เมื่อนึกถึงแบบนี้ โม่หนานก็รู้สึกสงสารเธอมากขึ้น
เมื่อเห็นเธอลงจากรถ เธอก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เธอเตรียมผ้าเช็ดตัวและน้ำไว้บนมือแล้ว และถามด้วยความห่วงใยว่า “หนิงหนิง คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง เหนื่อยไหม”
จิ่งหนิงมองไปเธอ ยิ้มและส่ายหัว “ไม่เป็นไร”
ความเหนื่อยล้าคือทางร่างกาย แต่บางครั้งการปลอบใจทางจิตใจ จะเรียบความเจ็บปวดและความเหนื่อยทางกายได้
เมื่อเธอเริ่มฝึกครั้งแรก เธอรู้สึกไม่คุ้นมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากฝึกสี่ชั่วโมง จิ่งหนิงรู้สึกดีขึ้นแล้ว แม้ว่ายังไม่กลับสู่สถานะพีคอย่างเมื่อก่อน แต่อย่างน้อยมีก้าวหน้าไปมาก
เธอเชื่อว่าตราบใดที่เธอฝึกฝนอย่างหนักในอีกสองวันนี้ เธอก็จะสามารถกลับสู่สภาพที่ดีที่สุดได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงอย่างนี้ จิ่งหนิงก็ถามว่า “ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
โม่หนานมองดูเวลา “เที่ยงคืนพอดี”
จิ่งหนิงพยักหน้า “ดึกแล้ว กลับกันเถอะ”
“อื่ม”
ทั้งสองเก็บของและคืนรถให้ผู้รับผิดชอบให้ที่คนที่ต้อนรับพวกเขา แล้วพวกเขาก็กำลังจะจากไป
แต่หลังจากคนที่ต้อนรับพวกเธอ ได้ดูการฝึกของจิ่งหนิงแล้ว ทั้งคนก็ตกตะลึงไปแล้ว
เขามองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างไม่เชื่อ ปากของเขาอ้าอยู่เหมือนจะใส่ไข่เข้าไปได้
“คุณ คุณชื่ออะไร ผมเคยเห็นคุณแข็งรถที่ไหนใช่ไหมครับ”
จิ่งหนิงยิ้ม ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และไม่ได้บอกชื่อเล่นเดิมของเธอออกมา
เธอยิ้มอย่างสง่าว่า “ฉันชื่อจิ่งหนิง”
เซเว่น นั่นคือชื่อเล่นที่ตอนนั้นอยู่กลุ่มมังกร แต่ตอนนี้ ในโอกาสที่ไม่ใช่การแข่งขัน เธอชอบที่จะใช้ชื่อจริงของเธอ
ท่าทางใจกว้าง ไม่ปิดบังอะไร ทำให้คนรู้สึกสบายใจ
เมื่อได้ยินคำตอบแบบนี้ ชายคนนั้นก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิด
จำไม่ได้ว่าเคยเห็นชื่อนี้ในการแข่งขันขนาดใหญ่ไหน
แค่คิดว่าเธอเป็นคนใหม่ที่มีความสามารถสูง เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เขายกนิ้วโป้งให้จิ่งหนิงและชมว่า “คุณขับแข็งรถได้ดีมาก ถ้าคุณเข้าร่วมการแข่งขัน คุณต้องได้รับรางวัลแน่นอน”
จิ่งหนิงยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณมาก หวังว่าเหมือนที่คุณพูด”
ทั้งสองคนก็จากไป
มาถึงโรงแรม เกือบจะตีหนึ่งแล้ว
ฝึกซ้อมนานมากในตอนกลางคืนและใช้พลังงานมาก จิ่งหนิงรู้สึกหิว
โม่หนานสั่งอาหารรสอ่อนมาให้เธอสองคน
กินเสร็จก็ไปอาบน้ำ และหลับไปก็ตีสองพอดี
ร่างกายเหนื่อยล้ามาก อาการเจ็ทแล็กและการฝึกฝนอย่างนักและเข้มข้น เกือบจะบีบกำลังร่างกายของเธอทั้งหมดไป ในเวลานี้เธอกำลังนอนอยู่บนเตียง แต่เธอนอนไม่หลับ
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ลู่จิ่งเซินส่งข้อความมาตอนสองทุ่มครึ่ง ถามเธอว่ากินข้าวเย็นหรือยังและกำลังทำอะไรอยู่
ตอนนั้น เนื่องจากเธอต้องขับรถ เธอจึงไม่ได้ตอบกลับเยอะ เธอแค่บอกว่ากินแล้ว และกำลังเดินเล่นข้างนอกกับโม่หนาน
อาจเป็นเพราะเขากลัวรบกวนเธอ ชายคนนั้นตอบเพียงประโยคเดียว ระวังความปลอดภัยนะ แล้วเขาก็ไม่ได้ส่งข้อความอีกเลย
เธอออกจากข้อความและเปิดภาพดู
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอและลู่จิ่งเซินมีลูกสองคนและได้ถ่ายรูปไว้มากมาย
อัลบั้มโทรศัพท์ใกล้เต็มแล้ว
ครอบครัวใกล้ชิดและสนิทสนมนั้น ทำให้ใครๆ ดูแล้วก็รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมาก
ในขณะนั้น จู่ๆ มีข้อความอันหนึ่งเด้งขึ้นมา ขัดจังหวะความคิดของเธอไว้
ดูแล้วเป็นข้อความที่กู้ซือเฉียนส่งมา
ใบหน้าของเธอทรุดลงทันที และเธอกดข้อความดู แค่เห็นว่าเป็นข้อมูลของผู้เข้าแข่งขันในการแข่งขัน Flying นี้
บางครั้ง การแข่งขัน การเข้าใจคู่แข่งก็สำคัญมากเช่นกัน
การรู้จักสไตล์และนิสัยของคู่แข่งในการแข่งขัน บางครั้งก็เป็นกุญแจสำคัญในการชนะ
รู้เรารู้เขา รบร้อยครั้งก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้
จิ่งหนิงมองไปรอบ ๆ และพบว่ามีสองคนเป็นผู้แข็งขันเก่าที่เธอรู้จักมาก่อน
เมื่อเธอยังอยู่เข้าร่วมการแข่งขันอยู่ พวกก็ถูกเธอทุบตีอย่างรุนแรง และไม่มีโอกาสที่จะพลิกกลับ
จนกระทั่งเธอเกษียณและกลับประเทศ พวกเขาจึงมีโอกาสเร่งรุดไปข้างหน้าและคว้าแชมป์ได้หลายราย
อีกสองสามคนเป็นคนใหม่ทั้งหมด เธอเคยเห็นพวกเขาในการแข่งขัน แต่เธอไม่เคยเห็นตัวจริง
แต่เธอยังคงรู้จักสไตล์และนิสัยของคนเหล่านี้
หลังจากคำนวณในใจแล้ว จิ่งหนิงรู้สึกว่าปัญหาไม่ได้ใหญ่โตครั้งนี้ ดังนั้นหลังจากคิดดูแล้ว เขาก็หาเบอร์โทรของกู้ซือเฉียนออกมาและโทรหาเขา
ตอนนี้ภายในต่างประเทศเป็นเที่ยงพอดี
กู้ซือเฉียนกำลังกินอาหารเช้าที่บ้าน
เขาเป็นคนที่ชอบนอนดึกและตื่นสาย แต่อย่างน้อยก็ไม่เกิน 10 โมง เพราะฉะนั้นเวลานี้เขากำลังนั่งที่โต๊ะกินข้าวเช้า อาหารเช้าเป็นผู้ช่วยเพิ่งซื้อมาจากข้างนอก
โทรศัพท์ของจิ่งหนิงดังขึ้น เขาเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อย
และต่อมา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปาก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“น้องเซเว่น โทรหาพี่ตอนนี้ คนเดียวนอนนอนไม่หลับหรือว่าคิดถึงพี่ครับ”
จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาเมื่อรับสายก็ได้ยินเขาพูดแบบไร้สาระ
ขี้เกียจไปพูดไร้สาระกับเขา และถามเขาแบบตรงว่า“ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณ”
กู้ซือเฉียนกำลังดื่มนมอย่างช้าๆ แล้วถามว่า “เรื่องอะไรหรอ”
“เก้าปีที่แล้ว ตอนที่คุณช่วยฉันจากทะเล คุณบอกว่าคนที่ทำร้ายฉันมีรอยไฟที่หลังคอ เป็นเรื่องจริงไหม”
มือที่กำลังถือแก้วอยู่หยุดลงไป
ดวงตาของเขามีประกายสีเข้มรอยไป และหัวเราะเบาๆ “ทำไมจู่ๆ ถามถึงเรื่องนี้”
“กู้ซือเฉียน ฉันต้องการตามหาคนพวกนั้นให้ออกมา ฉันอยากรู้ว่าคนที่อยากฆ่าฉันเป็นใครกันแน่ และเกิดอะไรขึ้นในความทรงจำที่ฉันหายไปหลายเดือนนั้น ครั้งนี้ฉันช่วยคุณแล้ว คุณก็ต้องช่วยฉันด้วย ช่วยบอกฉันทีทุกอย่างที่คุณรู้”
กู้ซือเฉียนเงียบไปสักครู่
นิ้วเรียวลูบขอบถ้วยเบา ๆ สายตาจ้องมองนั้น บางทีแสงบางทีมืด
“น้องเซเว่น เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้คุณมีความสุขแล้ว จะมัวแต่ติดตามความจริงทำไม สิ่งเหล่านี้สำคัญขนาดนั้นจริงๆ หรือ”
จิ่งหนิงเม้มริมฝีปาก
เธอรู้ว่า กู้ซือเฉียนไม่ใช่คนที่เต็มใจจะพูดเรื่องใดออกมาง่ายๆ
คนแบบนี้ดูเหมือนเจ้าชู้ ไม่ใช่คนดี และเป็นคนที่ไม่เอาไหน แต่ที่จริงแล้วจิตใจของเขาลึกและหยั่งรู้มาก
ถ้าอยากจะแหย่ปากของเขา หากไม่มีข้อตกลงบางอย่าง ก็ยากกว่าการขึ้นไปบนฟ้า
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย และจู่ๆ ก็พูดว่า: “ทำไมคุณถึงอยากชนะการแข่งขัน Flyingในครั้งนี้”
กู้ซือเฉียนหัวเราะคิกคักและพูดว่า “น้องเซเว่นกำลังหาชิปเพื่อทำข้อตกลงกับผมหรอ”
จิ่งหนิงซบเซาไปสักครู่
เพราะว่าจิ่งหนิงเป็นคนที่เขาสอนด้วยมือ เมื่อเธออยู่ข้างหน้าเขา บางทีพูดอะไรหรือทำอะไรก็เหมือนไม่มีที่หลบซ่อน
เธอถอนหายใจ และคร้านจะต่อสู้กับเขา “ใช่ ฉันอยากจะทำข้อตกลงกับคุณ ฉันไม่มีชิปอื่น ๆ ฉันมีแต่การแข่งขันนี้ให้คุณเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าการแข่งขันนี้สำคัญกับคุณแค่ไหน ฉันแค่รู้ว่าอัตราส่วนเงินปันผล 20% ในมือคุณ แต่สำหรับฉันไม่สำคัญมากเท่าไหร่ จริง ๆ แล้ว คุณก็รู้ ตอนนี้ฉันไม่ได้ขาดเงินแล้ว”