วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 736 ทั้งสองถูกช่วย

เมื่อจิ่งหนิงเห็นดังนั้น ก็ไม่ได้ทำท่าทางรังเกียจและพาโม่หนานเดินตรงเข้าไปร่วมรับประทานกับพวกเขา

การที่เธอเป็นคนว่าง่ายและทำตัวเขาได้กับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ จึงทำให้ชายอีกคนหนึ่งวางใจลงไม่น้อย

ระหว่างรับประทานอาหารเช้า เขาได้ถามคำถามเธออยู่หลายคำถาม ซึ่งจิ่งหนิงก็ตอบเขาทุกอย่าง ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก

จิ่งหนิงเหลือบมองไปที่กู้ซือเฉียน และส่งสายตาไปยังเขา

แน่นอนว่ากู้ซือเฉียนมองเห็นและสัมผัสได้แต่กลับไม่ตอบเธอ ทำเป็นมองไม่เห็นและละสายตาไปทางอื่น

จิ่งหนิงโมโหและจ้องเขาด้วยความรำคาญ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้

หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เธอจึงได้หาโอกาส ไปพบกู้ซือเฉียนตามลำพัง

ขณะนี้กู้ซือเฉียนกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่หน้าต่าง

เขาสวมชุดซุนยัดเซ็นแบบโบราณ แม้ว่าจะเป็นการแต่งตัวที่ค่อนข้างล้าหลัง แต่เมื่อเขายืนอยู่ตรงนั้นกลับทำให้คนที่มองดูรู้สึกเหมือนเขาเป็นเจ้าชายจากยุคกลางที่รอดตายและเป็นอิสระมา

จิ่งหนิงมองดูอยู่สักครู่จากนั้นจึงส่ายหัว

เธอคิดอยู่ในใจว่าเธอคงจะบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมือนเจ้าชาย

เธอเดินตรงเข้าไปและพูดกับกู้ซือเฉียนว่า “ฉันจะติดต่อกับลู่จิ่งเซิน”

เมื่อกู้ซือเฉียนได้ยินดังนั้นก็หันหน้ากลับมามองเธอ

ดวงตาของเขาดูแข็งทื่อ แต่จิ่งหนิงเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้อยากจะปฏิเสธแต่อย่างน้อย

เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น

เธอรู้สึกประหลาดใจจริงๆ กู้ซือเฉียนในวันนี้ดูเหมือนว่าจะพูดง่ายอย่างเหลือเชื่อไปหน่อย

เธอจึงนิ่งเงียบไปสักพัก ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจถามออกมาว่า “คุณเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้เพื่ออะไรกันแน่?”

กู้ซือเฉียนตอบ “ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่รึไง ว่าผมมาช่วยคุณ?”

จิ่งหนิงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

“คุณจะบอกว่าบังเอิญคุณอยู่ใกล้ๆและได้ยินเรื่องราวของฉันก็เลยบังเอิญได้มาช่วยฉันอย่างนั้นเหรอ? กู้ซือเฉียน ตอนที่ฉันอยู่ประเทศFและคุณโทรหาฉัน คุณบอกว่าอยู่ที่ประเทศจีนไม่ใช่รึไง?”

กู้ซือเฉียนมองดูเธอและหรี่ตาลง

เขาเผยอยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วตอบว่า “คุณกำลังสงสัยผมอยู่หรือไง?”

น้ำเสียงนั้นช่างเยือกเย็นเหลือเกิน มีความรู้สึกถึงความสงสัยครอบงำอยู่

จิ่งหนิงอึ้งไปชั่วครู่

เธอรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้านี่เหมือนกำลังจะโกรธ

ก็จริงอยู่ เขาไปช่วยเธอมาด้วยความหวังดี แต่ตอนนี้เธอกลับใช้น้ำเสียงเหมือนกับสงสัยตั้งคำถามนี้ขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงโมโหแน่

ดังนั้นเธอจึงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้

และรู้สึกว่าก่อนหน้านี้เธอคงจะเข้าใจเขาผิดไป จึงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นอีกแบบหนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันไม่คิดจะสงสัยคุณหรอกค่ะ ฉันเพียงแค่อยากจะพูดว่า”

เธอหยุดลงและพูดอย่างจริงจัง “ฉันเพียงแค่เป็นห่วงคุณเท่านั้น กู้ซือเฉียน ที่จริงก่อนหน้านี้ด้วยเหตุผลหลายๆประการทำให้พวกเรามีปัญหาต่อกัน แต่พวกเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

กู้ซือเฉียนมองดูเธออย่างเงียบๆ

จิ่งหนิงจึงพูดต่อไปว่า “ครั้งนี้ฉันต้องขอขอบคุณจริงๆที่คุณช่วยฉันเอาไว้ แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือฉันก็หวังว่าฉันจะพอช่วยคุณได้บ้าง และหวังว่าคุณจะบอกกับฉันตรงๆ เข้าใจไหม?”

กู้ซือเฉียนหรี่ตามองเธอ เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

รอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้า แสงแดดในยามเช้าของดวงอาทิตย์ย้อมรอยยิ้มให้เจิดจรัสยิ่งกว่าเดิม

ผ่านไปสักพักเขาจึงพูดว่า “ผมไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรหรอก”

เขาหยุดลงสักพักจากนั้นก็ยิ้มขึ้นเบาๆ

แล้วพูดว่า “วางใจได้ครับ การที่ผมเดินทางมาครั้งนี้เพียงแค่ต้องการพบใครคนหนึ่ง จึงได้แต่งตัวแบบนี้”

เขาชี้ไปที่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่แล้วพูดว่า “ช่วยไม่ได้นี่ คุณก็รู้ถึงตัวตนผมดี ถ้าใครรู้ว่าผมมาที่นี่ละก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดได้ง่ายๆ”

จิ่งหนิงได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ”

เมื่อเธอพูดจบ ก็หันหลังไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังข้างฝาอันเก่าแก่

แล้วพูดว่า “ฉันจะติดต่อกับลู่จิ่งเซินได้เมื่อไหร่?”

กู้ซือเฉียนพูดว่า “คงอีกสักพัก ตอนนี้เขายังมาไม่ถึงหมู่บ้านM แต่ผมได้บอกเขาล่วงหน้าแล้ว”

จิ่งหนิงตกใจเล็กน้อย

“คุณบอกเขาแล้วเหรอ?”

“ใช่? ทำไมเหรอ? คุณแปลกใจมากหรือไง?”

กู้ซือเฉียนหัวเราะขึ้นเบาๆ “น้องเซเว่นในสายตาของคุณผมเป็นคนใจร้ายอย่างนั้นเลยเหรอ?”

จิ่งหนิงฝืนยิ้มออกมา

แต่ในใจของเธอกลับกำลังดุด่า

“ใครจะไปรู้กันล่ะ? ก่อนหน้านี้คุ้นก็เป็นคนแบบนั้นนี่ เรื่องร้ายๆคุณทำมากมายนัก!”

แต่เพียงว่าตอนนี้เห็นแก่ที่เขาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกมา เพื่อเป็นการไว้หน้าเข้าเธอจึงได้แต่พึมพำอยู่ในใจ

และตอบกลับไปว่า “เอาเถอะค่ะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันจะรอข้อความจากคุณนะ”

กู้ซือเฉียนพยักหน้า ต่อมาจิ่งหนิงจึงเดินจากไป

ลู่จิ่งเซินเดินทางมาถึงหมู่บ้านMในตอนบ่าย

เมื่อคืนนี้เขาได้รับโทรศัพท์จากกู้ซือเฉียน และได้รับรู้ว่าจิ่งหนิงอยู่ที่ไหน แต่ตัวเขายังไปไม่ถึง กู้ซือเฉียนกลับมีช่องทางพาเธอออกมาแล้ว

หลังจากรับรู้ว่าโม่หนานได้รับบาดเจ็บ ลู่จิ่งเซินก็เป็นห่วงทั้งสองคนมาก

เพื่อเป็นการไม่ให้เกิดปัญหาที่ตามมาโดยไม่จำเป็น ดังนั้นเขาจึงยอมให้กู้ซือเฉียนพาพวกเธอทั้งสองคนออกมา

แน่นอนว่าระหว่างนี้การตกลงบางอย่างไม่จำเป็นต้องอธิบายอย่างละเอียด

ไม่ว่าจะเป็นลู่จิ่งเซินหรือจิ่งหนิงทุกคนต่างรู้ดีว่า กู้ซือเฉียนจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องขาดทุนแน่นอน

ในครั้งนี้เขาได้ช่วยจิ่งหนิงเอาไว้

ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องขูดเลือดขูดเนื้อลู่จิ่งเซินให้ได้

แต่ในสายตาของลู่จิ่งเซินแล้ว เพียงขอแค่จิ่งหนิงปลอดภัยกลับมา ต่อให้เขาจะต้องขูดรีดเนื้อตัวเองอย่างไร ก็ไม่เป็นไร

ดังนั้นทั้งสองคนจึงได้ตกลงกันเรียบร้อย

ในตอนบ่าย เสียงรถคันหนึ่งแล่นมาจากด้านนอก

ลู่จิ่งเซินและคนที่เขาพามา ในที่สุดก็มาถึงสักที

เมื่อจิ่งหนิงมองเห็นเขา เธอก็ดีใจปลื้มปีติอย่างมาก เธอรีบพุ่งเข้าสู่อ้อมอกเขาทันที

ลู่จิ่งเซินอ้าแขนรับและกอดเธอเอาไว้แน่น

โม่หนานก็ใช้ไม้ค้ำเดินออกมาตาแดงแล้วพูดว่า “ท่านประธานคะ ขอโทษด้วย ในครั้งนี้ฉันปกป้องคุณหนิงได้ไม่ดี”

ลู่จิ่งเซินมองไปทางเขาและไม่ได้พูดอะไร

เพียงพูดแค่ว่า “กลับไปแล้วค่อยว่ากันเถอะ”

ด้านของกู้ซือเฉียน เขาไม่ได้ออกมาส่งจิ่งหนิง

และผู้ชายอีกคนหนึ่งไม่รู้ว่าถูกเขาหลอกไปที่ไหน เพราะในขณะนี้ไม่อยู่ในบ้าน

ดังนั้นลู่จิ่งเซินและคนอื่นๆ จึงได้เดินทางออกไปอย่างราบรื่น

จิ่งหนิงและโม่หนานเดินขึ้นรถไปกับเขา เมื่อขึ้นไปบนรถแล้ว ท่าทางอันเย่อหยิ่งสูงส่งของลู่จิ่งเซินก็เปลี่ยนไปทันที

เขามองดูจิ่งหนิงด้วยท่าทางกระวนกระวายใจมองซ้ายมองขวาไปทั่วตัวด้วยความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้างครับ? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

จิ่งหนิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”

เมื่อเธอพูดจบ เธอก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“ขอโทษนะคะ จิ่งเซิน ที่จริงแล้วครั้งนี้ฉันโกหกคุณ……”

มือของลู่จิ่งเซินหยุดชะงักลง

เขามองดูเธอแล้วตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ”

ที่จริงเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการที่จิ่งหนิงเดินทางไปประเทศFในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องทางธุรกิจ

เขารู้ดีว่าปมในใจของเธอคืออะไร

แต่การที่เธอไม่พูดออกมานั้นแน่นอนว่าเธอคงมีเหตุผลส่วนตัว เขาคิดว่า บางทีการที่เธอไปตรวจสอบด้วยตัวเองจะทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น

แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับเธอระหว่างทาง

เขาคิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับจิ่งหนิงจริงๆล่ะก็เขาจะทำอย่างไร

เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset