ต่อให้ชนะพวกเขาได้ ตนก็คงจะบาดเจ็บไม่น้อย
ซึ่งมันไม่คุ้มเลย
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปจึงไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกเขาอีก
ต่อมาพี่ชายของเขาก็เป็นคนแรกของหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ที่ได้ออกไปทำงานข้างนอก
เนื่องจากในมุมมองของพวกเขาค่อนข้างจะปิดตาย และมีความคิดเป็นแบบดั้งเดิม การเดินทางออกไปทำงานข้างนอกสำหรับพวกเขาแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ในขณะที่พวกเขาหมดหวัง ท้อแท้และสิ้นไร้ไม้ต่อ พี่ชายของเขาได้เดินทางออกไป
ไม่เพียงแต่ออกไปเท่านั้นยังได้รู้จักกับเจ้านายที่มีเงินมากมายมหาศาลคนหนึ่ง
ได้ยินว่าเจ้านายคนนั้นชื่นชอบเขาและให้เขาทำงานมากมาย ทำให้พี่ชายมีเงินไม่น้อย และมักจะส่งกลับมาให้เขาเสมอ
ก่อนหน้านี้เขาและพี่ชายไม่ได้พบกันมาตั้งหลายปีแล้ว
และในครั้งนี้เมื่อพี่ชายกลับมา เขาคิดว่าสองพี่น้องจะได้อยู่ร่วมกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์เสียอีก
คิดไม่ถึงว่าพี่ชายของเขาจะมีนิสัยที่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ดูเหมือนกับว่าที่เขาจากไปเมื่อไม่กี่ปีทำให้ เขาไม่ใช่พี่ชายคนเดิมอีกแล้ว
แต่เป็นเพราะเขาเพิ่งพาพี่ชาย ต่อให้จะเกิดความสงสัยสักเพียงใดก็ไม่กล้าถามอะไรมาก
เขาคิดเพียงแค่ว่าเนื่องจากพี่ชายออกไปทำงานข้างนอกเป็นเวลานานทั้งสองคนห้าเหินไปค่อนข้างมาก ตอนนี้จึงยังไม่คุ้นเคยเท่านั้น
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี่เขาคิดแบบนั้นตลอด
จนกระทั่งเมื่อสักครู่เขาจึงค้นพบว่า
มันไม่ใช่อย่างนั้น!
ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเขาทั้งสองคนห่างกันเป็นเวลานาน แต่เพราะนั่นไม่ใช่พี่ชายของเขา!
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะค่อนข้างเหมือนกัน อีกทั้งยังรู้เรื่องราวในตอนเด็กๆมากมาย
ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น แต่แม้ว่าคำพูดและร่างกายภายนอกจะสามารถหลอกใครได้ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่หลอกไม่ได้ก็คือแววตา
น้องชายโง่คนนั้น ไม่อาจลืมเลือนได้ วินาทีเมื่อสักครู่ที่เขามองมายังตน
แววตานั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและรังเกียจ มันเหมือนกับเข็มที่เจาะลึกลงไปในใจของเขา
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตนถึงได้เจ็บปวดใจแบบนี้
เขารู้เพียงแต่ว่าพี่ชายของเขาไม่ใช่พี่ชายคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
และผลก็เป็นดังที่เขาคาดเอาไว้
คืนวันนั้น กู้ซือเฉียนเก็บข้าวของและจากไป
น้องชายโง่ทำได้เพียง ทำเป็นไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้เขาขุ่นเคืองใจ ไม่กล้าเข้าไปห้ามและไม่กล้าถามมาก
หญิงสาวสองคนที่ตนพามาในเมื่อเช้าวันนี้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ให้เธออยู่ต่อ
เมื่อคิดได้ว่าพี่ชายกำลังจะจากไป เขาก็รีบพาหนึ่งในสองคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าแล้วพูดว่า “พี่ จะไปทำงานอีกแล้วเหรอ?”
กู้ซือเฉียนหันไปมองดูเขา
คนคนนี้ที่จริงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขาเลย การที่เขาแกล้งปลอมตัวและเดินทางมาที่นี่ อีกทั้งแสดงละครตบตาเหล่านั้น
เขาบอกกับจิ่งหนิงว่าเขามีเรื่องอื่นต้องจัดการ
แต่ที่จริงแล้วจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ?
เขาเพียงแค่ต้องการพาเธอออกไปและส่งมอบให้กับคนคนนั้นโดยปลอดภัยเท่านั้นเอง
แต่เขาไม่อยากพูดออกมาจึงได้หาข้ออ้างและบอกว่ามีธุระต้องจัดการ
และคนที่เขาปลอมตัวมาในครั้งนี้เป็นลูกน้องของเขาคนหนึ่ง เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ถูกสังหารเพราะภารกิจหนึ่ง
การที่เขาเดินทางมาในครั้งนี้เดิมที่ไม่ได้มีแผนการอะไร รู้เพียงรู้แต่เพียงว่าบ้านเกิดของเขาอยู่ที่นี่จึงได้ยืมใช้ตัวตนเท่านั้น
แต่เขาคิดไม่ถึงว่ายังมีน้องชายอีกคนหนึ่ง
เมื่อคิดได้ดังนั้นสายตาของเขาก็มองไปยังน้องชายจอมโง่ ความเยือกเย็นนั้นลดลงไปเล็กน้อย
เขาพยักหน้าและตอบอย่างหนักแน่นว่า “อืม”
น้องชายของเขากำนิ้วมือเอาไว้อย่างประมาทพูดว่า “พี่ พาเธอไปด้วยเถอะ พี่อยู่ข้างนอกคนเดียว มีคนคอยดูแลพี่ซักผ้าหุงข้าวให้ก็คงจะดี”
กู้ซือเฉียนมองไปยังผู้หญิงคนนั้นแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะกลัวมาก
ใบหน้าอันที่เรียกได้ว่าพอสวยงามซีดลงทันที เธอดูเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่อ่อนแอและน่าสงสารถูกขังอยู่ในกรง
หญิงสาวกำชายเสื้อของตัวเองเอาไว้แน่นและเงยหน้ามองดูอยู่กู้ซือเฉียนอย่างรวดเร็ว
กู้ซือเฉียนนิ่งเงียบไปเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นได้ยินน้องชายของเขาพูดต่อไปว่า “พี่เดินทางไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก ก่อนที่พ่อกับแม่จะจากไปพวกท่านเคยบอกว่าสิ่งที่กังวลที่สุดก็คือกลัวพวกเราจะหาภรรยาไม่ได้ เนื่องจากที่นี่ผู้หญิงน้อยมาก”
เขาพูดอย่างตะกุกตะกัก จากนั้นก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดต่อไปว่า “ผู้หญิงคนนี้ ผม ผมถามมาแล้ว เธอยังบริสุทธิ์ ผมมอบให้พี่ ถือให้เธอเป็นพี่สะใภ้ผม ดีไหม?”
เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดนี้หน้าเธอก็ซีดลงไปอีกครั้ง
กู้ซือเฉียนมองดูเธอ ดวงตาของเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อยแล้วถามว่า “คุณยินดีไปกับผมไหม?”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอกัดริมฝีปาก ใบหน้าอันขาวซีดมองไม่ออกว่าเป็นเพราะตกใจหรือผิวขาวของเธอเป็นธรรมชาติ
ท้ายที่สุดแล้วเธอก็พยักหน้าอย่างกลัวๆว่า “ยินดีค่ะ”
เธอไม่ใช่คนโง่ เธอถูกจับมาขายในหมู่บ้านชนบทแบบนี้ มองดูก็รู้ว่าอนาคตของเธอมืดมนแน่นอน
วันนี้ทั้งวันหลังจากได้สนทนากันทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นอย่างไร
หากติดตามเขา อนาคตของเธอคงจะมืดมนไร้ซึ่งความหวัง
แต่กับอีกคนหนึ่งนั้นไม่เหมือนกัน
ได้ยินมาว่าเขาไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนี้
เขาจะออกไปข้างนอก ไปข้างนอก! นั่นหมายความว่าเธอสามารถไปจากที่นี่ได้
เพียงแค่สามารถออกไปจากที่นี่ เธอก็ยังมีความหวังที่จะได้กลับบ้าน
เมื่อคิดดังนั้นหญิงสาวก็มองไปทางเขา สายตาของเธอเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมาทันใด
กู้ซือเฉียนไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ผู้ชายอีกคนหนึ่งกลับดูกังวลแทน
ราวกับว่ากลัวเขาจะไม่พาเธอไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น และรีบพูดขึ้นมาว่า “พี่ เงินก็จ่ายไปแล้ว ถ้าพี่ไม่เอา ก็คงจะเสียดายแย่”
กู้ซือเฉียน “……”
หญิงสาว “……”
บางทีเขาอาจจะไม่รู้ตัวว่าการที่ตนพูดออกมาอย่างนี้มีอะไรผิดปกติไป
เขาเพียงมองไปทางกู้ซือเฉียนอย่างจริงจัง
กู้ซือเฉียนมองเข้าไปในดวงตาของเขา ทันใดนั้นก็นึกถึงลูกน้องคนที่พึงสละชีวิตไป ตอนที่เขาตายไป ดวงตาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ตอนนั้นเขากำลังคิดอะไรอยู่กันนะ?
วินาทีที่ชีวิตจบสิ้น เขากำลังคิดอยู่หรือเปล่าว่าน้องชายที่อยู่ในชนบทนั้นจะยังไม่ได้แต่งงานเลย
เขากำลังคิดอยู่เหมือนกันหรือไม่ว่า หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ บางทีเขาอาจจะไม่อยากใช้ชีวิตอย่างลำบากและอันตรายแบบนั้น เพียงแค่หาเงินแต่งภรรยามีลูกสักสองสามคนและใช้ชีวิตอันแสนธรรมดาเหล่านี้ไปจนกระทั่งวันสุดท้าย
กู้ซือเฉียนไม่ใช่นักบุญ หรืออาจจะพูดได้ว่าตามปกติแล้วถ้าไม่จำเป็นเขาก็ไม่เคยจะให้ความเห็นอกเห็นใจแก่ใครเลย
แต่วินาทีนี้จู่ๆเขาก็รู้สึกถึงความเห็นใจขึ้นมา
เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธอีก และพยักหน้าอย่างเงียบๆ
ต่อจากนั้นก็หันไปพูดกับหญิงสาวว่า “ออกไปข้างนอกแล้วจะมีคนบอกเองว่าต้องนั่งรถคันไหน”
หญิงสาวดีใจมาก
ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความยินดีมีความสุข
เธอหันหลังกลับไปมองสองพี่น้องและไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้านนอกมีคนจอดรถรอไว้อยู่แล้ว ซึ่งจอดอยู่ที่ตรงประตู เพียงรอให้กู้ซือเฉียนออกคำสั่งและเดินทางเท่านั้น
ขบวนรถ มากมายขนาดนี้ในหมู่บ้านเล็กๆหาดูได้ยากมาก