บทที่ 71 พวกขี้อิจฉา
“ถูก! เป็นแค่ตัวประกอบเดินพรมแดงต่างประเทศก็นับละ ขนาดเดินพรมแดงในงานรวมศิษย์เก่าของโรงเรียนยังไม่ได้ไป กว่าจะได้คะแนนเข้ามาได้ขนาดนี้ก็น่าสงสาร ฉันแนะนำพวกเธอแทนที่จะมานั่งจิ้มBBอยู่นี่ รีบกลับไประดมทุนซื้อยอดโหวตให้คนของตัวเองดีกว่ามั้ย”
“พูดมั่ว! เสี่ยวหย่าไม่ใช่ตัวเดินประกอบพรมแดง เธอได้รับเชิญจากผู้จัดงาน!”
“ใช่ๆ ไม่มีผลงานสักปี แต่ก็ได้รับเชิญทุกปีก็เป็นคนของพวกแกมากกว่า หน้าด้านขนาดไหน ถึงกล้าไป ”
“ใช่ ไม่เหมือนเหยาเหยาของเรา พอไม่ได้เข้าชิงรางวัลว่ายังไงก็ไม่ยอมไป เฮ้อ ใครให้เหยาเหยาของเรามียางอาย หน้าบางกันล่ะ”
“เสี่ยวหย่าของเราไม่ได้มีผลงานออกมา แต่คนอื่นเขายินดีจะเชิญไปแล้วจะทำไม”
“ใช่พวกขี้อิจฉา มันจะมากเกินไปแล้ว!”
เสียงทะเลาะกันของเหล่าแฟนคลับดังลอยเข้ามา และแฟนคลับของจิ่งเสี่ยวหย่าบางคนก็โกรธจนแทบจะร้องไห้
บนพรมแดงรอยยิ้มของจิ่งเสี่ยวหย่าแข็งขึ้นทันที
แต่ครู่เดียวเธอก็ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดถากถางของคนพวกนั้น และกลับมาอยู่ในสีหน้าเดิม
เมื่อเห็นว่าจิ่งหนิงก็ไม่ได้สนใจเธอ เธอจึงตั้งใจหันกลับไปพูดกับมู่ยั่นเจ๋อ “อื้อ พี่เจ๋อ ที่นี่หนาวมากเลย พวกเราไปนั่งที่นั่งแขกกันเถอะ”
เธอพูดพลางกอดแขนเปลือยของตัวเองอย่างอ่อนแรง
แต่รออยู่นานมากก็ไม่ได้คำตอบจากมู่ยั่นเจ๋อ
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้น
เธอเห็นมู่ยั่นเจ๋อมองตรงไปทางที่จิ่งหนิงยืนอยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยตกตะลึง
ใบหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าดำมืดลงทันที
มือของเธอกำแขนเขาแน่น ความไม่พอใจและความโกรธในใจของเธอแทบปะทุออกมา แต่สุดท้ายก็กลั้นไว้ได้
เธอยกยิ้มแค่หน้า แล้วพูดเสียงแข็ง “พี่เจ๋อ พี่มองอะไรอยู่”
ครั้งนี้ในที่สุดมู่ยั่นเจ๋อก็ดึงสติกลับมา
เขาพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไร”
สายตาของจิ่งเสี่ยวหย่าแผ่ประกายเกลียดชังออกมา
เธอหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า และมองกลับไปที่จิ่งหนิง
“คืนนี้พี่สาวสวยมากเลยใช่ไหม”
มู่ยั่นเจ๋อตกอยู่ในภวังค์
เขาอยากจะพยักหน้ายอมรับว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมาก
สวยกว่าครั้งที่แล้วที่เขาเห็นในงานเลี้ยงวันเกิดของจิ่งเสี่ยวหย่าซะอีก
ดูเหมือนว่าตั้งแต่จากเขาไป เธอก็เหมือนไข่มุกที่ค่อยๆถูกขัดเงาขึ้นเรื่อยๆ นับวันยิ่งสว่างไสว นับวันยิ่งสะดุดตา
มันทำให้เขาทั้งเสียใจ….และเสียดาย
แต่มู่ยั่นเจ๋อยังคงส่ายหัว
เขาถอนสายตากลับมามองลงไปที่จิงเสี่ยวหยา และยิ้ม
“ไม่สวยเท่าเธอ”
จิ่งเสี่ยวหย่าหัวเราะเยาะเบาๆ
“แต่ทุกคนชมเธอ! พี่เจ๋อพี่เสียดายรึเปล่า”
ประกายสีดำสว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็วภายในดวงตาของมู่ยั่นเจ๋อ
เขาส่ายหน้า และเอื้อมมือไปจับมือของจิ่งเสี่ยวหย่า
“จะเป็นไปได้ยังไง พี่เลือกเธอแล้วไม่มีทางเสียใจ ยังไงความสวยก็ต้องมีโรยราในสักวัน พี่ชอบนิสัยของเธอ ทั้งอ่อนโยน มีเหตุผล และก็พูดรู้เรื่อง”
จิ่งเสี่ยวหย่ามองเข้าไปในดวงตาของเขา
ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ส่งยิ้มมาอย่างอ่อนโยน
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่เจ๋อรักฉันมากที่สุด”
“อืม”
มู่ยั่นเจ๋อพยายามควบคุมอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และสังเกตเห็นว่าเธอกอดแขนไว้ตลอดเวลา จึงถอดเสื้อสูทของตัวเองออกมา
“หนาวมากใช่มั้ย มา คลุมเสื้อพี่ แล้วเข้าไปนั่งข้างในกันเถอะ”
“โอเคค่ะ ขอบคุณค่ะพี่เจ๋อ”
หัวเหยาและจิ่งหนิงเดินลงมาจากบริเวณเซ็นลายเซ็น หลังจากที่รอทั้งคู่แสดงความรักกันเสร็จ และเดินไปแล้ว
หัวเหยายิ้มเยาะ “ถ้าไม่ใช่เพราะใส่กระโปรงนะ แม่อยากจะขึ้นไปตบคู่สารเลวนั่นสักฉาดจริงๆ ให้ตาย แค่มองก็อี๋แล้ว”
เมื่อเทียบกับความโกรธของเธอ จิ่งหนิงดูสงบลงมาก
เธอยกกระโปรงของเธอ แล้วเดินไปนั่งที่ที่นั่งแขกด้านในพร้อมกับหัวเหยา
เธอเดินไปพลางพูดว่า “ก็มีคนบอกไว้ไม่ใช่หรอ ผีเน่าต้องคู่กับโลงผุ ให้พวกเขาอยู่กันไปนานๆยิ่งดี จะได้ไม่ไปทำร้ายคนอื่น”
หัวเหยายิ้มออกทันที “เธอพูดถูก”
ทั้งคู่หาที่ของตัวเองจนเจอ โชคดีที่ที่นั่งของทั้งคู่ห่างจากที่ของพวกจิ่งเสี่ยวหย่าไกลมาก แค่พวกเธอไม่ต้องรู้สึกขยะแขยงอีกก็พอใจมากแล้ว
ผ่านไปไม่นานคนที่ควรจะมาก็มากันเกือบครบแล้ว
จากนั้นไฟบนเวทีก็สว่างขึ้น พิธีกรขึ้นมาบนเวที เริ่มแนะนำประวัติ และวัฒนธรรมของโรงเรียน จนถึงเนื้อหาของการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี
ในฐานะแขกรับเชิญในค่ำคืนนี้ หัวเหยาเลือกจะเล่นกู่เจิงโชว์
หลังจากงานเลี้ยงเริ่มไม่นาน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็มาเชิญเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
จิ่งหนิงเตือนเธอสองสามคำ และมองเธอเดินไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่
หางตาของเธอเห็นที่นั่งของจิ่งเสี่ยวหย่าก็ว่างเช่นกัน เธอก็น่าจะไปเตรียมตัวหลังเวทีแล้วเหมือนกัน
เธอหลุบตาลง ก่อนจะยกยิ้มออกมาบางๆ
“ต่อไปคือหัวเหยา นักเรียนคนที่ 65 ของโรงเรียนของเรา จะนำเสนอการแสดงกู่เจิง เพลงเฟิงฉิวหวางค่ะ”
หลังจากพิธีกรพูดจบ หน้าม่านก็ปรากฏหัวเหยาที่กำลังค่อยๆเดินขึ้นไปพร้อมกู่เจิ้ง
ทุกคนกรี๊ดขึ้นมาทันที
“สวยที่หนึ่ง” มีแฟนคลับล้นหลามมาตลอด
ความสามารถในการเล่นเปียโนของหัวเหยานั้นไม่ต้องพูดถึงหัวจิ้งเจ๋อ ประธานหัวเซิ่งกรุ๊ป รักและทะนุถนอมลูกสาวคนนี้มาก จนสามารถพูดได้ว่าเขาตามใจลูกมาก
แต่มีเพียงสองอย่างเท่านั้นที่เขาไม่เคยปล่อยให้ลูกจัดการเอง
นั่นคืออาชีพ และความรู้สึกของเธอ
ผู้ชายคนไหนมีข่าวลือกับเธอแม้แต่นิดเดียว เขาคนนั้นจะหายไปจากวงการทันทีในช่วงข้ามคืน
ทางด้านอาชีพ เดิมทีหัวจิ้งเจ๋อ ไม่ต้องการให้ลูกสาวเข้าวงการบันเทิง แต่ไม่สามารถขัดความชอบของเธอได้ จึงต้องตกปากรับคำเธออย่างจำใจ แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เหมือนจะเป็นเขาสนับสนุนทั้งหมด
ในภาพยนตร์ และละครทุกเรื่องที่มีหัวเหยาร่วมแสดง จะมีชื่อหัวเซิ่งกรุ๊ปร่วมลงทุนอยู่ด้วย
หัวเหยายังมุ่งมั่น นอกจากแสดงเก่งแล้ว เธอยังเล่นกู่เจิ้งได้ดี ในเวลาว่างเธอยังสนใจเรียนวาดภาพอีกด้วย
ตราบใดที่เธอไม่โกรธ เธอก็จะเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ด้วยเหตุนี้หัวจิ้งเจ๋อ จึงพอใจลูกสาวคนนี้มากกว่า
ผลที่ตามมาก็คือเขารู้สึกว่าทุกคนไม่คู่ควรกับลูกสาวของตัวเอง ดังนั้นถ้าใกล้กล้ามายั่วหัวเหยาก็จะจบอนาคตทันที
หัวเหยายังคงไม่สนใจท่าทีแข็งกร้าวของพ่อของเธอ
ยังไงซะ….เธอก็ไม่ชอบให้ใครมากวนอยู่แล้ว
เธอชอบ…
เธอชอบอะไรที่ไม่ใช่การก่อกวนนั่นแหละ
บนเวที หัวเหยายิ้มน้อยๆ ราวกับว่าเครื่องดนตรีที่อยู่ใต้มือของเธอกำลังมีชีวิตขึ้นมา ยิ่งเล่นยิ่งเศร้าขึ้นเรื่อยๆ
‘เดินทางอย่างไร้จุดหมาย เพียงแค่ต้องการหาคำตอบในใจ’
ในมุมหนึ่ง ชายคนหนึ่งใบหน้าเย็นชากำลังยืนพิงกำแพง จ้องไปทางเวทีเงียบๆ
เขาสวมหมวกแก๊ปสีดำพรางใบหน้าใต้แสงสลัวจนแทบมองไม่ชัดเจน แต่อารมณ์เย็นชา และดุร้ายของเขาก็ชัดเจนมาก
มีคนเดินผ่านมาชนเขาโดยไม่ได้ตั้งใจจึงรีบขอโทษ
“ขอโทษฮะพี่ เห้ย พี่คือ …”