บทที่ 68 เขาก็จะไป
จิ่งหนิงทำนัยน์ตาที่ลุ่มลึกเล็กน้อย
เธอเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นต่อ “งั้นไม่ใช่ว่ายิ่งดีหรอ? เรื่องนี้ผ่านมาห้าปีแล้ว ทีแรกฉันไม่อยากเรียกร้องอะไร ทว่าถ้าจ้องจะมีคนจะมาโผล่ตรงหน้าฉัน และตั้งใจหาเรื่องที่ไม่พอใจกับฉัน ฉันก็ไม่ควรที่จะอ่อนข้อใช่ไหม? “
หัวเหยาก็ตะลึงงันเล็กน้อย
“หนิงหนิง เธอนึกวิธีที่จะจัดการกับพวกเธอออกแล้วใช่ไหม? “
จิ่งหนิงกระตุกริมฝีปากขึ้น
“ถึงเวลาเธอก็จะรู้เอง”
เวลาผ่านไปเร็วมาก หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างว่องไว
อีกสองวันก็เป็นวันคริสต์มาสแล้ว ในออฟฟิศท่านประธานของลู่ซื่อกรุ๊ป ลู่จิ่งเซินมองผ้าพันคอที่แขวนอยู่ตรงราว แล้วก็กระตุกมุมปากเผยยิ้มออก
เขากดเบอร์ภายใน แล้วเรียกให้ซูมู่เข้ามา
“ท่านประธาน ท่านเรียกผมหรอครับ? “
ลู่จิ่งเซินถามขึ้น “เรื่องที่ฉันให้นายจัดการเมื่อก่อนหน้านี้ จัดการเสร็จหรือยัง? “
ซูมู่หยุดชะงักไป แล้วก็ได้สติกลับมาว่าเขากำลังถามอะไรอยู่
จึงรีบตอบกลับ “จัดการเสร็จแล้วครับ”
“อืม เลิกงานเอามาให้ฉันดู”
“ครับ”
ตอนกลางคืน หลังจากที่จิ่งหนิงกลับบ้าน แล้วเพิ่งจะอาบน้ำออกมา ก็ได้ยินลู่จิ่งเซินถามขึ้น “ได้ข่าวว่าวันมะรืนจะไปร่วมงานสถาปนาโรงเรียนหรอ? “
จิ่งหนิงหันไปมอง ก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา แล้วพยักหน้า “ใช่ มีอะไรไหม”
ผู้ชายทำนัยน์ตาที่โกรธเคืองเล็กน้อย
“วันมะรืนเป็นวันคริสต์มาส”
จิ่งหนิงนิ่งงันไป
จากนั้นก็ชี้ไปตรงไม้แขวนเสื้อด้วยความงงงวย หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาแทบจะใส่ผ้าพันคอทุกวัน “ของขวัญฉันไม่ใช่ว่าให้คุณนานแล้วหรอ? “
ลู่จิ่งเซิน “……..”
รู้สึกเจ็บตรงหน้าอก
รู้สึกว่ายังจะสามารถช่วยชีวิตไว้ทัน
“อืม ดังนั้นตามระเบียบที่ผ่านมา วันนั้นต้องกินมื้อค่ำด้วยกัน? “
“ไม่ต้องแล้ว ฉันนัดเหยาเหยากินข้าวด้วยกัน กินเสร็จก็ยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงสถาปนาโรงเรียนตอนกลางคืนอีก! “
ลู่จิ่งเซิน “…….”
ช่างเถอะ ไม่ต้องช่วยชีวิตแล้ว
วันสุดสัปดาห์ จิ่งหนิงก็ตื่นแต่เช้า
เธอกลับไม่ใช่ว่ารีบไปงาน แค่ซิงฮุยยังมีธุระต้องจัดการหน่อย เธอจึงต้องคว้าเวลาอันมีค่าไว้ไปจัดการ ตอนกลางคืนจะได้หาเวลาว่างออกมาร่วมงานสถาปนาโรงเรียน
หลังจากที่จัดการต่อธุระทั้งหมดเสร็จ ก็เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว
หัวเหยาโทรหาเธอไปหลายสาย
เธอรับสายอย่างอดไม่ได้ “คุณหนูคะ ดิฉันยุ่งเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทางไป รอดิฉันหน่อย โอเคไหมคะ? “
หัวเหยาพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันรอเธอมาสองชั่วโมงแล้ว คุณหนูจิ่งคะ ยังไงก็เป็นงานสถาปนาโรงเรียนนะคะ ยังไงคุณก็ตอบตกลงแล้วก็ไม่จริงจังหน่อยหรือไง? ไม่เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน ก็เพื่อแสงสีเสียงในงานเลี้ยงตอนกลางคืนหน่อยก็ได้ แต่งตัวก่อนมาหน่อยดีไหม? “
จิ่งหนิงหลุดหัวเราะ “ดังนั้นฉันไม่ใช่ว่าเผื่อเวลาไว้สามชั่วโมงแล้วหรือไง? “
“โอ้พระเจ้า! ” หัวเหยาเหมือนได้ยินคำพูดตลก “ต้องลองชุดชาตรี ต้องแต่งหน้า ต้องทำผม ต้องจัดทรง สามชั่วโมงจะพอได้ยังไง? ฉันทำไปสองชั่วโมงแล้วไหม? “
จิ่งหนิงหัวเราะ “ใครให้เธอเป็นดาราดังล่ะ ตอนกลางคืนยังต้องร่วมการแสดงอีก? ฉันน่ะ แค่นั่งอยู่ล่างเวลาแล้วเป็นท่านผู้ชมที่ปรบมือให้เธอ ไม่ต้องแต่งตัวอย่างอลังการขนาดนั้นก็ได้”
หัวเหยายังคงเร่งอย่างอดทนไม่ไหว “พอเถอะ ฉันไม่สนว่าแกจะแต่งงานอลังการไหม ยังไงก็รีบมาเถอะ ฉันรออยู่ที่นี่นานมากแล้ว”
“ได้ ฉันจะรีบไปให้ถึง”
พอถึงห้องแต่งตัวของหัวเหยา แค่เห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้น ทรงผมทำเสร็จแล้ว และกำลังแต่งหน้าอยู่
พอเห็นเธอมาถึง หัวเหยาก็รีบพูดขึ้น “พูดไว้ก่อน วันนี้เธอต้องฟังฉัน! ฉันให้เธอใส่อะไรก็ใส่อันนั้น ให้เธอแต่งหน้ายังไงก็แต่งแบบนั้น ห้ามคัดค้าน และห้ามแสดงความคิดเห็น”
“…….”
ยังได้ทันได้ตอบตกลง ก็มีสไตล์ลิสต์สองคนเดินมา
หัวเหยาชี้ไปยังจิ่งหนิงแล้วสั่งพวกเขา
“เธอเอง เพื่อนรักที่ดีที่สุดของฉัน ภารกิจวันนี้ของพวกคุณคือต้องแต่งตัวให้เธอสวยๆ ถ้าคืนนี้มีใครเล่นกว่าเธอ นั่นแสดงว่าฝีมือของพวกคุณมีปัญหา ฉันจะไล่พวกคุณออกให้หมด! “
เหล่าสไตล์ลิสต์ก็รีบตอบตกลงทันที
จิ่งหนิงก็รู้สึกมึนงง
“เหยาเหยา เธอกำลังจะทำอะไร? “
หัวเหยาจึงยิ้มอย่างลึกลับใส่เธอ
“หนิงหนิง! เธอเห็นว่าฉันดีกับเธอไหม? พวกคนชั้นต่ำที่ตามองแต่ท่อระบายน้ำเสียไม่ใช่ว่าต้องการดูถูกแกหรือไง อยากจะเยาะเย้ยแกใช่ไหม? ฉันจะทำให้พวกเธอไม่ได้สมดั่งปรารถนา! คืนนี้ หนิงหนิงของฉันต้องเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในทั้งงานเลี้ยง! “
เธอพูดไป ก็ยื่นมือไปลวมลามจิ่งหนิง
จิ่งหนิงจึงหลุดหัวเราะออกมา
“ก็ได้! แกว่ายังไงก็ว่าทำตามนั้น”
เธอรู้ว่าหัวเหยาหวังดี ยิ่งไปกว่านั้น คืนนี้ตัวเองก็ไม่ได้คิดจะให้ใครมาเยาะเย้ย เหตุนี้จึงได้ทำตามที่เธอบอก
หลังจากสามชั่วโมงผ่านไป ทั้งสองก็ได้เตรียมตัวกันเสร็จแล้ว
สไตล์ลิสต์ให้จิ่งหนิงใส่กระโปรงยาวปักลายดอกไม้ที่เป็นแฮนเมด
เป็นชุดเกาะอก ตรงหน้าอกและตรงคอ และยังครึ่งหนึ่งของส่วนแขนกลับใช้ผ้าชีฟองในการดีไซน์ให้ต้านลม ข้างบนพิมพ์ลายดอกไม้แฮนเมด ข้างบนยังประดับด้วยเพชรตกแต่ง ทำให้ดูแวบวับระยิบระยับ จึงทำได้เป็นที่ดึงดูดคนมาก
ตรงข้างล่างกระโปรงยาวเป็นการดีไซน์รูปทรงหางปลา ตรงทรวงอกไปจนถึงขาเป็นสีฟ้าทะเล แต่ตรงส่วนน่องขา กลับกลายเป็นผ้าชีฟองแบบโปร่งใส ทำให้มีแสงระยิบระยับปกคลุมไปจนถึงส่วนของหางปลา ข้างบนเป็นก็ปักลายดอกไม้แฮนเมดทั้งหมด ทำให้คนมองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเป็นงานฝีมือประณีตเหนือธรรมชาติ
รูปร่างของจิ่งหนิงก็แน่นอนว่าต้องดีอยู่แล้ว ทว่าหัวเหยากลับไม่เคยสังเกตว่ารูปร่างของเธอจะดีขนาดนี้
ใส่กระโปรงหางปลา ถือว่าสามารถทำให้เห็นถึงสัดส่วนรูปร่างออกมาทั้งหมดอย่างชัดเจน
หน้านูนก้นงอนไม่ว่า กระดูกสันหลังเรียวยาวและยืดตรง ตรงส่วนเว้าส่วนโค้งของคอดเอว เพราะว่าชุดที่ดีไซน์โชว์หลัง ทำให้เห็นถึงมีเซ็กซี่ในอีกแบบ
ถ้าใช้คำพูดของหัวเหยามาพูด นั่นก็คือสวยสยบ!
จิ่งหนิงมองตัวเองในกระจก ก็ฟั่นเฟือนไปสักพัก
ว่ากันว่าคนเราแค่พึ่งพาการแต่งตัวและการแต่งหน้า ดูๆ แล้วไม่เลวเลยจริงๆ
สไตล์ลิสต์เลือกรองเท้าส้นสูงสีเงินหนึ่งคู่ให้เธอ แล้วเอาไปแมทซ์กับกระเป๋าถือและเครื่องประดับ ทั้งตัวของเธอก็ดูสดใสและน่าดึงดูดขึ้นมากกว่าเดิม
หัวเหยาพยักหน้าแล้วเอ่ยชม “หนิงหนิง คืนนี้เธอต้องสวยกลบทั้งงาน ฉันรับประกัน! “
จิ่งหนิงยิ้ม
เธอกลับไม่สนใจว่าจะสวยกลบทั้งงานไหม แค่นึกถึงว่าไหนๆ ก็คืองานสถาปนาของโรงเรียน แม้แต่เธอยังเชิญชวนมาแล้ว แล้วใครบางคนก็คงจะมาในคืนนี้แน่นอน!
พวกคนที่ต้องการหมายหัวและหวังว่าเธอจะมีชีวิตที่ไม่ดีอยู่ทุกวี่ทุกวัน คนที่ต้องการจะดูเรื่องตลกๆ ของเธอ เธอจะให้พวกเขาได้สมหวังได้ยังไง?