บทที่ 70 จิตใจงามก็พอ
ตรงที่ไม่ไกล จิ่งเสี่ยวหย่าที่เดินไปถึงตรงที่ลงทะเบียน ตอนที่เห็นผู้หญิงสองคนที่เดินมาจากพรมแดง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
จิ่งหนิง? เธอมาได้ยังไง!
เรื่องตอนห้าปีก่อน ทำให้เกิดความวุ่นวายขนาดนั้น ทั้งโรงเรียนเว่ยหลัน ใครบ้างที่ไม่รู้?
วันนี้เป็นวันสถาปนาโรงเรียนในรอบ 70 ปี และนักเรียนแทบทุกคนก็กลับมาเฉลิมฉลองกับโรงเรียน แน่นอนว่าต้องเจอคนที่รู้จักไม่น้อย
เธอกลับยังกล้ามา?
ข้างๆ พิธีกรก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวหย่า คุณหนูคุณชายมู่ต่างก็จบจากโรงเรียนเว่ยหลัน และเคยเป็นศิษย์เก่ามาหลายปี ทำไมเรากลับไม่เคยได้ยินเรื่องความสัมพันธ์ของพวกคุณล่ะ? “
จิ่งเสี่ยวหย่าจึงดึงสายตากลับมา แล้วพยายามอดกลั้นความคิด พร้อมกับยิ้มอ่อนๆ พูดขึ้น “ฉันกับพี่เจ๋อถึงแม้ว่าจะหมั้นกันต่อหน้าผู้ปกครอง แต่ตอนนี้เรายังเป็นนักเรียนกัน กลัวว่าจะปล่อยข่าวออกไปก็จะทำให้มีผลกระทบที่ไม่ดีกับทางโรงเรียน ดังนั้นจึงได้กุมความลับไม่พูดไม่จากันตลอดมา ได้โปรดทุกคนยกโทษให้ด้วย! “
น้ำเสียงของเธออ่อนโยน และเคล้าด้วยความเขินอายเล็กน้อย
พิธีการยิ้มพูด “เสี่ยวหย่าช่างรู้จักกาลเทศะจริงๆ ไม่น่าละถึงได้มีเกรดเฉลี่ยที่ดีขนาดนั้น แล้วยังได้ยินมาว่าตอนนั้นทีแรกคุณอยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรรอยัล สุดท้ายกลับเพราะว่าเหตุผลบางอย่างเลยทำให้เธอเสียโอกาสนี้ไปใช่ไหม? “
พอพูดถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าก็ดูจืดจางไปอย่างเห็นได้ชัด
เธอจึงฝืนยิ้มออกมา “เป็นแบบนี้ ก็แค่เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว วันนี้เป็นงานสถาปนาของโรงเรียน เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย”
ท่าทางที่เหมือนจะเข้าใจและเห็นใจคนอื่น ทันใดนั้นก็ได้ทำให้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกดี
แม้แต่คนที่เยาะเย้ยเธอที่มีหน้าตาที่สวยไม่พอ ตอนนี้ต่างก็หุบปาก
จิ่งเสี่ยวหย่ามีมารยาทมากจริงๆ ถูกสั่งสอนมาอย่างดีจริงๆ!
ผู้หญิงที่ดีขนาดนี้ ต่อให้มีหน้าตาที่สวยไม่พอแล้วจะทำไม?
แค่จิตใจงานก็ดีแล้ว!
เสี่ยวหย่าที่มีจิตใจงามก็หยุดชะงักไปแล้ว จู่ๆ ก็พูดขึ้น “อีกอย่างเรื่องที่ผ่านไปหลายปีแล้ว ฉันเชื่อว่าพี่ชายฉันก็รู้ถึงความผิดของตัวเองแล้ว ดังนั้นฉันเลยไม่ได้โทษเธอ”
ตอนที่เธอพูด ก็มองไปยังพรมแดงที่อยู่อีกข้างหนึ่ง แล้วกำลังมองคนสองคนที่กำลังเดินไปตรงจุดลงทะเบียน
ภายใต้ดวงตาจึงเปล่งประกายซึ่งความท้าทายออกมาเล็กน้อยจนสังเกตไม่เห็น
หัวเหยาสัมผัสได้ จึงรู้สึกเครียดไม่ไหวแล้ว
จิ่งหนิงจับมือเธอด้วยความนิ่งเฉย แล้วสีหน้ายังคงรอยยิ้มอ่อนๆ ไม่แปรเปลี่ยน “ดาราหญิง ระวังภาพลักษณ์ของเธอหน่อย! “
หัวเหยาก็รู้ พรมแดงยาวขนาดนี้ ต่อให้เธอวิ่งไปก็ตบไม่โดนจิ่งเสี่ยวหย่าหรอก
แค่แอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วแอบก่นด่า “นางผู้หญิงชั้นต่ำ! “
ตรงที่ไกล มีหนิวลี่ลี่ที่ซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางผู้คนก็ได้พูดกับคนข้างๆ “นี่ เมื่อกี้เรื่องพวกนั้นที่พิธีกรถาม พวกเธอต่างก็รู้ใช่ไหม? “
คนรอบข้างก็แสดงสีหน้าที่มึนงงออกมา
ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้ เรื่องนั้นถึงแม้จะสร้างความวุ่นวายอย่างมาก ทว่าก็ยังถูกจำกัดไว้แค่นักเรียนและคุณครูที่อยู่รุ่นเดียวกัน แล้วก็นักเรียนบางส่วนในคณะศิลปกรรมศาสตร์เท่านั้น
วันนี้คนที่มาออกงานสถาปนาของทางโรงเรียน ส่วนมากก็คือศิษย์เก่ารุ่นเก่าๆ จึงไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้
หนิวลี่ลี่เห็นสถานการณ์แบบนี้ จึงตั้งใจแสดงสีหน้าที่น่าแปลกออกมาอย่างมาก
“แม้แต่อันนี้พวกเธอยังไม่รู้อีกหรอ? ไม่ใช่มั้ง? “
“มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่! เธอรู้เธอก็บอกเราสิ ทำให้อยากรู้แล้วทำไมไม่บอก”
“ใช่! “
หนิวลี่ลี่ยิ้มพูด “เรื่องนี้ พูดไปก็ง่ายมาก เมื่อห้าปีก่อน จิ่งเสี่ยวหย่ากับพี่สาวของเธอเรียนอยู่ที่โรงเรียนเว่ยหลัน ทีแรกทั้งสองก็อยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรรอยัลด้วยกัน แต่วันที่ส่งผลงาน พี่สาวของเธอสังเกตเห็นว่าผลงานของตัวเองไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าของจิ่งเสี่ยวหย่า จึงรีบทำลายของตัวเอง จากนั้นก็แอบเอาของจิ่งเสี่ยวหย่าไปส่ง แล้วยังตีเธอจนสลบ จิ่งเสี่ยวหย่าจึงไม่ทันไปเข้าสอบ และแน่นอนว่าต้องหมดสิทธิ์การเข้าร่วมแข่งขันอยู่แล้ว จากนั้นจึงได้ไม่เลือกสถาบันภาพยนตร์ไม่ได้ แล้วก็เข้าสู่วงการบันเทิง”
คนรอบข้างได้ยินคำพูดของเธอจนจบ ก็เผยสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อออกมา
“พระเจ้า! บนโลกนี้ทำไมถึงได้มีคนที่โหดเหี้ยมมากขนาดนี้”
“ใช่! แล้วยังเป็นพี่น้องกันแท้ๆ! ต่อให้อิจฉากันแค่ไหนก็ไม่ควรทำแบบนี้! “
“แอบเอาผลงานของคนอื่นก็พอ แล้วยังตีคนอื่นจนสลบ นี่มาคนอะไรกัน! “
“ทำลายมุมมองสามอย่างของฉันจริงๆ! “
พอฟังคนรอบข้างที่ยิ่งอยู่ยิ่งวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเสียงสูง หนิวลี่ลี่จึงเผยยิ้มที่ได้ใจออกมา
จิ่งหนิง แกเองที่ต้องการเป็นศัตรูกับฉัน!
ฉันจะให้แกลิ้มลอง การที่ถูกทุกคนชี้หน้าด่านั้นเป็นยังไง!
หนึ่งสัปดาห์นี้ ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เธอเกลียดจนรู้สึกคันฟัน
คิดถึงเธอที่ต้องคุณหนูผู้ลากมากดีของตระกูลหนิว เมื่อไหร่ที่เธอไม่ได้รับความเป็นธรรมขนาดนี้?
จิ่งหนิงก็แค่เมียเก็บที่ไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นเห็นเท่านั้น เบื้องหลังมีลู่จิ่งเซินคอยหนุนหลัง เธอรังแกเธอขนาดนี้ เธอจะปล่อยให้เธออยู่ดีมีสุขได้ยังไง?
หลังจากที่เพื่อนคนหนึ่งในเมืองหลวงได้ยินเรื่องความสัมพันธ์ของลู่จิ่งเซินและคุณหนูแห่งตระกูลกวน หนิวลี่ลี่ก็ได้จัดจิ่งหนิงไปอยู่ในหมวดหมู่ที่เป็นเมียเก็บ
ทีแรกเธอก็อยากจะใช้อำนาจของที่ผ่าน แก้แค้นจิ่งหนิงดีๆ สักหน่อย
ทว่าก็ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงนี้ธุรกิจทางครอบครัวมักจะเจอกับเรื่องอะไรที่เปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ
ถึงแม้พ่อจะไม่ได้พูดมากกับเธอ ทว่าจากบรรยากาศของที่บ้าน เธอก็สามารถรู้สึกได้ว่าช่วงนี้บริษัทเจอกับปัญหาใหญ่มาก
แต่ว่าหนิวลี่ลี่กลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ พ่อและพวกน้าๆ จะจัดการให้ดีอยู่แล้ว เธอแค่เป็นคุณหนูผู้ลากมากดีไปวันๆ ของเธอก็พอ
พอนึกถึงแบบนี้ หนิวลี่ลี่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรู้สึกได้ใจมากขึ้น
“ใช่แล้ว พี่สาวของเธอคือใคร? เป็นนักเรียนของโรงเรียนเราด้วยหรอ? “
“น่าจะใช่! เมื่อกี้ไม่ได้บอกว่ายังสอบด้วยกันอยู่เลยหรอ? “
มีคนจึงถามขึ้นอย่างแปลกใจ หนิวลี่ลี่มองสองคนที่อยู่บนพรมแดง แล้วภายใต้ดวงตาก็เคล้าด้วยรอยยิ้มที่ร้ายกาจ
“พี่สาวของเธอคือจิ่งหนิง! นั่นไง ก็คือคนที่สวมใส่ชุดราตรีสีฟ้า ที่กำลังเดินอยู่บนพรมแดง! “
คนข้างๆ จึงหยุดกรีดร้องทันที
บนพรมแดง หัวเหยาสังเกตเห็นสายตาของทุกคนที่มองมา ก็รู้สึกผิดปกติ
“หนิงหนิง เธอต้องระวัง ฉันรู้สึกว่าคนที่อยู่ฝั่งโน้นต้องคิดร้ายกับเธอ”
จิ่งหนิงพูดด้วยเสียงเรียบ “ฉันเห็นแล้ว”
ต่อให้หนิวลี่ลี่ซุกซ่อนได้ดีแค่ไหน ก็หนีสายตาเธอไม่พ้นอยู่ดี
แต่ว่าเธอไม่สนใจ คนพวกนั้นตอนนี้กำลังด่าว่าเธอโหดเหี้ยมแค่ไหน คืนนี้ตบหน้าก็จะตบได้เจ็บเท่านั้น
ทั้งสองจึงเดินไปที่จุดลงทะเบียน จิ่งเสี่ยวหย่าก็ได้ผ่านกระบวนการสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว กลับยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน เหมือนกำลังรอพวกเธอ
พอเห็นพวกเธอเดินมา จึงขึ้นไปคลายยิ้มอ่อนๆ ด้วยความเชื่อฟัง “พี่สาว พี่หัว พวกพี่ก็มาด้วย”
หัวเหยาทำเสียงในลำตัว แล้วไม่สนใจเธอ แค่รับปากกาเซ็นชื่อแล้วเซ็นเสร็จก็ไป
แฟนคลับของจิ่งเสี่ยวหย่าที่อยู่ท่ามกลางผู้คนจึงทำเสียงเย็นชาที่ไม่พอใจ
“ต่อให้สวยแล้วจะทำไม? ไม่มีมารยาทเลยสักนิด! ไอ้ขยะ! “
แต่ส่วนมากก็มีแฟนคลับของหัวเหยามากกว่า
“เธอมีตาไหม? เหยาเหยาของพวกเราสนิทกับดอกบัวขาวของพวกเธอหรือไง? เห็นใครก็ทักทายไปหมด อยากจะตีสนิทหรอ? “
“แก! “
“แกอะไรแก? ไม่เห็นหรือไงว่าไม่อยากสนใจ แกเข้าใจไหม? เซ็นชื่อและสัมภาษณ์ก็เสร็จแล้ว แล้วยังยืนอยู่ตรงนั้นทำไม คิดว่าตัวเองสวยขนาดนั้นเลยหรอ! “