บทที่ 69 แข่งความสวยบนพรมแดง
โรงเรียนเว่ยหลันตั้งอยู่ตรงชานเมืองของเมืองจิ้น
ถึงแม้จะเป็นชานเมือง ทว่าหลายปีมานี้ก็ได้พัฒนากันเยอะ รวมไปถึงหลายๆ สถาบันการศึกษาที่ระดับดีๆ ต่างก็อยู่แถวนั้น ด้วยเหตุนี้กลับเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรือง
เพราะว่าเป็นงานสถาปนาโรงเรียนครอบปีที่ 70 ดังนั้นครั้งนี้โรงเรียนเว่ยหลันจึงจัดอย่างอลังการเป็นพิเศษ
นอกจากลูกผู้ลากมากดีในสังคมของทุกรุ่นที่เรียนจบจากโรงเรียนก็มาเยือนแล้ว ก็ยังเชิญดารานักแสดงที่โด่งดังมาสร้างมาเพลิดเพลินด้วย
ทั้งงานเลี้ยงตอนกลางคืนนับได้ว่าเป็นการรวมดาว และมีแสงดาวที่ริบหรี่
จิ่งหนิงและหัวเหยาถึงพร้อมกัน ทั้งสองยังนั่งอยู่บนรถ ก็สังเกตเห็นประตูทางเข้าโรงเรียนถูกรถหนูจอดเต็มไปหมด
นอกจากเหลือทางเดินที่เป็นพรมแดงแค่เส้นเดียว ข้างๆ ล้วนเป็นรถหรูที่สวยงามและมีค่า
มีแฟนคลับของจิ่งเสี่ยวหย่าและหัวเหยาไม่น้อยที่ยืนอยู่ทั้งสองข้าง ข้างในมีนักข่าวที่มาจากบริษัทสื่อมวลชนหลายสิบเจ้า เสียงกรีดร้อง และเสียงวุ่นวาย เสียงแฟลชกะพริบ แล้วยังมีเสียงที่ดังฟังชัดของพิธีกร ก็ได้ปะปนกลายเป็นเสียงเดียวกัน ทำให้เป็นโอกาสทองจริงๆ
“เสี่ยวหย่า! อ้าย……! เสี่ยวหย่าสวยจริงๆ! “
“ฉันรักคุณเสี่ยวหย่า! “
“เสี่ยวหย่าและคุณชายมู่เป็นคู่สร้างคู่สมกันจริงๆ! เหมาะสมกับมาก! “
“คืนนี้ชุดกระโปรงที่เสี่ยวหย่าชุดสวยจริงๆ ฉันชอบมาก! “
“เสี่ยวหย่าสมกับเป็นเทพธิดาในตำนานจริงๆ! สวยมากเกินไปแล้ว! “
เพราะพื้นที่ของพรมแดงมีขีดจำกัด คนข้างหลังต้องต่อแถวให้คนข้างหน้าไปก่อน เพราะเหตุนี้ทั้งสองยังไม่รีบลงจากรถ
และรู้ว่าเป็นแบบนี้ สุดท้ายก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องข้างนอกที่เหมือนเกิดคลื่นสึนามิ
พอมองไปจากหน้าต่างรถ แค่เห็นตอนนี้บนพรมแดงกำลังมีจิ่งเสี่ยวหย่าและมู่ยั่นเจ๋อทั้งสองคน
คืนนี้จิ่งเสี่ยวหย่าอยู่ในชุดกระโปรงสีขาว
เป็นการดีไซน์ที่มัดตรงทรวงอ ดูๆ แล้วเธอดูอ่อนโยนและใจกว้าง เหมาะกับชายาที่จิ่งเสี่ยวหย่าถูกนับว่าเป็นเทพธิดาตลอดที่ผ่านมาจริงๆ
ส่วนมู่ยั่นเจ๋อ ก็เพื่อที่จะใช้ชุดในแมทซ์กับเธอ คืนนี้เขาก็ใส่ชุดสูทสีขาว
ใบหน้าอันหล่อเหลาอยู่ใต้แสงไฟกะพริบ เหมือนดั่งองค์ชายฝั่งตะวันตกสมัยกลาง ดูอ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษ แค่ออกงานเพียงสิบกว่าวิสั้นๆ ก็สามารถได้ใจสาวๆ ไม่น้อย
หัวเหยาดึงสายตากลับมา แล้วมองบนอย่างสุดคำบรรยาย
“ผู้ชายสารเลวกับผู้หญิงชั้นต่ำคู่นี้ คนพวกนั้นตาบอดกันหรือไง? ชอบใครไม่ชอบกลับชวนดอกบัวขาวดอกนี้! “
จิ่งหนิงกระตุกมุมปากเย้ยหยัน
“แต่เธอไม่ยอมรับไม่ได้ ตอนเธออยู่ต่อหน้าผู้ชมก็เสแสร้งได้เป็นอย่างดี ยังไง เทพธิดาที่บริสุทธิ์นี้ไม่ได้มาฟรีๆ อยู่แล้ว”
“เชอะ! ยังเป็นเทพธิดาบริสุทธิ์อีกหรอ! ตอนที่ลับหลังพี่สาวแอบขึ้นเตียงว่าที่พี่เขย ทำไมเห็นว่าเธอบริสุทธิ์ผุดผ่องสักนิด? “
หลังจากที่หัวเหยาพูดจบ ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองปากไวและหลุดคำพูดออกไปทันที
จึงหันไปเหลือบมองสีหน้าที่จิ่งหนิง เห็นใบหน้าของเธอกลับไม่ได้ทำสีหน้าที่เสียใจเลย จึงถอนหายใจออกมา
จิ่งหนิงก้มหน้าลง หลังจากผ่านไปสักพัก ก็ค่อยพูดด้วยเสียงเรียบ “จริงๆ ต้องขอบคุณจิ่งเสี่ยวหย่า”
ถ้าไม่ใช่เธอ ตัวเองจะรู้ธาตุแท้ของมู่ยั่นเจ๋อได้ยังไง?
บางครั้งเธอไม่อยากจะคิด ถ้าคืนนั้น เธอไม่เห็นพวกเขาสองคนทำอะไรกัน ตัวเองก็คงจะถูกปิดบังมาจนถึงตอนนี้ แล้วเชื่อแบบโง่ๆ ว่าเขารักตัวเอง?
หัวเหยาเหมือนจะนึกถึงแบบนี้เหมือนกัน จึงตบมือเธอเป็นการปลอบโยน
“อย่าพูดถึงอีกเลย ยังไงตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าเห็นอย่างชัดเจนแล้วหรือไง? อีกอย่างฉันได้ยินว่าคุณลู่ท่านนี้ก็รักและเอ็นดูเธอมากๆ หนิ! “
ตั้งแต่ครั้งก่อนตอนเห็นลู่จิ่งเซินในคลิป หัวเหยาก็ได้ “บีบบังคับถาม” เธอไม่หยุด
ภายใต้การทนไม่ไหวของจิ่งหนิง จึงทำได้เพียงพูดความจริงทั้งหมดออกมา
เรื่องเธอกับลู่จิ่งเซิน ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตอนงานเลี้ยงวันเกิดของจิ่งเสี่ยวหย่าก็ได้ถูกเปิดโปงหมดแล้ว ทว่าเพราะว่าลู่จิ่งเซินสั่งห้าม คนในงานแทบจะไม่มีใครกล้าเปิดโปงความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน
และเพราะแบบนี้ หัวเหยาที่ไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดก็ไม่รู้อยู่แล้ว
ตอนนี้พอได้ยินเธอพูดขึ้นอีกครั้ง และพอนึกถึงผู้ชายคนนั้น จิ่งหนิงก็อดคลายยิ้มออกมาไม่ได้
เขาดีกับเธอมากจริงๆ
และเป็นความดีในแบบที่เหมือนจะรักใคร่และเอ็นดู
บางครั้งแม้กระทั่งเธอก็อดคิดไม่ได้ ฟ้าไม่อยากให้เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว จึงตั้งใจส่งเขาอยู่ข้างเธอเพื่อช่วยเธอใช่ไหม?
พอนึกถึงวันนี้เป็นคริสต์มาส ไม่รู้ว่าเขาทำโอที่บริษัทอยู่หรือเปล่า ถ้าเดี๋ยวงานเลี้ยงจบเร็ว บางทีอาจจะทันบอกสุขสันต์วันคริสต์มาสต่อหน้าเขาก็ได้!
จิ่งหนิงกำลังครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย คนที่อยู่ข้างหน้าก็เดินไปหมดแล้ว
จึงได้ถึงพวกเธอลงรถ
แน่นอนว่าต้องมีพนักงานมาเปิดประตูรถให้พวกเธอ หัวเหยาลงรถก่อน จิ่งหนิงยังไม่ทันลงรถ ก็ได้ยินข้างนอกมีเสียงกรีดร้องและเสียงอันปลื้มปริ่มดังขึ้นเหมือนดั่งคลื่นน้ำ
“อ้าย……หัวเหยา! ฉันเห็นหัวเหยาแล้ว! “
“หัวเหยาสวยจริงๆ! เหยาเหยาสวยที่สุด! “
“วู่วๆๆ ……ฉันเกือบจะถูกความสวยของเหยาเหยาของฉันทำให้ร้องไห้แล้ว! “
หัวเหยาถูกเรียกว่าเป็น “ความสวยงามของวงการบันเทิง” หน้าตาก็คงไม่ต้องพูดถึง
ยังดีที่เธอชินกับงานแบบนี้ ดังนั้นจึงสงบสติได้
จากนั้นก็หันหลังกลับไป แล้วยื่นมือออกมา
“เอ๊ะ บนรถของเหยาเหยายังมีคนๆ หนึ่ง ใครกัน? “
“คงไม่ใช่หนุ่มหล่อใช่ไหม! “
“ถุ้ยๆๆ! เหยาเหยาของพวกเรายังไม่มีแฟน! อย่าพูดเหลวไหล! “
“ใช่! ไม่เอาสมาชิกบางคนในวง ไม่รวมคู่จิ้น! “
ไม่นาน ทุกคนก็เห็นอย่างชัดเจน มือของหัวเหยาพยุงคนๆ หนึ่งลงมาด้วยกัน กลับเป็นผู้หญิง
ทุกคนจึงอดสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าไปไม่ได้
โอ้พระเจ้า!นั่นคือใคร!
สวยมาก!
แค่เห็นรูปร่างที่ผอมเพรียวและสูงยาวของคนที่มา ที่อยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้า ส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอทำให้เห็นทุกอย่างเพียงชั่วพริบตา
ผมสีน้ำตาลที่ทำลอนใหญ่ หนึ่งข้างใช้กิ๊บเพชรสีฟ้าหนีบไว้ และอีกข้างปล่อยทาบบนไหล่ และผมก็สั่นสะเทือนตามจังหวะการเดิน
ผิวขาวภายใต้แสงไฟ ทำให้ขาวผุดผ่องจนแทบจะเปล่งประกายแสง รูปลักษณ์ภายนอกดูสวยเหมือนนางฟ้าในภาพวาด ดูสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ
ตอนนั้น ภายในใจของคนนับไม่ถ้วนนึกถึงคำถามเดียวกัน
เธอคือใคร?
คือดาราหรอ?
ทำไมไม่เคยเห็นเธอ?
จิ่งหนิงเคยชินกับการอยู่เบื้องหลังตลอดเวลา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินมาข้างหน้าแล้วถูกคนมากมายขนาดนี้คอยจับจ้อง ทำให้เธอดูไม่เป็นอิสระ
หัวเหยาจูงมือเธอ ใบหน้ายังคงรอยยิ้มอ่อนๆ ของดาราหญิง แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “เห็นแก่วันนี้ที่ฉันยอมทุ่มเทแต่งตัวให้เธอดูสวยขนาดนี้ ทำตัวได้เรื่องเพื่อพี่หน่อยเถอะ อย่าขี้ขลาด! ไม่พูดอย่างอื่น อย่างน้อยก็ต้องแข่งคนชั้นต่ำคนนั้นตรงหน้า! “
คนชั้นต่ำคนนั้นตรงหน้า…..
ไม่ใช่ว่าเป็นจิ่งเสี่ยวหย่าหรอ?
จิ่งหนิงจึงอดไม่ได้ “แล้วเหอะๆ ” หัวเราะด้วยเสียงเบาออกมา
ตอนที่เธอไม่ยิ้มยังดี ทุกคนแค่เอ่ยชมด้วยเสียงต่ำ
ทว่าตอนที่เธอยิ้ม กลับเห็นถึงใบหน้าที่เย็นชาเหมือนดอกไม้บนภูเขาน้ำแข็งสูง ทันใดนั้นก็เหมือนผลิบานและเปล่งประกายสีสันสดใสออกมา ทำให้คนรู้สึกมึนงงไปทันที เหมือนพุหลากสีในคืนนี้ยังคงขาดสีสันไปทันที
“แม่เจ้า! นี่เป็นใครกันแน่? รีบ! รีบสืบเร็ว ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันจะถูกความสวยของเธอทำให้หยุดหายใจแล้ว! “
“ถ้าเทียบกับเธอ จิ่งเสี่ยวหย่าที่เข้ามาเมื่อกี้กลายเป็นสาวบ้านๆ ไปเลย พวกแกไม่รู้สึกหรอ? “
“พู่ว…..! เหมือนจะใช่”
“พวกแกอย่าพูดมากใช่ไหม? เสี่ยวหย่าของเราเดินในสายตาบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่คนที่ทำตัวโดดเด่นหรือเปล่า จะเทียบได้ยังไง? “
“จุ๊ หัวเหยายังคงเดินในสายทางที่สวยแบบคลาสสิก เพื่อยืนอยู่กับคนอื่นยังไม่ถือว่าโดดเด่นหนิ แค่พูดได้ว่าเป็นการเสมอกันทั้งสองฝ่ายเท่านั้น จิ่งเสี่ยวหย่าที่หน้าตาที่เทียบไม่ได้กับคนอื่นก็ยอมรับมาเถอะ แล้วยังปากแข็งอีกทำไม? “
“แก! “