“ครับ”
ลุงโอรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของเขา หัวใจของเขาถึงกับสั่นไหว เขาจึงรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วด้วยน้พเสียงสุภาพ
หลังจากที่กู้ซือเฉียนออกคำสั่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็หมุนตัวกลับ แต่แทนที่เขาจะกลับเข้าไปในห้องสมุด เขากลับเดินไปหยิบเสื้อคลุมมา และเดินออกไปด้านนอก
ลุงโอตกใจ และถามออกไปว่า “คุณชาย จะออกไปข้างนอกหรือครับ?”
“อือ”
เขาตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็พูดออกไปว่า “สั่งให้คนไปเตรียมรถ ฉันจะออกไปข้างนอก”
ลุงโอรู้สึกงุนงง จากนั้นเขาก็รีบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “ครับ”
รถโรลส์รอยซ์สีดำขับออกไปจากประตูใหญ่ของปราสาท
ภายในปราสาท ห้องพักแขกที่อยู่ทางปีข้างของตัวอาคาร
หลินเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่บริเวณหน้าต่าง เธอมองดูรถคันหรูที่กำลังเคลื่อนที่ออกไปผ่านกล้องส่องทางไกล พร้อมกับเหยียดยิ้มเย็น
เธอวางกล้องส่องทางไกลในมือลง จากนั้นก็เคาะนิ้วของตัวเองบนขอบหน้าต่างสองครั้ง แล้วกัดฟันแน่น
กู้ซือเฉียน คุณแสร้งทำเป็นถือตัวสูงส่งใช่ไหม?
คุณไม่ล่วงเกินผู้หญิงและมีจิตใจที่แน่วแน่แบบนี้ คุณไม่ชอบใกล้ชิดกับผู้หญิงอย่างนั้นหรือ?
ฉันอยากจะรู้ว่า คุณเป็นหลิ่วเซี่ยฮุ่ยจริง ๆ หรือเปล่า เพราะไม่ว่าฉันจะหว่านล้อมคุณอย่างไร คุณก็ไม่หลงกลเลย!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็หันหลัง และเดินออกไป
ตอนนี้สาวใช้ของเธอก็คือเสี่ยวถาวก่อนหน้านี้หล่อนได้รับคำสั่งจากเธอให้มาที่นี่ และให้มายืนรอเธออยู่ที่ด้านนอกประตู
และในตอนนี้เอง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก หล่อนมองไปที่ หลินเยว่เอ๋อร์ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า จากนั้นหล่อนก็ถามเธอออกไปว่า “คุณหลิน คุณเรียกให้ฉันมารอคุณที่นี่ คุณอยากจะให้ฉันทำอะไรหรือคะ?”
หลินเยว่เอ๋อร์มองไปที่หล่อน จากนั้นก็ยิ้มเย้ยหยันออกมา
“แน่นอนว่าเธอต้องช่วยฉัน…ทำเรื่องใหญ่”
ขณะที่เธอพูด ดวงตาของเธอ ก็ทอประกายความดุดันออกมา
หลังจากนั้น เธอก็ทิ้งน้ำหนักลงไปบนรองเท้าส้นสูง และเดินออกไป
เสี่ยวถาวมองตามแผ่นหลังของเธอที่เดินออกไป ด้วยความมึนงง
แต่หล่อนก็เป็นเพียงแค่สาวใช้คนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกู้ซือเฉียน หรือ หลินเยว่เอ๋อร์พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นเจ้านายของหล่อน
เรื่องของพวกเขา หล่อนไม่รู้เลยแม้แต่น้อย และยิ่งไปกว่านั้นหล่อนก็ไม่กล้าที่จะพูด และถามอะไรเช่นกัน
ดังนั้น หล่อนจึงทำได้แค่ทำตามคำสั่งของพวกเขาเท่านั้น
และในเวลานี้ อีกด้านหนึ่ง
ที่หน้าประตูเรือนจำ
“95201 ได้รับการปล่อยตัวให้ออกจากคุก หลังจากได้รับโทษ!”
ประตูเหล็กที่อยู่ด้านหลังของเธอส่งเสียงดังออกมาอย่างชัดเจนเมื่อมันกระทบกัน เฉียวฉีไม่ได้หันหลังกลับไปมองมันเลยแม้แต่น้อย ผมสั้นปราดเปรียวของเธอมันรับกับใบหน้าขาวซีดและเรียวยาวของเธอ เธอก้าวเดินออกจากประตูเรือนจำพร้อมกับรอยยิ้มทีละก้าวๆ
ดูเหมือนว่าวันนี้อากาศจะดีเป็นพิเศษ มีลมพัดเบาๆ ในฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งท้องฟ้าก็ยังแจ่มใส
ลมพัดผ่านต้นกุ้ยฮวาต้นหนึ่งที่อยู่บริเวณริมถนน ทำให้กุ้ยฮวาสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ร่วงหล่นลงมากองใหญ่ ด้วยกลิ่นหอมของมันทำให้เหมือนกับว่าแม้แต่สายลมก็ยังมีกลิ่นหอมอบอวล
มีเด็กสาวอายุประมาณ 17 หรือ 18 ปี รูปร่างสูงโปร่งกำลังยืนพิงต้นกุ้ยฮวาอยู่ หล่อนสวมแจ็กเกตหนังสีดำและกระโปรงสั้น
เธอเห็นหล่อนกำลังก้มศีรษะลงเพื่อหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดบุหรี่ที่อยู่ในปากของหล่อน
น่าจะเป็นเพราะเสียงจากประตูเหล็กที่ทำให้หล่อนสะดุ้งตกใจ หล่อนคีบบุหรี่ที่อยู่ในปากออกและเงยศีรษะขึ้น นั่นจึงทำให้หล่อนเห็นหญิงสาวที่กำลังเดินออกจากประตูเรือนจำอย่างช้าๆ
“พี่!”
เด็กสาวถึงกับตัวสั่น และบุหรี่ในมือของหล่อนก็ตกลงไปบนพื้น
วินาทีต่อมา หล่อนก็รีบวิ่งเข้าไปหา และโหมตัวเข้าในอ้อมกอดของ เฉียวฉี
“พี่ ในที่สุดพี่ก็ได้ออกมา!”
เธอเห็นเพียงแค่ดวงตาที่แดงก่ำของหล่อน ร่างกายของหล่อนสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น และเสียงของหล่อนก็สะอึกสะอื้นฟังไม่ได้ศัพท์
“พี่รู้ไหม ฉันคิดว่าหลังจากนี้ฉันจะไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว แต่ตอนนี้พี่ออกมาแล้ว มันดีมาก มันดีมากจริงๆ ”
ผู้หญิงคนนี้คือ ถังชีชีหล่อนเป็นน้องสาวต่างมารดาของ เฉียวฉี
เฉียวฉีโอบกอดหล่อนไว้ครู่หนึ่ง ด้วยความมึนงง
ในความทรงจำของเธอ เหมือนว่าถังชีชีจะตัวเล็กมาก เพราะสุขภาพของหล่อนไม่ดีมาตั้งแต่เด็กๆ บวกกับการเลือกกินของหล่อน และถึงแม้ว่าหล่อนจะได้อายุ 13 หรือ 14 ปี แต่หล่อนก็ยังดูผอมและตัวเล็กมาก
และเมื่อมองแวบแรกมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับคนขาดสารอาหาร
แต่เธอกลับไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงสี่ปี เด็กที่ดูขาดสารอาหารในตอนนั้น ตอนนี้จะมีร่างกายที่สูงโปร่งขนาดนี้แล้ว!
หล่อนกลายเป็นหญิงสาวร่างกายสูงโปร่งสะโอดสะองไปแล้ว!
มุมปากของเธอยกขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว ส่วนริมฝีปากของเธอก็เปิดขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พูดออกไปว่า “ฉันสบายดี เธออย่าตื่นเต้นมากเกินไปสิ”
แต่ถึงอย่างนั้น ร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ ก็ยังคงสั่นเทาเล็กน้อย
หลังจากที่ผ่านไปเนิ่นนาน หล่อนก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หล่อนเงยศีรษะขึ้น และดันกายออกจากอ้อมกอดของเธอ
ขณะที่เช็ดน้ำตา หล่อนก็ร้องไห้และพูดออกไปด้วยรอยยิ้มว่า “ดูฉันสิ ฉันทำให้เสื้อพี่เปื้อนหมดเลย ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่ได้เจอพี่มานานมากแล้ว ฉันดีใจมากเลย”
หล่อนชะงักไป จากนั้นก็พูดต่อไปอีกว่า “พี่ พี่กลับบ้านกับฉันนะ หลังจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน และเราจะไม่แยกจากกันไปไหนอีก ตกลงไหม?”
หลังจากที่หล่อนพูดจบ หล่อนก็มองมาที่เธออย่างมีความหวัง
แต่ถึงอย่างนั้น เฉียวฉีก็ไม่ได้ตอบตกลงแต่อย่างใด
เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย หันหน้าหนี และมองไปที่ริมถนนที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
เนื่องจากที่ตั้งของเรือนจำแห่งนี้ค่อนข้างห่างไกล เพราะอย่างนั้น ถนนบริเวณนี้จึงไม่มีรถผ่านไปผ่านมามากนัก
แต่ในเวลานี้ บริเวณใต้ต้นสนริมถนน กลับมีโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่
ตัวรถสีดำจอดอยู่บริเวณใต้ร่มเงาของกิ่งก้าน แสงแดดสีทองสาดส่องประกายระยิบระยับ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันกลับเน้นย้ำถึงความหนาวเหน็บ
เธอมองไปที่รถคันนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ากลับมา
สายตาของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าของ ถังชีชีอีกครั้ง เธอไม่ได้พยักหน้าตอบรับแต่อย่างใด เพียงแค่ยิ้มจาง ๆ เท่านั้น
เธอจับมือของ ถังชีชีมากุมไว้ จากนั้นก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พี่มีที่อยู่แล้วล่ะ”
ถังชีชีตกใจ
หล่อนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “พี่เพิ่งจะได้รับการปล่อยตัวออกมา พี่ไม่มีเงินติดตัวเลย พี่ก็ไม่มีเพื่อน แล้วพี่จะไปอยู่ที่ไหน?”
เฉียวฉียิ้มตอบกลับไป
เหมือนว่าเธอจะยิ้ม แต่ถ้ามองดูใกล้ๆ แล้ว คุณจะพบว่าในดวงตาของเธอนั้นไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย อีกทั้งมันยังติดจะเย็นชาหน่อยๆ ด้วยซ้ำ
เธอพูดออกไปเบาๆ ว่า “ยัยน้องโง่ ถึงแม้พี่สาวของเธอจะไม่มีเพื่อน แต่สองมือสองเท้าของฉันก็ยังดีอยู่ ฉันสามารถหาที่อยู่ได้ ถ้าฉันต้องการ “
ราวกับว่าเธอไม่อยากจะถูกเกลี้ยกล่อมอะไรอีกต่อไป เธอจึงตัดบทสนทนาและพูดออกไปตามตรงว่า “และยิ่งไปกว่านั้น คุณอาถังอาจจะไม่เห็นด้วยที่ฉันกลับไป ถ้าฉันไปกับเธอ นอกจากฉันจะสร้างปัญหาให้เธอแล้ว มันก็จะทำให้ชีวิตของเราลำบากมากยิ่งขึ้นไปอีก เธอเข้าใจฉันใช่ไหมว่า ฉันไม่ชอบความรู้สึกที่จะต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่น”
คำพูดนี้ค่อนข้างที่จะตรงไปตรงมา
แต่ถังชีชีก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธมันได้
เพราะคำพูดที่ เฉียวฉีพูดมานั้นมันก็เป็นเรื่องจริง
คุณอาถังที่เธอพูดออกมานั้นคือพ่อเลี้ยงของเธอ และเขาก็เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของ ถังชีชีนับตั้งแต่ที่แม่ของ เฉียวฉีแต่งงานเข้าไปในตระกูลถัง คุณพ่อถังก็ไม่เคยชอบลูกติดคนนี้ที่แม่ของเธอพามาด้วยเลยแม้แต่น้อย เขามักจะทุบตีและดุด่า เฉียวฉีอยู่เสมอๆ
ตอนที่ เฉียวฉียังเป็นเด็ก เธอก็ยังไม่รู้ว่าเธอจะรับมือกับมันอย่างไร และเธอก็ต้องทนรับความทุกข์นั้นจากเขา
แต่ในตอนนั้นมันก็ยังดี เพราะส่วนมากเขาก็แค่ดุด่าว่ากล่าวเธอ หรือทำให้เธอตกใจกลัวก็เท่านั้น
แม้ว่าเธอจะไม่ชอบมัน แต่ก็มีบางครั้งที่เขาตีเธอสองสามครั้ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณแม่เฉียวเขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันเกินเลย
แต่หลังจากนั้น ธุรกิจของตระกูลถังก็พังทลายลง เนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้
เขาได้ยินจากเพื่อนบ้านว่า เป็นเพราะ เฉียวฉีไม่ระวังเผลอหลับไปขณะช่วยดูอาหารบนเตา จึงทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้น
คุณพ่อถังโกรธมาก ในตอนนั้นเขาจับเธอ และทุบตีเธออย่างหนัก
โชคดีที่ไฟไม่ได้รุนแรงมาก จึงสามารถควบคุมมันได้อย่างรวดเร็ว และก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายมากนัก
เพราะอย่างนั้น เฉียวฉีจึงไม่ได้ถูกเขาขับไล่ให้ออกไปจากบ้าน
แต่เพราะเหตุการณ์นั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรื่องนี้จึงได้ปลูกเมล็ดพันธุ์อคติไว้ในใจของ คุณพ่อถังว่าเขาจะมอง เฉียวฉีอย่างไร และนั่นจึงทำให้เขาคิดว่าเธอเป็นตัวซวยที่นำโชคร้ายมาให้