บาดแผลเก่าเหล่านั้นถึงแม้สมานแล้ว รอยแผลเป็นก็ยังอยู่ ถึงแม้เธอยอมให้อภัย แต่หัวใจของเธอยอมไหม
เธอรู้สึกจริงๆ เหรอ หลังจากที่สองคนเคยผ่านเรื่องเหล้านั้นมาแล้ว ยังสามารถกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้เหรอ
ตู๋กูยิงถอนหายใจ ไม่ไปคิดอีก หลังจากเก็บของเรียบร้อย ก็เดิมไปที่ห้องผู้ป่วยของเฟิงสิงลัง
และในขณะนี้ อีกฝั่งหนึ่ง
เฟิงยี่ได้รับการเชิญชวนของเพื่อน คืนนี้มีงานที่บาร์จะต้องไป
ตั้งแต่มีถังลั่วเหยา ปัจจุบันเขาไม่ค่อยออกไปเที่ยวข้างนอกแล้ว ปกติถ้ามีเวลาว่าง ส่วนมากก็จะอยู่แต่ในบ้าน หรือไม่ก็ไปเยี่ยมถังลั่วเหยาที่กองถ่าย
ความรักที่ไม่เปิดเผยของสองคนหวานมาก และวันนี้ยังเป็นครั้งแรกที่เขาถูกเชิญออกมาหลังแต่งงาน
เพื่อนๆ ไม่รู้เรื่องที่เขาแต่งงาน ดังนั้นช่วงนี้เห็นเขาไม่ออกมาเลย คิดแค่ว่าที่บ้านคุมเข้ม ไม่สะดวก ฉะนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
ก่อนที่เฟิงยี่จะไปที่นัดหมาย ยังมีการโทรรายงานกับถังลั่วเหยาที่กำลังถ่ายละครอยู่ในกองถ่ายด้วย
ถังลั่วเหยาไม่มีความเห็นอยู่แล้ว
เธอไม่ค่อยชอบกำกับคนอื่นเท่าไหร่ และไม่รู้สึกแบบนี้มันมีอะไร ถึงแม้เมื่อก่อนเฟิงยี่จะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ แต่เธอรู้ดีนิสัยที่แท้จริงของเขาไม่เป็นแบบนั้นเลย
อีกอย่าง มีบางสิ่งเธออยากกันก็กันไม่อยู่ เช่นนั้นไม่กันยังดีกว่าอีก
เพราะฉะนั้นเธอโบกมือใหญ่อย่างใจกว้าง ตกลงให้เลยทันที
เมื่อเฟิงยี่ไปถึงบาร์ เวลาสามทุ่มพอดี
ทำงานล่วงเวลาได้ครู่หนึ่ง ทานข้าวเย็นเรียบร้อยจึงมา
เวลานี้สำหรับที่อื่นถือว่าดึกมากแล้ว แต่สำหรับสถานที่อย่างบาร์แบบนี้กลับถือว่ายังเช้าอยู่
ในล็อบบี้มีคนนั่งหลายโต๊ะอย่างกระจาย เขาถูกพนักงานนำไปห้องส่วนตัววีไอพีตลอดทาง เพิ่งเปิดประตูออกมา เสียงดนตรีอย่างร้อนแรงก็ดังพุ่งเข้ามาตรงหน้า
“อุ๊ย พ่อคุณทูนหัวของผม กว่าแกจะมา”
มีคนรีบเข้าไปหาเขา ทุกคนโอบไหล่กอดคอกัน ไม่นานก็เข้ากับงานเลี้ยงใหญ่โตอันสนุกสนานนี้แล้ว
ในขณะเดียวกัน ห้องส่วนตัวข้างๆ
เวินเหวินจวินก็กำลังดื่มเหล้ากับคนกลุ่มหนึ่งอยู่เหมือนกัน
คนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนในประเทศสักคนเลย บางคนผมทองตาเขียว ส่วนบางคนเป็นคนเวียดนามที่มีเคราขนาดใหญ่ ดูหยาบคายทั้งนั้น
พวกเขาคนส่วนมากมีรอยสักตรงแขน ในนั้นมีหลายคนที่มีแผลเป็นบนหน้าด้วย
เวลาพูดจาและดื่มเหล้า ก็เป็นสไตล์หยาบคายกร้านกร้าว ในห้องยังมีหลายคนที่สูบฝิ่นอยู่
เนื่องจากทั้งห้องส่วนตัวมีควันมากเกินไป แม้กระทั่งอากาศยังกลายเป็นอึมครึมขึ้นมา
สไตล์ของคนเหล่านี้ต่างกับเวินเหวินจวินมาก ดังนั้นพอเขาอยู่ตรงนี้ก็ดูแปลกประหลาดขึ้นมา
แต่ดูท่าทีของคนเหล่านี้ที่มีต่อเขา ก็เหมือนทั้งสองฝ่ายต่างรู้จักกันมานานแล้ว ไม่มีปัญหาในการสื่อสารกันสักนิดเลย
“เวิน!” ผู้ชายที่มีหนวดเคราขนาดใหญ่คนหนึ่งจู่ๆ ตบบนไหล่ของเขาเต็มมือถามว่า: “คราวก่อนมึงบอกว่ากลับมาประเทศเพื่อจัดการเรื่องหนึ่ง เป็นไง จัดการได้ยัง”
เวินเหวินจวินเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง จริงๆ แล้วเอาสองคนลองเทียบกันดู เวินเหวินจวินดูอ่อนแอกว่าตั้งเยอะ
แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แค่แวบนี้แวบเดียวเอง ก็เห็นได้ชัดเจนว่าฐานะของเขาดูสูงกว่า
ส่วนพลังของเจ้าหนวดใหญ่คนนั้น กลับอ่อนลงมาอัตโนมัติ
เขากำลังสูบบุหรี่อยู่ ไม่ได้ตอบทันที แต่คือสูบบุหรี่มวนหนึ่งเสร็จเขี่ยให้ดับในที่เขี่ยบุหรี่ จากนั้นจึงพูดว่า: “จัดการแล้ว”
ทีแรกเจ้าหนวดใหญ่เห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยดี ในใจยังแอบกลัวนิดหน่อย
ตอนนี้เห็นเขาตอบแล้ว จึงโล่งอกและหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“จัดการเสร็จก็ดีแล้ว อย่างนั้นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ มึงควรดีใจสิ ทำไมตอนนี้ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ล่ะ”
เจ้าหนวดใหญ่เป็นคนต่างชาติ พูดภาษาจีนไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ ดังนั้นมีบางคำไม่ตรงตามความหมายที่จะสื่อออกมา
เวินเหวินจวินพูดคำว่า “เรื่องดี” ซ้ำๆ
เนิ่นนาน ยิ้มแห้งๆ ทีหนึ่ง
ใช่สิ ทำเรื่องดีจริงด้วย
ใต้ฟ้านี้คงไม่มีผู้ชายคนไหนที่โง่เหมือนเขาอีกแล้ว ทำเรื่องดีมาตั้งหลายปีแล้ว
พอนึกถึงใบหน้าที่น้ำตาไหลจนอยากร้องไห้ของซูหว่านใบนั้น เวินเหวินจวินก็รู้สึกได้แต่กลัดกลุ้มใจ
ยกแก้วที่ใส่เหล้าบนโต๊ะขึ้นมา ชันคอดื่มลงไปเลย
เจ้าหนวดใหญ่ไม่เข้าว่าเขาคิดอะไรอยู่
แต่แค่คนมีตาก็ดูออกว่าเขาอารมณ์ไม่ดีหนักมาก
ข้างๆ คนอื่นๆ เห็นก็ล้วนมองมาทางนี้
มีผู้ชายผมทองตาเขียวสองคนมองตาด้วยกันแวบเดียว คุยอะไรสักอย่างประโยคหนึ่งด้วยเสียงต่ำ จากนั้นก็ถือแก้วเดินมาทางนี้
“ฮาย ทำไมดื่มเหล้าคนเดียวเล่า ให้พวกกูเรียกสาวสวยให้มึงสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนไหม”
พวกเขาพูดภาษาจีนทุกคน แต่ฟังจากสำเนียงก็รู้ว่าภาษาจีนไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่
เวินเหวินจวินมองเขาแวบหนึ่ง ส่ายหัว
“ไม่ต้องแล้ว”
“เวิน อย่างทำอย่างนี้สิ! ประเทศจีนพวกมึงสำนวนหนึ่งที่ว่าเรื่องระหว่างชายหญิงใช่ว่าจะต้องยึดติดตายตามกันไป ผู้หญิงยังมีอีกมากมาย!”
เขาหัวเราะอย่างตลกขบขัน เอามือโอบบนไหล่ของเวินเหวินจวินเกลี้ยกล่อมต่อ: “ผู้ชายนะ ออกมาเที่ยวก็ต้องสนุกสิ ผู้หญิงสวยๆ ของประเทศจีนพวกมึงมีตั้งเยอะแยะ จะไปกลุ้มใจเพื่อคนนั้นคนเดียวทำไม มึงว่าใช่ไหมล่ะ”
เมื่อผู้ชายเข้ามาใกล้ บนตัวมีกลิ่นฉุนของน้ำหอมผู้หญิงราคาถูกกลิ่นหนึ่ง
เวินเหวินจวินขมวดคิ้ว จิตใต้สำนึกรู้สึกอารมณ์จนหันข้างหลีกออกมาหน่อย
เขาพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า: “ไม่ต้องแล้ว พวกมึงดื่มเหอะ กูออกไปสูดอากาศหน่อย”
พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
ผู้ชายผมทองคนนั้นถูกเขาทำสีหน้าเย็นชาใส่กะทันหัน ทีแรกอึ้งครู่หนึ่ง ต่อมาสีหน้าก็มืดลงมา
ด้านหลังของเวินเหวินจวินที่จากไป เขาทำท่าจะลุกขึ้นมา แต่กลับถูกคนข้างๆ กดลงมา
คนนั้นส่ายหัวกับเขาอย่างไร้เสียง เขาจึงบังคับให้กดความโกรธในใจลงไป ปล่อยเวินเหวินจวินจากไป
เวินเหวินจวินก็ไม่ได้เดินไปไหนไกล แค่ยืนอยู่ตรงระเบียงข้างนอกห้องส่วนตัว
จริงๆ แล้วอากาศในห้องส่วนตัวไม่ใช่ดี ส่วนอากาศตรงนี้ก็ไม่ได้ดีกว่าข้างในไปถึงไหน
สถานที่มั่วสุมแบบนี้ สรุปก็คือสภาพแวดล้อมวุ่นวาย อากาศขุ่นหมอง สังคมไม่มีระเบียบ
สองมือเขาประคองราวไว้ ดูลงไปข้างล่างเหล่าหญิงสาวเต้นอย่างร้อนแรงคึกคะนองบนเวที แต่ในตาคู่หนึ่งกลับไม่มีอารมณ์เลย
มีแต่ความเฉยเมยและความเกลียดชังอันไม่มีที่สิ้นสุด
ทำไม
ทำไม
เขาไม่เข้าใจ ทำไมเขาทุ่มเทมากมาย เฝ้ามาตั้งหลายปี สุดท้ายแล้วในใจของเธอยังไม่สำคัญเท่าคนนั้นเลย
เขาเคยคิด แม้เธอจะไม่ชอบตัวเอง แต่ก็มีความรู้สึกต่อตัวเองลึกมากอยู่
เขาไม่แคร์ว่าเธอยังรักเฟิงสิงลังอยู่หรือไม่ ที่ตรงนั้นอาจจะไม่มีวันถูกแทนที่ก็ได้ ต้องโทษเขาเองทั้งนั้นที่ปรากฏตัวออกมาช้าเกินไป เขายอมรับ
แต่เขาไม่มีทางไม่แคร์ ในใจของเขา นอกจากเฟิงสิงลังแล้ว ไม่นึกเลยว่ายังมีคนอื่นที่สำคัญกว่าเขาอีก
ดังนั้นถึงสุดท้ายแล้ว ตกลงในใจของเธอเขาเป็นอะไรกันแน่
นึกถึงตรงนี้ เวินเหวินจวินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยตัวเองขึ้นมา
ทันใดนั้น หญิงสาวแต่งตัวโป๊คนหนึ่งเดินมาอย่างโซเซ
เธอน่าจะดื่มเยอะแล้ว ตอนเดินเซไปเซมา
พอเห็นเขา หน้าสวยสดงดงามใบหนึ่งมีดอกไม้บานในขณะนั้น