
ตู๋กูยิงพยักหน้า
เธอมีลูกชายสองคน แต่ลูกชายสองคนนี้ ไม่ว่านิสัยหรือวิธีการทำงานล้วนแตกต่างกันมาก
ลูกชายคนโตมีความเป็นผู้ใหญ่ ลูกชายคนเล็กแข็งกระด้าง ให้เฟิงเหยี่ยนจัดการเรื่องบริษัทเธอไว้ใจมาก
พอคิดอยู่แบบนี้ เธอเงยหน้ามองเฟิงยี่แวบเดียว
“แกยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี ตัวเองควรทำอะไรก็ไปทำเถอะ รอคุณพ่อแกตื่นแล้วฉันค่อยบอกให้แก”
เฟิงยี่ได้ยินคำพูดแล้วก็ไม่ได้ไป แต่คือยกเก้าอี้มาตัวหนึ่งนั่งลงข้างๆ เธอ
“คุณแม่ แบบนี้ท่านก็ผิดมนุษย์มนาทั่วไปเกินไปหน่อยแล้วนะ เมื่อกี้ตอนคุณพ่อยังไม่ปลอดภัยท่านไม่ให้ผมไป ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว ท่านมีคนที่พึ่งได้แล้ว ก็อยากรีบไล่ผมไปจากข้างท่าน แบบนั้นแล้วผมไม่ทำหรอกนะ”
ความสามารถในการเล่นตลกของเฟิงยี่ ตู๋กูยิงสัมผัสตั้งแต่เล็กจนโตเลย
ขณะนี้ เฟิงสิงลังพ้นจากอันตรายแล้ว เธอก็มีอารมณ์ล้อเล่นด้วยแล้ว
จึงหันหน้าไปดูเขา เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ว้าย ตอนภรรยาแกอยู่ ทำไมไม่เห็นแกติดฉันขนาดนี้เลยล่ะ ความสามารถในการต่อหน้าทำอย่าง ลับหลังก็ทำอีกอย่างหนึ่งนี้ไปเรียนมาจากใครเหรอ”
จู่ๆ เฟิงยี่ตะลึง
แต่ไม่นานก็จับช่องโหว่ในคำพูดของตู๋กูยิงได้
ดวงตาของเขาสว่างขึ้นมา พูดอย่างประหลาดใจและดีใจว่า: “แม่ ท่านยอมรับแล้วเหรอว่าเธอคือลูกสะใภ้ของท่าน”
สีหน้าของตู๋กูยิงตะลึง
เมื่อกี้นี้ เธอก็แค่พูดลอยๆ เฉยๆ
ไม่มีความคิดอยากจะยอมรับถังลั่วเหยาเลยจริงๆ
ถึงอย่างไรในใจเธอก็ยังไม่ได้ปล่อยวางอคติเกี่ยวกับวงการบันเทิงอันเนื่องมาจากซูหว่านลงได้ทั้งหมด กับนิสัยแข็งอย่างนั้นของถังลั่วเหยาก็ไม่ชอบใจเลยจริงๆ
ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ เธอยังคงหวังว่าเฟิงยี่กับถังลั่วเหยาจะเลิกกัน
นิสัยของเฟิงยี่แข็งกระด้าง เธอคิดมาตลอดเลยว่าคนที่อยู่ข้างเขาควรเป็นคนที่อ่อนโยนและรู้ผิดชอบมากกว่านี้
แบบนี้ถึงสามารถดูแลเขาและอยู่เคียงข้างเขาได้อย่างดี
แต่อยู่ต่อหน้าสายตาอันสว่างสดใสและคาดหวังคู่นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคำพูดปฏิเสธเหล่านั้นติดอยู่ในลำคอ ไม่ว่าทำยังไงก็พูดไม่ออก
ในที่สุด เธอก็ได้แต่ทำเสียงไม่พอใจ ทำสีหน้าไม่ชอบใจให้กับเฟิงยี่
“แกฝันไปเถอะ! ฉันไม่ได้พูดอะไรสักอย่างเลยนะ”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ก็ตาม แต่สีหน้าอันซึนเดเระนั้น ไม่เหมือนกำลังปฏิเสธอยู่เลย กลับเหมือนเป็นการยอมรับโดยอีกวิธี
เฟิงยี่เห็นแล้วหัวเราะอย่างมีความสุขขึ้นมา
จากนั้นหยิบส้มที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาลูกหนึ่งแกะอย่างใจเย็น
เขาแกะไปด้วยพร้อมกับพูไปด้วยว่า: “แม่ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่าน”
ตู๋กูยิงไม่ได้มีช่องว่างการพูดคุยกับลูกชายที่เงียบอย่างน้านานมากแล้ว ปกติถ้าไม่ใช่เฟิงยี่ไม่อยู่บ้าน ก็คือทำให้เธอโมโห จนเธอไม่อยากคุยกับเขา
ดังนั้นถึงแม้สองแม่ลูกจะอยู่ด้วยกันบ่อยก็ตาม แต่กลับไม่ค่อยมีโอกาสที่จะนั่งลงมาเงียบๆ แบบนี้เลย
วันนี้ต้องขอบคุณที่เฟิงสิงลังบาดเจ็บ ถึงสามารถพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งได้ เพราะฉะนั้น ตู๋กูยิงก็เห็นค่าโอกาสนี้มากเหมือนกัน
เธอ “อืม” เสียงหนึ่ง พูดว่า: “อยากถามอะไร แกพูดมาเลย”
เฟิงยี่ถามอย่างสงสัย: “ก็คือว่าผู้หญิงที่ชื่อซูหว่านคนนั้นเมื่อกี้นี้ พวกท่านเคยรู้จักกันก่อนหน้านี้เหรอ เธอคือคนอะไรของท่านอ่า ทำไมผมรู้สึกตลอดเลยว่าระหว่างพวกท่านมันแปลกๆ ยังไงไม่รู้”
สีหน้าของตู๋กูยิงเยือกเย็น
เธอคิดไม่ถึงเลย สิ่งที่เฟิงยี่อยากถามจะเป็นเรื่องนี้
พูดตามตรง เรื่องของคนรุ่นก่อน เธอไม่ได้อยากบอกรุ่นต่อไปเลย
แต่ไหนๆ วันนี้เขาก็ถามขึ้นมาแล้ว ตู๋กูยิงก็ไม่อยากโกหกเขาเหมือนกัน
ฉะนั้น เธอจึงเล่าให้เขาฟังว่าตอนนั้นซูหว่านถูกครอบครัวตัวเองรับมาเลี้ยงได้ยังไง เติบโตขึ้นในครอบครัวตู๋กูยังไง หลังจากนั้นรู้จักเฟิงสิงลังผ่านเธอยังไง
และยังจงใจเมาสุราเดินเข้าผิดห้องในคืนที่เธอกับเฟิงสิงลังแต่งงาน มีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับฟิงสิงลังอย่างหมกมุ่นยังไง
ยังไงอายุของเฟิงยี่ก็ไม่น้อยและยังแต่งงานแล้วด้วย
เรื่องระหว่างชายหญิงเหล่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเขาอีก พูดตรงๆ เลยก็ได้
หลังจากเฟิงยี่ฟังตู๋กูยิงพูดจบ ในใจทึ่งมาก
เขาคาดเดาได้ตั้งนานแล้ว ระหว่างซูหว่านกับคุณพ่อคุณแม่ ต้องมีความข้องแวะใหญ่โตมากแน่นอน
แต่คาดคิดไม่ถึงเลยว่าความจริงจะโหดร้ายขนาดนี้
ทันใดนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะเงียบลงมา ตู๋กูยิงหันหน้ามองเขาแวบหนึ่ง พูดอย่างเฉยชาว่า: “แกก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก ความรักและความแค้นระหว่างคนรุ่นหนึ่งเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อนแล้ว ไม่เกี่ยวกับพวกแกหรอกนะ”
เฟิงยี่ยิ้มแห้งทีหนึ่ง
“ถ้าตามที่ท่านพูดจริงๆ แบบนั้นก็ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าเป็นอย่างนี้จริง แล้วทำไมก่อนหน้านี้ท่านยังจะโกรธเพื่อเรื่องที่ลั่วเหยาไม่ได้บอกท่านว่าเธอรู้จักซูหว่าน เห็นได้ว่าท่านก็ยังแคร์อยู่”
ตู๋กูยิงชะงักงัน
เนิ่นนาน ทำเสียงไม่พอใจอย่างอึดอัด
“เธอคือเธอ แกคือแก พวกแกไม่เหมือนกัน”
เฟิงยี่ได้ยินคำพูด ก็รู้เลยว่าอคติในใจคุณแม่ฝังลึกเข้าไปมากแล้ว มิอาจปล่อยวางได้ในระยะเวลาสั้นๆ
จึงไม่พูดมากกว่านี้อีก เวลาหกโมงเย็น หลังจากที่รอเฟิงสิงลังตื่นขึ้นมา และเฟิงเหยี่ยนก็มาถึงแล้ว ก็เปลี่ยนเวรกับเขาและจากไปแล้ว
สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุรถชนเพิ่งสืบสวนได้ตอนเที่ยงวันถัดไป
คนที่เฟิงเหยี่ยนส่งออกไป ได้กล้องวงจรปิดของถนนที่เป็นจุดเกิดเหตุมาแล้ว
กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่ารถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากอีกทางแยก พุ่งชนไปทางรถยนต์ที่เฟิงสิงลังนั่งอยู่อย่างมิอาจควบคุมได้
เนื่องจากคนขับของรถบรรทุกขนาดใหญ่เสียชีวิตจากการชนโครมอย่างรุนแรงแล้ว ฉะนั้นไม่สามารถดำเนินการสอบสวนเขาโดยตรงได้
มีแค่อย่างเดียวที่สามารถเห็นได้ชัดจากกล้องวงจรปิด ก็คือก่อนที่จะชนกับรถยนต์ของเฟิงสิงลัง คนขับของรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงเบาะคนขับ ความจริงก็มีความรู้สึกว่าแอบไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ก่อนหน้านี้แล้ว
เฟิงเหยี่ยนจึงยื่นคำร้องขอชันสูตรศพกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที ในเวลาเดียวกัน สั่งคนไปสืบความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและบัญชีกระแสรายวันช่วงนี้ของคนขับ
ความคืบหน้าการสืบสวนราบรื่นมาก ไม่ว่าทางธนาคารหรือทางสถานีตำรวจ ล้วนร่วมมือกันดีมาก
ดังนั้น สามวันถัดมา เอกสารทุกอย่างวางไว้ตรงบนโต๊ะทำงานของเฟิงเหยี่ยนเรียบร้อยแล้ว
เฟิงเหยี่ยนไม่ได้อ่านเอกสารเหล่านี้ด้วยคนเดียว แต่คือเอาไปโรงพยาบาล อ่านกับเฟิงสิงลังด้วยกัน