ท้ายที่สุดใครจะคิดว่าชายหนุ่มที่ดูเป็นคนที่เกิดในเมืองและได้รับการศึกษามาอย่างดีคนหนึ่ง จะเป็นพวกแก๊งค้ามนุษย์?
พวกเธอทั้งหมดถือว่าเขาเป็นรุ่นพี่ที่เดินทางในช่วงวันหยุด ดังนั้นจึงไว้ใจเขามาก
สุดท้ายก็เพราะความไว้ใจของตัวเอง กลับทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในกองไฟ
เดิมทีเขาเองไม่ได้คิดจะทำกับหลินเยว่เอ๋อร์แบบนี้
อย่างไรเสีย พ่อของหลินเยว่เอ๋อร์เป็นนักธุรกิจท้องถิ่นที่มีความสามารถอยู่บ้าง
เขาและหลินเยว่เอ๋อร์เป็นคนบ้านเดียวกัน ครอบครัวของเขายังมีแม่และน้องชายน้องสาว เขาเองก็เป็นกังวลว่าหากทำอะไรหลินเยว่เอ๋อร์แล้ว คุณพ่อหลินจะต้องลงมือจัดการกับครอบครัวของเขา
ดังนั้นถึงแม้จะเคยจะถูกใจหลินเยว่เอ๋อร์อยู่หลายครั้งระหว่างนั้น แต่กลับไม่กล้าที่จะทำอะไร
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป
ครั้งนี้เป็นหลินเยว่เอ๋อร์เองที่เป็นฝ่ายต้องการจะหนี ก่อนที่จะช่วยเธอ เขาบอกก่อนแล้วว่าจะช่วยเธอก็ได้ แต่จะต้องไม่ให้พ่อเธอรู้ว่าตนเองเป็นคนช่วยเธอหนี
หลินเยว่เอ๋อร์ในตอนนั้นคิดแต่จะหนีไปให้พ้นจากทะเลแห่งความทุกข์ จะคิดมากที่ไหน?
จึงได้คิดเพียงว่าเขากลัวคุณพ่อหลินจะกล่าวโทษเขา ดังนั้นจึงรับปากไปโดยไม่คิดอะไร
ตอนนี้คิดดูแล้วเหมือนเขาได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้วว่าหากเธอไม่พูดคุณพ่อหลินก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาเป็นคนพาเธอหนี
ถึงตอนนั้นหาตัวเธอไม่เจอ คุณพ่อหลินก็ได้แต่จนใจและบอกได้เพียงว่าเธอไม่ต้องการจะแต่งงานและหนีไป
ต่อให้เขาสงสัยในตัวเขา เพียงคนคนนั้นพยายามจะเล่นลิ้นอย่างหนัก คุณพ่อหลินก็ไม่มีหลักฐานอะไรจะพิสูจน์ได้ว่าหลินเยว่เอ๋อร์อยู่กับเขา สุดท้ายเขาก็ต้องปล่อยไป
เมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็สามารถจะยังอยู่เหนือกฎหมายได้ต่อไป แต่หลินเยว่เอ๋อร์นั่นแหละที่จะต้องรับกรรม
ครั้งนี้หากไม่ได้ถูกขายให้กู้ซือเฉียน เธอคิดไม่ออกเลยว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรสำหรับเธอ!
เมื่อคิดเช่นนี้สายตาของเธอก็กลอกตาเล็กน้อยและมองออกไปด้านนอก
บนสนามหญ้าที่อยู่ไม่ไกล มีชายสวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำเดินออกมาและยืนอธิบายบางสิ่งให้ลุงโอวฟัง
ลุงโอวยืนอยู่ที่นั่นด้วยความเคารพ ก้มศีรษะเล็กน้อย มือไขว้ไปข้างหน้าเล็กน้อย ด้วยท่าทางที่ให้ความเคารพและถ่อมตน
ส่วนผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นก็รูปร่างสูงโปร่ง เพราะอยู่ค่อนข้างไกล เธอจึงเห็นหน้าเขาไม่ชัด
แต่ดูจากท่าทางโดยรวมและท่ายืนของเขาแล้ว เธอแอบรู้สึกว่าคงจะเป็นผู้ชายคนนั้นที่พาเธอกลับมา
ผู้ชายที่เกิดในเมืองเล็กๆ จะหาผู้หญิงสักคนยังต้องซื้อเอา ทำไมถึงได้มีปราสาทใหญ่โตแบบนี้ อีกทั้งยังมีพ่อบ้านแบบลุงโอวแบบนี้อีก?
ในตอนนี้หลินเยว่เอ๋อร์ยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของกู้ซือเฉียน หรือเห็นใบหน้าที่จริงของเขา ดังนั้นในใจของเธอจึงเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่เป็นที่ชัดเจนว่ากู้ซือเฉียนไม่มีความคิดจะอธิบายอะไรให้เธอฟังเลย
เขาออกคำสั่งกับลุงโอวด้วยน้ำเสียงขรึม “พรุ่งนี้ให้คนส่งเธอกลับประเทศจีน ส่วนจะเลือกใคร คุณตัดสินใจได้เลย”
ลุงโอวตกตะลึง
เดิมทีเขาคิดว่าผู้หญิงที่สามารถจะกลับมากับกู้ซือเฉียนได้นั้นจะต้องมีสถานะที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
ถึงจะไม่ใช่อนาคตคุณนายกู้ แต่ก็ต้องเป็นเพื่อนหญิงคนสนิทอย่างแน่นอน
อย่างน้อยที่สุด เป็นผู้หญิงกลางคืนก็ยังได้นะ!
ต่อให้ไม่สามารถจะเข้ามาเป็นเจ้าของปราสาทได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้ว่าคุณชายยังมีรสนิยมทางเพศเป็นปกติดี คุณชายยังสามารถจะมีทายาทได้อยู่!
แต่ตอนนี้กู้ซือเฉียนกลับบอกเขาว่าผู้หญิงคนนี้ถูกซื้อมา
นี่เท่ากับเป็นการบอกว่าเขากับผู้หญิงคนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย
ที่พาเธอกลับมาก็เพียงเพราะสภาพแวดล้อมที่นี่ค่อนข้างวุ่นวาย จึงไม่สามารถจะปล่อยให้เธอร่อนเร่อยู่ข้างถนนคนเดียวและถูกลักพาตัวไปขายอีก
เขาขี้เกียจจะเข้าไปจัดการอะไรมากมาย ดังนั้นจึงได้รีบให้เขาหาคนส่งเธอกลับประเทศจีน
เมื่อส่งคนกลับไปแล้ว ยังจะมีอะไรทายาทอะไรได้อีก?
ไม่ง่ายเลยกว่าลุงโอวจะมีความหวังขึ้นมาได้ ก็ถูกดับฝันในทันที เรียกว่าหมดหวังไปเลย
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำสั่งของกู้ซือเฉียน เขาไม่มีทางจะปฏิเสธได้ หลังจากรับคำสั่งแล้วก็รีบไปจัดการในทันที
ส่วนในเวลานี้ หลินเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ในห้องกลับไม่รู้ว่ากู้ซือเฉียนจัดแจงอะไรไป
เธอยืนอยู่ในห้อง กัดริมฝีปากและหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็หันหลังและเปิดประตูเดินออกไป
หลังจากกู้ซือเฉียนออกคำสั่งเสร็จสิ้น เขาก็ยังคงยืนอยู่ที่สนามหญ้าและเล่นกับสุนัข
ในปราสาทเลี้ยงสุนัขไว้สองตัว ตัวหนึ่งเป็นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ และอีกตัวเป็น Border Collie
สุนัขทั้งสองตัวเป็นสุนัขของกู้ซือเฉียนและได้รับความเอ็นดูจากเขาเป็นอย่างมาก ดังนั้นปกติลุงโอวจะเป็นดูแลพวกมันด้วยตนเอง
ในตอนนี้เขายืนอยู่ที่นั่นและขว้างจานร้อนในมือออกไปไกล ๆ และมองดูสุนัขสองตัววิ่งออกไปเพื่อเก็บจานร่อนกลับมา
คนหนึ่งคนกับสุนัขสองตัว วนไปเป็นวัฏจักรแบบนี้และไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายกับมัน
อาจจะเล่นกันจริงจังเกินไป กู้ซือเฉียนจึงไม่รู้ตัวว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่ตอนไหน
จนเขาหยุดแล้วหันมาจึงเห็นมองเห็นหญิงสาวยืนห่างไปไม่กี่ก้าว คิ้วของเขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว และรอยยิ้มในดวงตาของเขาละลายกลายเป็นสระแห่งความเฉยเมย
“มีอะไร?”
เขาเปิดปากด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลินเยว่เอ๋อร์ตกตะลึง
ไม่ใช่เพราะน้ำเสียงของเขา แต่เป็นเพราะใบหน้านั้น
ใบหน้านั้นมันเป็นยังไงกันเหรอ?
จะบอกว่าเป็นใบหน้าที่เทพสรรค์สร้างก็ไม่เกินไปนัก ใบหน้าที่ล้ำลึกภายใต้แสงแดดเรืองรองยามบ่าย ทำให้ร่องรอยแห่งความเย็นชาดูอ่อนโยนลงไปไม่น้อย ดวงตาที่แคบเล็กหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อมองดูก็เผยให้เห็นถึงความสง่าผ่าเผยอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้สูงศักดิ์โดยไม่รู้ตัว
หลินเยว่เอ๋อร์ใจเต้นและรีบก้มหน้าลง
“มะ…ไม่มีค่ะ”
เธอได้ยินเสียงใจเต้นโครมครามของตัวเองเหมือนกับมีค้อนหนัก ๆ ทุบตุบๆ ลงไปบนหัวใจเธอ
กู้ซือเฉียนเลิกคิ้วขึ้น และในวินาทีถัดมา เมื่อนึกขึ้นได้ ก็มีความแปลกประหลาดแวบเข้ามาในดวงตาที่หรี่ตาลงเล็กน้อย และเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มแล้วพูด
“เธอรู้จักฉันเหรอ?”
“ฉัน…”
ริมฝีปากของหลินเยว่เอ๋อร์แห้งผาก เธอจำได้แล้ว ภาพลักษณ์ของคนคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่บรรยากาศรอบตัวและน้ำเสียงการพูดจาไม่สามารถเปลี่ยนได้
เขา…ทำไมจู่ ๆ หน้าตาก็เปลี่ยนไป?
หรือจะบอกว่า เขาหน้าตาอย่างนี้อยู่แล้ว? แต่แต่งตัวเป็นชาวนาตอนอยู่ในเมืองนั่นเพราะด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างจึงต้องตบตาคนอื่น?
หลินเยว่เอ๋อร์ไม่ใช่คนโง่ ไม่นานเธอก็คิดถึงประเด็นสำคัญได้
มิน่าล่ะ ไม่ว่าเธอจะว่ายังไง ชาวนาธรรมดาคนหนึ่งจะมีที่ทางและปราสาทใหญ่โตขนาดนี้ได้ยังไง อีกทั้งยังมีรถหรูพวกนั้น และมีพ่อบ้านที่มีคุณสมบัติพร้อมอย่างลุงโอว
เขาไม่ใช่พี่ใหญ่ตระกูลเกาคนนั้นแต่แรกแล้ว!
เมื่อตระหนักได้ว่าได้ทำลายความลับบางอย่าง ใจเธอก็อดไม่ได้ที่จะเต้นเร็วกว่าเดิม
กลืนน้ำลายและผ่านไปหลายวินาทีจึงได้รวบรวมความกล้าแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้คุณ…ปลอมตัวเหรอคะ?”
เธอเงยหน้าเล็กน้อยและมองไปที่เขาด้วยความกลัวและสงสัยในแววตา
กูซือเฉียนไม่ได้เห็นดวงตาที่ใสสะอาดเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
มันกี่ปีมาแล้ว? สิบปีแล้วหรือนานกว่านั้น?
รวมถึงตอนที่เขาช่วยจิ่งหนิงและปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นน้องสาวแท้ๆ และไม่เคยเห็นแววตาที่ใสสะอาดเช่นนี้ในดวงตาของเธอเลย
หากจะย้อนรอย คราวก่อนที่เห็นดูเหมือนจะยังอยู่ที่เด็กผู้หญิงคนนั้น!
เด็กผู้หญิงคนนั้น…
ราวกับว่าเขาถูกต่อยที่จุดหนึ่งในหัวใจทันที ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และการเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา