อีกคนที่สูบบุหรี่อยู่ ก็ยิ้ม
ประกายแววตาที่คุ้นเคย ปรากฏในดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อย
“ใช่ ได้กำไรแล้ว”
จิ่งหนิงมองดูเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก็ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของเธอหรือไม่ เธอกลับรู้สึกว่า ชายตรงหน้าคนนี้ทำให้เธอรู้สึก เหมือนคุ้นเคยเล็กน้อย
ทั้งๆที่เป็นใบหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ท่าทางการคีบบุหรี่นั่น รอยยิ้มที่เผยให้เห็นตอนหรี่ตาเล็กน้อย รวมทั้ง…….เธอส่ายหัว
ไม่ เป็นไปไม่ได้
เขาจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
จิ่งหนิงกับโม่หนานไม่มีโอกาสได้พูด สองคนนั้นมองดูพวกเธอแล้ว ก็ปิดประตูรถทันที
จากนั้น ก็ขึ้นไปนั่งลงข้างหน้า แล้วสตาร์ทรถ
รถก็เคลื่อนที่ต่อไปบนทางเขาที่ขรุขระ จิ่งหนิงกับโม่หนานไม่พูดอะไร สองคนนั้นก็ไม่สนใจพวกเธอมากนัก
มองดูท่าทางเชื่อฟังของพวกเธอ ก็คิดว่าคงได้รับบทเรียนตอนอยู่กับลุงสี่ก่อนหน้านั้นแล้ว
เมื่อคนเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ปกติทั่วไปช่วงเริ่มแรกจะไม่ยอมรับชะตากรรม
จะมีการขัดขืนไม่มากก็น้อย
แต่เมื่อค้นพบว่า ไม่ว่าเธอจะต่อต้านอย่างไร สุดท้ายแล้วหนีโชคชะตาไม่พ้น ก็จะเลิกต่อต้านไปโดยปริยาย
นี่เป็นความคิดของพวกเขา
ยิ่งกว่านั้น ในใจของพวกเขาคิดว่า ตัวเองไม่ได้ต้องการเงินทอง และก็ไม่ได้จะเอาชีวิต เพียงแค่ต้องการจะแต่งสะใภ้เท่านั้น ขอเพียงคุณตามฉันอย่างเชื่อฟัง ฉันก็จะไม่จงใจทำร้ายคุณ คุณมีอะไรที่ปลงไม่ตก
และด้วยเหตุนี้ พบว่าจิ่งหนิงกับโม่หนานไม่มีแม้แต่แนวโน้มที่จะต่อต้าน สองคนพี่น้องนี้ก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถือว่าพวกเธอได้ยอมรับความจริงแล้วก็เท่านั้นเอง
รถได้ขับเคลื่อนไปบนถนนอย่างช้าๆ
จิ่งหนิงกับโม่หนานลุกขึ้นนั่งบนแผ่นไม้กระดานแข็ง ในเมื่อตอนนี้พวกเขารู้ว่าตัวเองตื่นแล้ว ก็ไม่ต้องแสร้งทำอีกแล้ว
เพียงแต่ยังไม่กล้าพูดอะไร ก่อนที่ยังไม่รู้รายละเอียดของอีกฝ่ายดี
ยังดีที่ สองคนข้างหน้า น่าจะเป็นเพราะอารมณ์ดี บวกกับเห็นพวกเธอสองคนเป็นเด็กผู้หญิง แรงน้อย และยังเชื่อฟังเช่นนี้ ดังนั้นก็ไม่ได้ป้องกันอะไรมาก
เพราะในถิ่นทุรกันดารนี้ ไม่มีคนอยู่ข้างนอกเลย และท้ายรถก็ถูกล็อกไว้ หากว่าพวกเขาไม่มาเปิดออก แค่พวกเธอจะออกไปก็เป็นปัญหาแล้ว แล้วจะไปสร้างปัญหาอะไรได้
ดังนั้น คนทั้งสองที่อยู่ข้างหน้าก็ไม่รีบร้อน
ขณะขับรถไปบนถนนก็สนทนาไปด้วย
จากการสนทนาของพวกเขา จิ่งหนิงได้ยินเลือนๆถึงตัวตนและเนื้อหาการสนทนา
คนทั้งสองนี้ น่าจะเป็นคนที่ลุงสี่พูดถึงก่อนหน้านั้น คนในเมืองเล็กที่อยู่ไม่ไกล
เพราะฟังสิ่งที่พวกเขาพูด ระหว่างประโยค มีเนื้อหาของเมืองเล็กๆนั่นอยู่
ก่อนหน้านั้นจิ่งหนิงฟังชายคนนั้นเรียกอีกคนว่าพี่ ยังคิดว่าเป็นพี่น้องกัน
แต่จากการสนทนาของพวกเขาถึงรู้ว่า ที่แท้พวกเขาไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องเท่านั้น
แต่นี่ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อวานนี้พวกเขาได้ยินข่าวจากคนสนิทคุ้นเคย บอกว่าที่นี่มีเด็กผู้หญิงมาใหม่สองคน ต้องการคนรับซื้อ
พอดีพวกเขาทั้งสองก็เตรียมการว่าจะซื้อภรรยากันคนละหนึ่งคน ดังนั้นจึงติดต่อกับทางนี้
แต่พวกเขาไม่รู้จักลุงสี่ ปกติมีความต้องการอะไร ก็ติดต่อผ่านคนกลางคนนั้น
ก็เพราะเหตุนี้ คนที่ไปรับที่บ้านลุงสี่ก่อนหน้านั้น ถึงเป็นชายคนนั้น
ส่วนสองคนนี้ ใช้เงินคนละสามหมื่นซื้อจากมือของคนคนนี้อีกที
นั่นก็หมายความว่า จิ่งหนิงกับโม่หนาน ถูกขายภายในเวลาอันสั้นในหนึ่งวันไปสองทอด
คิดไปแล้วก็ช่างน่าขำเหลือเกิน
โม่หนานจับมีดเล็กที่เอวไว้ตลอดเวลา
โชคดี ที่คนเหล่านี้ไม่ได้ระวังตัวกับพวกเธอ ดังนั้นก็ไม่เคยคิดที่จะค้นตัว มิเช่นนั้น ค้นเจอมีดเล็กเล่มนี้ สถานการณ์ของพวกเธอก็จะแย่
ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ก็ไม่รู้ว่าขับเคลื่อนไปนานเท่าไหร่ แค่อาศัยแสงสลัวที่ลอดผ่านช่องกลางประตูรถเข้ามา จิ่งหนิงกับโม่หนานก็รู้ว่า ตอนนี้น่าจะประมาณตีห้า หกโมงเช้าแล้ว ได้เวลาที่ท้องฟ้าจะฉายแสงแล้ว
พวกเธอไม่รู้ เมื่อถึงในเมืองจริงๆจะเป็นอย่างไร ไม่แน่ว่าอาจมีสถานการณ์ที่แย่กว่ารอพวกเธออยู่
ส่วนตอนนี้ พวกเธอได้ถูกสองคนนี้พาออกจากเขาลูกนั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปทุกข์กับการไม่รู้ทางออกมาแล้ว
ส่วนเมื่อถึงในเมืองแล้ว มีไฟฟ้าและการสื่อสารแล้ว เรื่องอื่น ก็แก้ไขง่ายขึ้นแล้ว
ดังนั้น จิ่งหนิงใช้ช่องประตูรถสังเกตสถานการณ์ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงต่ำที่ข้างหูโม่หนานว่า“อีกสักพักหลังจากที่รถจอดแล้ว คิดหาทางหนีไป”
โม่หนานก็กำลังคิดเหมือนกัน จึงพยักหน้า
ทั้งสองก้มหน้า นั่งอยู่ในรถ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้น รถก็หยุดลง
เธอได้ยินชายหนึ่งในนั้นที่อยู่ข้างหน้า ใช้ภาษาถิ่นพูดอะไรกับชายอีกคน
อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นแกเร็วหน่อย ฉันจะรอแกอยู่ที่นี่”
คนคนนั้นพยักหน้า ลงรถแล้วจากไป
จิ่งหนิงเงียบเสียงฟังความเคลื่อนไหวข้างนอก ได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆไกลออกไป มองหน้าโม่หนาน แลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน
จากนั้น เธอก็ยกมือขึ้น ตบไปที่ผนังรถ
“นี่ มีคนไหม ฉันรู้สึกไม่สบายท้อง จะเข้าห้องน้ำ”
เธอตะโกนเรียก
เสียงฝีเท้าจากข้างนอกแว่วมา เหมือนกับคนคนนั้นกระโดดลงจากรถ แล้วเดินมาทางด้านหลัง
แล้ว อีกฝ่ายกลับไม่เหมือนอย่างที่พวกเธอคิดว่า จะต้องรีบมาเปิดประตูให้พวกเธอ
แต่กลับยืนอยู่ตรงข้างรถที่เธอตกเมื่อกี้นี้ คั่นด้วยแผ่นเหล็กความหนาหนึ่งชั้นครึ่ง แล้วถามว่า “คุณจะทำอะไร”
จิ่งหนิงเม้นริมฝีปาก แล้วพูดอีกครั้ง“ฉันจะเข้าห้องน้ำ”
“ตอนนี้หรือ ”ดูเหมือนคนคนนั้นจะขมวดคิ้ว น้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย “ตอนนี้ไม่ได้ แต่เธอวางใจได้ อีกครึ่งชั่วโมงกว่าก็จะถึงในเมืองแล้ว หากคุณกลั้นไม่ไหวจริงๆ ก็ฉี่ใส่ในรถเลย ไม่เป็นไร ไปถึงบ้านแล้วผมจะช่วยคุณเก็บกวาดเอง”
จิ่งหนิง“……”
เธอกับโม่หนานหมดคำที่จะพูด
ใครจะไปคิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะตอบเช่นนี้
อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดประตูรถ ทั้งสองก็ไม่สามารถจะทุบประตูรถพังแล้วออกมาได้
อย่างไรก็ตาม นี่มันเป็นแผ่นเหล็กนะ ไม่ใช่แผ่นไม้
อย่าเพิ่งไปพูดถึงพวกเธอสองคนตัวเปล่า ถึงแม้ให้มีดพวกเธอสองคนๆละหนึ่งเล่ม ก็ยากที่จะกรีดแผ่นเหล็กที่หนาเช่นนี้ออกได้
จิ่งหนิงหมดปัญญา ทำได้เพียงอดทน แล้วขอร้องว่า“ไม่ได้ ฉัน ฉันต้องการจะถ่ายหนัก”
เธอกลัวอีกฝ่ายจะปฏิเสธ จึงรีบกล่าวเพิ่มเติมว่า “คุณวางใจได้ ฉันจะไม่หนี ถ้าไม่เชื่อคุณตามฉันเข้าไปได้ หรือไม่คุณเอาเชือกอะไรมามัดฉันไว้ก็ได้ ฉันเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ที่นี่ฉันก็ไม่คุ้นเคยด้วย หนีไม่พ้นหรอก ”
เมื่อชายคนนั้นได้เยินเธอพูดเช่นนี้ ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
อาจจะเกิดจากความสงสาร จึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นรออีกสักครู่ ตอนนี้ฉันคนเดียว รอพี่ฉันกลับมาก่อน แล้วฉันถึงจะพาคุณไป”
เมื่อจิ่งหนิงได้ยินเช่นนั้น ไม่มีวิธีอื่นแล้ว จึงเงียบลง
ผ่านไปประมาณสองนาที ข้างนอกมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากไกลเข้ามาใกล้
จิ่งหนิงกับโม่หนานก็รู้แล้วว่า คือพี่ของเขากลับมาแล้ว
ทั้งสองส่งสายตาให้กัน แล้วจิ่งหนิงก็ตบไปที่ประตูรถอีกครั้ง