ลุงโอวได้ยนิแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขายื่นมือออกไปรับจดหมายมา
หลินเยว่เอ๋อร์นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา ดังนั้นเธอจึงยืดคอเล็กน้อยและมองเห็นชื่อบนซองจดหมาย
ตัวอักษรใหญ่ๆ สามตัวเขียนไว้อย่างชัดเจน ผู้รับคือกู้ซือเฉียน
กู้ซือเฉียน?
ที่แท้นี่คือชื่อของเขางั้นเหรอ?
หลินเยว่เอ๋อร์แอบรู้สึกว่าชื่อนี้ค่อนข้างคุ้นหู เหมือนสมัยตอนที่อยู่ในประเทศและเหมือนจะได้เห็นที่ไหนมาก่อน แต่กลับคิดไม่ออก
เมื่อเห็นว่าหลังจากได้รับจดหมายแล้วลุงโอวก็โบกมือให้พนักงานรักษาความปลอดภัยให้เขาลงไปแล้ว จึงหันศีรษะแล้วพูดกับหลินเยว่เอ๋อร์ “ผมมีธุระนิดหน่อย เชิญคุณหลินตามสบาย”
หลินเยว่เอ๋อร์พยักหน้าแล้วลุงโอวก็หันหลังแล้วเดินออกไป
หลังจากเขาออกไป หลินเยว่เอ๋อร์จึงได้แอบหยิบโทรศัพท์มือถือที่ลุงโอวให้คนเตรียมไว้ในห้องก่อนหน้านี้ ให้เธอใช้ชั่วคราว เธอจึงใส่ชื่อกู้ซือเฉียนในแถบค้นหาของเบราว์เซอร์
เมื่อใส่ชื่อเข้าไปก็มีข่าวโชว์ออกมามืดฟ้ามัวดิน
ทั้งหมดเป็นข่าวเกี่ยวกับสถานะของกู้ซือเฉียน
ในฐานะลูกนอกกฎหมายของตระกูลกู้ ลูกชายคนที่สามของกู้ฉางไห่ถูกพูดถึงในต่างประเทศมาโดยตลอด
การต่อสู้ระหว่างเขากับพี่ชายอีกสองคน ยิ่งถูกทุกคนมองว่าเป็นเหมือนละครฉากต่อสู้ฉากใหญ่ในตระกูลผู้มั่งมี ดังนั้นบนอินเทอร์เน็ตจึงมีข่าวของเขาอยู่จำนวนมาก
แน่นอนว่าข่าวเหล่านั้นมีทั้งจริงและไม่จริง นี่เรียกว่าเป็นความคิดต่าง
แต่เรื่องพวกนี้สำหรับหลินเยว่เอ๋อร์แล้วมันไม่สำคัญเลย
ที่สำคัญที่สุดคือกู้ซือเฉียน ลูกชายคนที่สามของตระกูลกู้ เธอรู้จัก!
ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้พอได้ยินชื่อนี้ทีไรก็รู้สึกคุ้นหูแบบนี้ทุกที ที่แท้ก็เขานี่เอง!
กล่าวได้ว่าหลินเยว่เอ๋อร์มีชื่อเสียงมากพอสมควรในประเทศ
พ่อของเธอ หลินกั๋วต้ง เป็นนักธุรกิจในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง จากการเก็งกำไรและเส้นสาย เขาได้พัฒนาไปจนถึงเมืองหลวง และก่อร่างสร้างตัวอย่างมั่นคง และถือได้ว่าเป็นตัวอย่างนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง
ในเมืองหลวงมีตระกูลผู้มั่งมีมากมาย แม้ตระกูลหลินจะพัฒนามาไกลแล้ว แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยควาหรูหรามั่งมีจึงไม่สามารถจะพูดได้ว่าพวกเขาเป็นตระกูลที่มั่งคั่ง
แต่ถึงแม้จะบอกว่าไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงมากๆ ได้ยินว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลใหญ่หลายตระกูล
สถานะลูกนอกสมรสของกู้ซือเฉียนก็ถูกลือไปทั่วเมืองหลวง คนตระกูลหลินย่อมรู้เรื่องนี้ดี
หลินเยว่เอ๋อร์ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ข่าวที่บอกว่าคุณชายสามกู้นั้นดุร้ายและหน้าตาน่าเกลียด แท้จริงแล้วจะหล่อได้ถึงขนาดนี้!
แต่นั่นคือตระกูลกู้เชียวนะ ถึงแม้เขาจะเป็นลูกนอกสมรส แต่ได้ยินว่าแม่ของเขาก็มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่ากู้ฉางไห่เป็นฝ่ายหลอกให้เธอตกหลุมรักและให้กำเนิดเขา ดังนั้นหากจะนับ เขาก็ไม่ถือว่าเป็นลูกนอกกฎหมายเสียทีเดียว
ยิ่งกว่านั้นทุกคนต่างก็รู้ว่าลูกชายคนโตและคนรองของตระกูลกู้เป็นพวกไม่เอาถ่านมาตลอด
ไม่อย่างนั้น กู้ฉางไห่คงไม่เรียกลูกชายคนที่สามที่ไม่เคยจะได้รับการเหลียวแลจากตนให้กลับมาจากต่างประเทศในระหว่างที่เกิดการแก่งแย่งชิงดีกันระหว่างตระกูลกู้กับตระกูลลู่
ไม่ใช่เพราะความสามารถของคุณชายใหญ่และคุณชายรองแห่งตระกูลกู้ที่ไม่สามารถรองรับเรือใหญ่ของตระกูลกู้ได้เลย
มีเพียงลูกชายคนที่สามนี้ที่ฉลาดเป็นกรด ฝีมือยอดเยี่ยม สไตล์และความสามารถส่วนตัวของเขา อย่าว่าแต่พี่น้องพ่อเดียวกันสองคนนั้น แม้แต่พ่อของเขาเองก็เทียบไม่ติด
คนในเมืองหลวงต่างคาดเดาว่ากุญแจประตูแห่งตระกูลกู้นี้จะตกอยู่ในมือของใคร
แน่นอนว่าเสียงที่ดังที่สุดคือกู้ซือเฉียน
ท้ายที่สุดทุกคนไม่ได้โง่ ถึงแม้ว่าคุณชายใหญ่และคุณชายรองจะเกิดมาพร้อมกับสถานะที่เหมาะสมกว่า แต่นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว มักจะบอกว่าไม่ว่าพระเอกจะมาจากไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง
ขอเพียงเป็นผู้ที่มีความสามารถนำพาหัวซื่อกรุ๊ปไปได้ไกลกว่าเดิม
และผู้ที่มีเข้มแข็งกว่าเท่านั้นที่จะต่อกรกระแสโจมตีจากตระกูลอื่นๆ ได้
ก่อนหน้านี้ตระกูลลู่กับตระกูลกู้นั้นต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในใจทุกคนรู้ดี หากไม่ใช่เพราะคุณชายกู้สามกลับประเทศเป็นการชั่วคราวและอาศัยเพียงแค่ไอ้ซื่อบื้อสองคนนั่น ตระกูลกู้คงถูกตระกูลลู่เล่นงานจนต้องออกจากสี่ตระกูลใหญ่ไปแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้กู้ซือเฉียนจึงไม่เป็นเพียงที่กล่าวขวัญถึงอย่างมาในเมืองหลวง หากแต่ยังคงเป็นที่เคารพมากๆ ในหมู่พนักงานของบริษัท
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพี่ชายทั้งสองจึงได้จงเกลียดจงชังเขา
แต่ที่คนพวกนั้นพูดล้วนเป็นเรื่องจริง ตนเองไม่มีความสามารถแบบนั้นจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจะเกลียดมันอยู่ในใจแต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้
นี่คือด้านที่สุดยอดของกู้ซือเฉียน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกแค่เพียงว่าในใจของเธอร้อนวาบ
จู่ ๆ เธอก็เกิดความคิดที่แสนจะกล้าหาญ
ถึงแม้จะเป็นเพียงความคิดจะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ยังไม่รู้ แต่ใจเธอกลับเต้นแรงเหมือนกลอง
เธอกลืนน้ำลายแล้วมองดูอาหารอันวิจิตรตระการตามากมายที่อยู่ตรงหน้าเธอ จิตใจของเธอก็สว่างขึ้นในทันใด
เธอเก็บโทรศัพท์มือถือและหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง
เธอบรรจงคีบอาหารจำนวนหนึ่งใส่ในชามเปล่า จากนั้นก็ตักน้ำซุป จากนั้นก็เรียกสาวใช้ให้หยิบถาดมาใส่อาหารและเดินออกไปด้านนอกพร้อมกัน
ปราสาทนั้นใหญ่มาก ตึกที่เธออยู่กับตึกที่กู้ซือเฉียนอยู่นั้นไม่ได้เชื่อมถึงกัน
เมื่อเดินไปได้ครู่หนึ่งก็เดินมาถึงที่ที่เขาอยู่
หลินเยว่เอ๋อร์พยายามอย่างมากที่จะระงับความตื่นเต้นแล้วถือถาดอาหารเดินเข้าไป
เมื่อถึงส่วนที่กู้ซือเฉียนอาศัยอยู่นั้นหรูหราและใหญ่กว่าส่วนที่เธออาศัยอยู่มาก
สามารถเรียกได้ว่าตกแต่งด้วยทั้งเงินและทองก็ได้
นี่ต้องรวยขนาดไหนถึงจะตกแต่งบ้านแบบนี้ได้?
หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นแต่ก็พยายามจะควบคุมอย่างเต็มที่ เธอถือถาดและพบคนรับใช้แล้วถาม: “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณกู้อยู่ไหนเหรอคะ?”
เรื่องที่หลินเยว่เอ๋อร์ถูกซื้อมานั้นมีเพียงลุงโอวที่รู้
ส่วนคนอื่นๆ ในปราสาทนั้นไม่รู้เรื่อง ดังนั้นจึงคิดว่าเธอคือผู้หญิงของกู้ซือเฉียน
เมื่อเห็นเธอจึงรีบทำความเคารพและหยุดทุกอย่างที่ทำอยู่แล้วยืนอยู่ด้านข้างและตอบ: “อยู่ห้องหนังสือข้างบนค่ะ”
หลินเยว่เอ๋อร์พยักหน้า
และพอใจเป็นอย่างมากกับทัศนคติของสาวใช้ที่มีต่อเธอ
มีความรู้สึกอิ่มเอิบอิ่มเอิบในใจ
ถึงแม้ว่าภายในประเทศ ตระกูลหลินจะถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวย มีพี่เลี้ยงและสาวใช้ แต่คุณภาพนั้นเทียบกับที่นี่ไม่ได้เลย
หลินเยว่เอ๋อร์ยิ่งรู้สึกมากขึ้นทุกทีว่า นี่อาจจะเป็นความโชคดีบนความโชคร้าย มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตของตัวเองเลยก็เป็นได้
เมื่อคิดตรงนี้เธอจึงถือถาดอาหารและยืดตัวตรงแล้วเดินไปห้องหนังสือที่ชั้นบน
สาวใช้มองดูด้านหลังของเธอและเปิดปากของเธอ พยายามจะหยุดเธอโดยไม่รู้ตัว
แต่เมื่อคิดถึงสถานะของเธอจึงได้หุบปากไปด้วยความลำบากใจ
ช่างเถอะ สุดท้ายแล้วเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่คุณชายพากลับมา เมื่อก่อนคุณชายเพียงแค่บอกพวกเธอไม่ให้เข้าห้องหนังสือ แต่ไม่เคยสั่งว่าไม่ให้คุณผู้หญิงคนนี้เข้าไป
ไม่แน่ว่าคุณชายเป็นคนบอกให้เธอมาเองก็ได้นะ!
เมื่อคิดแบบนี้สาวใช้คนนั้นจึงไม่ได้ออกปากห้ามแล้วหันกลับไปทำงานของตนเองต่อไป
แต่การที่เธอไม่ห้าม ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครห้าม
ลุงโอวเพิ่งส่งจดหมายที่ส่งมาให้กู้ซือเฉียน เขาเห็นหลินเยว่เอ๋อร์ถือถาดอาหารในมือและเดินวนไปวนมาทั่วโถงทางเดิน