ดังนั้นเมื่อคืนหล่อนจึงตัดสินใจแล้วว่า ถ้าหากว่าวันนี้มีโอกาส หล่อนจะมาตามหาลุงโอและขอโทษเขาแบบซึ่งๆ หน้า
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเยว่เอ๋อร์กระตุกยิ้มมุมปากเบา ๆ
หล่อนรีบตอบกลับไปอย่างรีบร้อนว่า “ลุงโอฉันไม่ได้มาหาคุณกู้หรอกค่ะ แต่ฉันมาหาคุณต่างหากล่ะคะ”
ลุงโอถึงกับตกตะลึง
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาไม่คาดคิด
“มาหาผม?”
“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ”หลินเยว่เอ๋อร์ตอบกลับไป จากนั้นหล่อนก็เอื้อมมือออกไปเพื่อที่จับแขนของ ลุงโอตามความเคยชิน แต่เขาก็หลีกเลี่ยงการกระทำนั้นอย่างเงียบๆ
ลุงโอก้าวถอยหลัง โค้งคำนับเล็กน้อย แล้วพูดออกไปว่า “คุณหลิน ผมเป็นแค่คนรับใช้ แต่คุณเป็นแขกของที่นี่ เพราะฉะนั้นโปรดให้เกียรติตัวเอง และอย่าทำให้ผมต้องลำบากใจเลยครับ”
มือของ หลินเยว่เอ๋อร์ที่ยื่นออกไปก็ถึงกับแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ
เดิมทีแล้วหล่อนก็ไม่ได้คิดอะไร เพียงเพราะหล่อนเห็นว่าลุงโอเป็นผู้ชายที่มีอายุแล้ว หล่อนจึงอยากจะเอาอกเอาใจเขา หล่อนจึงได้ทำสิ่งที่หล่อนมักจะทำกับปู่ย่าตายายของตัวเองออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
หล่อนอยากจะใช้ความใกล้ชิดทางกาย เชื่อมความสัมพันธ์ของหล่อนและเขาให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
ในความคิดของหล่อน ลุงโอมีสถานะและตำแหน่งหน้าที่ที่สูงเช่นนี้ เพราะอย่างนั้นเขาน่าจะแต่งงานแล้ว และหลานๆ ของเขาก็น่าจะอายุไม่ห่างกับหล่อนสักเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นถ้าหล่อนปฏิบัติตัวกับเขาดีๆ พูดจาอ่อนหวานกับเขาหน่อย บางทีเขาอาจจะให้อภัยหล่อนก็ได้
แต่หล่อนก็คิดไม่ถึงเลย เมื่อเมื่อสักครู่นี้หล่อนแค่อยากจะยื่นมือออกไปจับแขนของเขา เพื่อช่วยประคองเขาลงไปที่ชั้นล่างก็เท่านั้น
ถึงแม้ว่า ลุงโอจะดูมีกำลังวังชา แต่เขาก็อายุ 60 กว่า เกือบจะ 70 ปีแล้ว เพราะอย่างนั้นใครจะไปรู้ล่ะว่าคนเราจะตกบันไดตอนไหน?
แต่ปฏิกิริยาของเขาตอนนี้มันคืออะไร?
การถอย 90 ลี้แบบนี้ ราวกับว่าหล่อนเป็นโรคระบาดร้ายแรงอย่างไรอย่างนั้น เขารังเกียจหล่อนอย่างนั้นหรือ?
เขาดูถูกหล่อน หรือเขาคิดว่าหล่อนจะทำอะไรเขากันแน่?
ให้ตายเถอะ! ตาเฒ่าคนนี้ สมองมีปัญหารึไง?
แม้ว่าคนอย่าง หลินเยว่เอ๋อร์จะไร้ประโยชน์ และแม้ว่าหล่อนจะไม่สามารถอ่อยกู้ซือเฉียนได้ แต่หล่อนก็ไม่อ่อยตาเฒ่าอย่างเขาหรอก!
เขานี่มันคิดเองเออเองฝ่ายเดียวจริงๆ แล้วยังทำท่าทางถือตัวสูงส่งแบบนี้อีก จะทำให้ใครดูไม่ทราบ?
หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกโกรธมาก แต่หล่อนก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกไป
หล่อนทำได้เพียงแค่ดึงมุมปากของตัวเองเพื่อให้ตัวเองยิ้ม จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ลุงโอคุณกำลังคิดอะไรอยู่คะ? ฉันแค่เห็นว่าคุณอายุมากแล้ว และฉันก็รู้สึกเสียใจที่คุณทำงานหนักจนเกินไป เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยอยากจะประคองคุณลงไปชั้นล่าง หรือว่าคุณจะไปที่อื่นอย่างนั้นหรือคะ?”
แม้ว่าจะมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของหล่อน แต่ในแววตาของหล่อนมันก็แฝงไปด้วยความร้ายกาจ
เหอะ ไอ้เฒ่าไปตายซะเถอะ! กล้าดูถูกฉันอย่างนั้นหรือ?
ดูสิว่าฉันจัดการกับแกอย่างไร?
หล่อนจงใจพูดเน้นย้ำข้อความนี้ เห็นได้ชัดเลยว่า หล่อนต้องการทำให้ ลุงโอรู้สึกอับอาย
จากวิธีการพูดของหล่อน มันเหมือนกับว่าหล่อนนั้นใจคอกว้างขวางและตรงไปตรงมา อีกทั้งยังดูเป็นคนเปิดเผยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ ตรงข้ามกับ ลุงโอที่ดูมีจิตใจไม่ชอบธรรม เธอจึงทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนเพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย และทำให้ลุงโอดูเป็นคนใจแคบและหลงตัวเอง
แต่กลับกลายเป็นว่าลุงโอ เพียงแค่พยักหน้ารับเบา ๆ และพูดออกไปว่า “คุณหลินมีความเมตตากรุณาจริงๆ ผมอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้มาหลายสิบปีแล้ว แม้แต่ตอนที่ผมหลับตาผมก็ยังรู้เลยว่าบันไดขั้นไหนสูง หรือบันไดขั้นไหนต่ำ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องที่คุณหลินจะต้องกังวลเลย”
“แต่คุณหลินถึงแม้ว่าคุณจะเป็นแขกของที่นี่ แต่โดยปกติแล้วถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไร ทางที่ดีคุณอย่าออกมาเดินเพ่นพ่านไปมาเลยจะดีกว่านะครับ”
“อันที่จริง ผมก็ได้ยินมาว่าคุณมาจากครอบครัวใหญ่ เพราะฉะนั้นคุณก็ควรจะรู้กิริยามารยาทเมื่อมาเป็นแขกบ้านคนอื่นนะครับ อย่าทำให้ตระกูลหลินของพวกคุณต้องอับอายเลย
ทันทีที่ ลุงโอพูดประโยคนี้ออกมา ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของ หลินเยว่เอ๋อร์ก็แข็งทื่อในทันที
แม้ว่าน้ำเสียงของ ลุงโอจะอ่อนโยนอย่างมาก และทัศนคติของเขาก็ดูใจดี แต่ก็มีแค่หล่อนเท่านั้น ที่ฟังออกว่ามันมีการเยาะเย้ยถากถางแฝงอยู่ในนั้น
เขาเหน็บแนมหล่อนที่เป็นแขกแบบนี้ กินหัวไช้เท้าแล้วยังจะมาพะวงหลังอีกหรือ?
แล้วยังจะมาตำหนิหล่อนว่าไม่ควรเดินเพ่นพ่านไปมาอีกอย่างนั้นหรือ?
ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนจะมาขอโทษเขา หล่อนจะมาที่นี่ทำไมล่ะ? หรือว่าเมื่อวานกู้ซือเฉียนยังโกรธไม่พออีกรึไง?
เขาเป็นคนแบบไหนกัน!
จู่ๆหลินเยว่เอ๋อร์ก็รู้สึกหายใจไม่ออก
แต่เมื่อหล่อนต้องมาเผชิญกับท่าทีน้ำนิ่งไหลลึกของ ลุงโอมันก็เป็นเรื่องยากที่จะพูดอะไรออกไป
สุดท้าย หล่อนก็ทำได้เพียงแค่สูดอากาศหายใจเข้าไปด้วยความขับแค้นใจ
“แน่นอนว่า ฉันแค่อยากมาจะขอโทษคุณเพราะเรื่องการกระทำของฉันเมื่อวาน ในเมื่อตอนนี้คุณได้รับคำขอโทษของฉันแล้ว ฉันก็จะกลับแล้วล่ะค่ะ”
เมื่อพูดจบ หล่อนก็หมุนตัวและเดินออกไปทันที
ลุงโอไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน สายตาของเขาจับจ้องมองดูหล่อนเดินจากไป พร้อมกับใบหน้าที่สงบนิ่งตลอดเวลา
เมื่อเห็นว่าหล่อนเดินออกไปจากที่แห่งนี้แล้ว เขาก็ส่ายหัว และถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
หลินเยว่เอ๋อร์คนนี้…นี่จริงๆ เลย…
ถ้าจะบอกว่าหล่อนโง่ ความจริงหล่อนก็ไม่ได้โง่ อย่างน้อยหล่อนก็รู้ว่าหล่อนต้องมาขอโทษเขา ที่หล่อนทำให้เขาขุ่นเคือง
และหล่อนก็รู้ว่า กู้ซือเฉียนเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตหล่อนเอาไว้ และเขาก็เป็นคนที่จะทำให้หล่อนอยู่ต่อไปได้
แต่ถ้าจะบอกว่าหล่อนฉลาด หล่อนก็ไม่ได้ฉลาดมากขนาดนั้น
สุดท้าย คนที่มีความรอบรู้มากมายก็คือลุงโอ เพราะหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้เห็นคนที่เห็นแก่ตัวมากกว่าหลินเยว่เอ๋อร์มานักต่กนักแล้ว
แต่เขาไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน หล่อนกล่าวคำขอโทษออกมาราวกับว่ามันน่าภาคภูมิใจ อีกทั้งยังมีอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อยของหล่อน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เมื่อเขาคิดไปถึงภูมิหลังครอบครัวของ หลินเยว่เอ๋อร์เขาก็เข้าใจได้
หล่อนคงจะเป็นคุณหนูที่ถูกครอบครัวตามใจจนเคยตัว และมีความฉลาดไม่น้อย
ตั้งแต่เล็กจนโต คนรอบข้างหล่อนก็มักจะตามใจหล่อนอย่างไม่ขัดขืน หล่อนอยากจะให้ลมพัด ลมก็ต้องพัด หรือหล่อนอยากจะให้ฝนตก ฝนก็ต้องตก
แม้ว่าหล่อนจะทำอะไรผิด หล่อนก็จะไม่ขอโทษคนอื่น
มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยจริงๆ เพราะตอนที่หล่อนขอโทษ หล่อนก็แค่พูดออกมาส่งๆ อีกทั้งมันยังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ไม่สำคัญเลยว่าคนอื่นจะฟังหรือไม่ เพราะนั้นก็ถือว่าหล่อนได้พูดออกไปแล้ว และถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่ให้อภัย หล่อนก็จะถือว่านั่นเป็นความผิดของคนอื่น
หล่อนก็เป็นเหมือนกับดอกไม้ในเรือนกระจกที่ถูกประคบประหงมและตามใจ
ลุงโอเป็นคนที่เห็นคลื่นลมมามาก และปกติแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจหล่อนเท่าไหร่นัก
เพราะอย่างนั้น เขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และเตรียมพร้อมที่จะเดินออกไป
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ประตูห้องหนังสือที่อยู่ด้านหลังเขาก็เปิดออก
เขาสะดุ้งตกใจ เมื่อเขาหันหลังกลับไป เขาก็เห็นว่ากู้ซือเฉียนออกมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้
กู้ซือเฉียนมีรูปร่างสูงใหญ่ เขาสูงประมาณ 1.87 เมตรเห็นจะได้ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงขายาว โครงหน้าของเขาคมเข้มเป็นสันชัดเจน มันดูแข็งแกร่ง อีกทั้งยังหล่อเหลา
ลุงโอสะดุ้งตกใจ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงสายตาของกู้ซือเฉียน เขาขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นเขาก็รีบเดินเข้าไปหากู้ซือเฉียนทันที
“คุณชาย”
กู้ซือเฉียนเหลือบตามามองที่เขา
หลังจากนั้นเขาก็มองตรงไปที่บันได และถามออกไปว่า “คนเมื่อกี้เป็นใคร?”
เมื่อได้ยินคำถามนั้น สีหน้าของลุงโอก็เปลี่ยนไปทันที
ลุงโอคิดว่าเพราะหลินเยว่เอ๋อร์มาส่งเสียงดังที่นี่เมื่อสักครู่นี้ เสียงของหล่อนลอยดังไปมา นั่นจึงไปรบกวนเขา
ดังนั้นลุงโอจึงรีบพูดอธิบายออกไปว่า “คุณชายครับ ผู้หญิงคนเมื่อกี้คือคุณหลินหล่อนบอกว่าเมื่อวานหล่อนทำให้ผมขุ่นเคืองใจ เพราะอย่างนั้นวันนี้หล่อนจึงมาขอโทษผม”
กู้ซือเฉียนขมวดคิ้วเป็นปมอย่างนึกไม่ถึง
เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ความรังเกียจและการดูถูกมันก็เพิ่มมากยิ่งขึ้นในสายตาของเขา
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป เพียงแค่พูดออกคำสั่งไปว่า “หลังจากนี้ถ้าฉันไม่ได้สั่ง ก็อย่าให้หล่อนมาที่นี่อีก”
“ครับ”
“แล้วก็ บอกหล่อนด้วยว่า ถ้าหล่อนต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ทางที่ดีหล่อนก็ควรที่จะอยู่เงียบๆ ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาโทษที่ฉันเสียมารยาท!”