วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 696 ท่องเที่ยวรอบโลก

แต่เฟิงยี่ เขากลอกตา และเอนตัวเข้าไปยิ้มว่า “พ่อครับ แม่ครับ วันนี้พวกคุณถูกหวยหรอ”

ทั้งสองเงยหน้าขึ้นและถามด้วยความแปลกใจว่า “คุณหมายความว่าอย่างไร”

“ถูกหวยใหญ่อะไร”

เฟิงยี่ยิ้มอย่างมีเจตนาไม่ดีอะไรสักอย่างว่า“เฮ้ ทำไมคุณสองคนกดแน่นขนาดนี้ เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีไป ดูแปลกนะ”

เฟิงยี่

เฟิงสิงลัง“……”

ตู๋กูยิง“……”

ทั้งสองผละออกจากกันโดยพร้อมเพรียงกัน เฟิงสิงลังไอเบาๆ สีหน้าดูแบบไม่สบายใจ แล้วเขาก็จ้องมองเขาอีกครั้ง

“พูดบ้าอะไร”เรากำลังดูละครอยู่

เฟิงยี่พยักหน้าเมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“โอ้ กำลังดูละคาอยู่หรอ แต่ผมคิดว่าถ้าดูละครไม่ต้องกดแน่นขนาดนั้นก็ได้มั้ง”

ตู๋กูยิงทนไม่ไหว ยกมือขึ้น คว้าหมอนแล้วขว้างใส่เขา

“พูดมาก ไปล้างมือ อย่ามายุ่งเรื่องผู้ใหญ่”

เฟิงยี่หยิบหมอน รู้ว่าตัวเองทำให้แม่โกรธแล้ว และก็หุบปากไป ยิ้มๆและพูดว่า“โอเค ผมกลับแล้วนะ”

พอพูดจบก็หนีไปทันที

เมื่อเขาและเฟิงเหยี่ยนออกมาหลังจากล้างมือ พวกเขาก็เห็นว่าพ่อแม่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารแล้ว

อาหารเย็นได้อยู่บนโต๊ะแล้วและอาหารมื้อนี้ดูน่ากินและสวยงามกว่าปกติมาก

เฟิงยี่ยังสังเกตว่าอาหารหลาย ๆ จานเหมือนฝีมือของแม่ทำ

ตาเป็นประกายไป

ความรู้สึกของเขาไม่ได้ผิด วันนี้จะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น

แม่เขาไม่ได้ทำอาหารบ่อย แต่วันนี้ทำอาหารเอง

นึกถึงความใกล้ชิดของคนสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเมื่อกี้ เฟิงยี่มีความคลุมเครือในใจอย่างคลุมเครือ

ในอีกฝั่ง เฟิงเหยี่ยนก็รู้สึกถึงความแปลก

แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าเฟิงยี้ เขาไม่อยากยุ่งกับเขา จึงไม่ยอมรับ

แต่จริงๆ แล้ว เขามองออกได้ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็น ตู๋กูยิง หรือ เฟิงสิงลัง ทั้งสองคนก็แตกต่างกับปกติ

แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ชัดเจนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวล

และก็ไม่รีบร้อนด้วย เพราะพวกเขาเรียกตัวเขาเองกับเฟิงยี่กลับมากะทันหัน ก็เพื่ออยากบอกพวกเขาแหละ

หลังจากทั้งสองนั่งข้างบนโต๊ะแล้ว เฟิงสิงลังก็สั่งให้ใครบางคนเปิดขวดไวน์และรินไวน์ให้แต่ละคน

และก็เทไวน์ให้ตู๋กูยิงด้วย เฟิงสิงลังดื่มเหล้าไม่ได้ ก็เลยใช้น้ำแทน

“ให้พวกคุณกลับมาวันนี้ เพราะครอบครัวทั้งสี่คนไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตามานานแล้ว”

“ได้ยินว่าอานเฉียวไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว จึงไม่ได้อยู่บ้าน ลั่วเหยาติดถ่ายละครอยู่ใช่ไหม”

เมื่อเฟิงยี่ได้ยินเขาถามแบบนี้ เขาพยักหน้าอย่างเรื่อยๆ “ใช่ เธอไปเมืองฝั่งใต้แล้ว ไม่ได้อยู่เมืองหลวง”

เฟิงสิงลัง “เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ตอนแรกผมยังอยากจะบอกให้เธอมากับอานเฉียว แต่พวกเขาไม่อยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่เป็นไรไว้คราวหน้ากันนะ”

ตอนเขาพูด สายตาของเขาก็ไม่เหลือบไปมองตู๋กูยิง

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงสีหน้าแบบไม่ดีใจ เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จากนั้นเขาก็พูดต่อ: “นอกจากอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในครอบครัวแล้ว พ่อกับแม่ยังมีเรื่องอยากจะประกาศให้พวกคุณทราบด้วย”

เมื่อเฟิงยี่และเฟิงเหยี่ยนได้ยินแบบนี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหยุดสักครู่และวางตะเกียบลงมา

“เรื่องอะไรครับ”

เฟิงยี่ถาม

เฟิงสิงลังยื่นมือออกไป จับมือตู่กูยิงไว้แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้วว่าเมื่ออาการบาดเจ็บพ่อหายดี เราจะไปเที่ยวรอบโลกกัน ในอนาคตจะให้พวกคุณมาบริหารและดูแลกิจการทั้งหมดของครอบครัวและบริษัท พวกคุณต้องเบิกรับความรับผิดชอบเรื่องนี้ไว้ ไม่เข้าใจตรงไหนโทรหาฉันหรือถามตาก็ได้! จากนี้ไปครอบครัวนี้ต้องให้พวกคุณมาดูแลแล้วนะ”

เฟิงยี่และเฟิงเหยี่ยนต่างก็ตะลึงกันหมด

พวกเขาไม่นึกเลยว่าเรื่องที่พ่อจะประกาศเป็นเรื่องนี้

เฟิงเหยี่ยนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ หลังจากเฟิงยี่ตอบสนองมา เขาลุกขึ้นและพูดด้วยตกใจ”คุณสองคนจะไปเที่ยว แถมยังเป็นเที่ยวทั่วโลกหรอ ทำไมกะทันหันอย่างนี้”

ตู๋กูยิงกลอกตาเขา

“กะทันหันอะไรกัน เราคิดตั้งนานแล้วอยากไปเที่ยว ก็เป็นเพราะว่าไอ้เด็กเวรสองคนแหละลากตัวเราอยู่ไปไม่ได้”

เฝิงยี่เคยชินกับการถูกดุแล้ว ดังนั้นไม่ว่าแม่เขาว่าอะไรเขาก็ไม่สน

เฟิงเหยี่ยนเป็นคนที่เชื่อฟังพ่อแม่และมีมารยาทตั้งแต่ยังเด็ก เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเรียกว่าไอ้เด็กเวร ใบหน้าของเขาแข็งทื่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เฟิงยี่ยิ้มและพูดว่า “ได้ได้ได้ พวกคุณไปเถอะ ผมแค่รู้สึกว่ากะทันหันไปหน่อย เลยรู้สึกงงๆ “

ตู๋กูยิงยิ้มแบบเย็นชา

“ทำไม มันสายเกินไปหรอที่ฉันบอกคุณตอนนี้ หรือว่าฉันกับพ่อคุณจะไปไหน ต้องทักทายและบอกคุณล่วงหน้าสองสามเดือนหรอ”

เฟิงยี่กลัวปากร้ายของแม่

เขารีบยกมือยอมแพ้และขอร้อง “ไม่กล้า ไม่กล้าแตกขนาด คุณเต็มใจจะบอกผม ผมดีใจมากอยู่แล้ว พ่อแม่พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมกับพี่ชายต้องดูแลบ้านและบริษัทให้ดีในช่วงที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ ต้องไม่เกิดปัญหาอะไรแน่นอน “

คราวนี้ เฟิงเหยี่ยนไม่ได้โค่นล้มเขา

และพยักหน้าเห็นด้วย

มองดูพ่อกับแม่อย่างจริงจัง และพูดว่า”พ่อแม่ พวกคุณทำงานหนักมาหลายปีแล้ว คราวนี้ออกไปเที่ยว เที่ยวให้สนุกนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้าน”

เฟิงสิงลังพยักหน้าและยิ้ม “เอาล่ะ มีคำพูดของคุณแบบนี้ พ่อก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ะแหละ”

ตู๋กูยิงเป็นคนที่พูดแล้วทำ มีนิสัยตรงไปตรงมา

พอตัดสินใจจะไปเที่ยวรอบโลก ก็เริ่มจัดเส้นทางทันที

เพราะว่าถ้าพวกเขาอยากจะเที่ยวรอบโลก ต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกอย่างและจัดการหลายๆ เรื่องด้วย ก็ไม่ใช่อยากไปก็ไปทันที

ดังนั้นในช่วงที่เฟิงสิงลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ เธอจึงไปจัดการเรื่องเหล่านี้ เพื่อไม่ชักช้าเรื่องใด

หลังจากจัดการทุกอย่างและรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเฟิงสิงลังก็เกือบจะหายดีแล้ว

เนื่องจากการผ่าตัดของแพทย์ประสบความสำเร็จมาก จึงไม่มีผลอะไรที่ตามมา

ทั้งสองกล่าวคำอำลากับลูกๆ และเพื่อนๆ และออกเดินทางโดยเครื่องบินในวันเดียวกัน

วันนั้น เฟิงยี่และเฟิงเหยี่ยนไปส่งพวกเขาไปที่สนามบิน เมื่อเห็นพวกเขาจากไป เฟิงยี่ยังถอนหายใจและถามเฟิงเหยี่ยนว่า

“พี่ครับ เมื่อไหร่เราถึงจะเท่เหมือนพ่อแม่ได้ อยากไปเที่ยวก็ไป โรแมนติกมาก”

เฟิงเหยี่ยนหันหน้ามองเขา ในสายตามีรังเกียจสักอย่าง

“กับคุณหรอ ช่างมันเถอะ ชีวิตนี้ก็ไม่อยาก”

เฟิงยี่“……”

เมื่อเห็นหลังพี่ชายของเขาจากไป เขาก็ส่งเสียงขู่อย่างไม่พอใจ จากนั้นยกกำปั้นขึ้นแล้วแกว่งไปในอากาศ

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า”ใครอยากกับคุณ ผมหมายถึงภรรยาของผม”

คืนนั้น หลังจากที่เฝิงยี่กลับบ้าน เขาก็ไปคุยเรื่องนี้กับถังลั่วเหยา

ละครใหม่ของถังลั่วเหยาปิดก้อง และเป็นเรื่องยากที่จะได้พักสองสามวันในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

เมื่อได้ยินว่าพ่อแม่ขึ้นเครื่องบินอย่างปลอดภัยแล้ว เฟิงเหยี่ยนก็พยักหน้าและพูดว่า “ฟังดูก็โรแมนติกนะ แต่ระหว่างทาง น่าจะมีอันตรายมากมายเกิดขึ้น อย่าลืมโทรไปเป็นห่วงพวกเขา และให้ความสนใจกับความปลอดภัยของพวกเขาด้วย”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset