และเมื่อบวกกับ คำยั่วยุของพี่สาวน้องสาวและญาติพี่น้องของคุณพ่อถังแล้ว มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่า สาเหตุที่ครอบครัวของเขาต้องมาลำบากเช่นนี้ สาเหตุมันก็มาจากลูกติดคนนี้
และการที่ไม่มีเธออยู่ในบ้านมันก็คงจะดี!
ความคิดนี้ ฉายแวบเข้ามาในใจของคุณพ่อถังมากกว่าหนึ่งครั้ง เพียงแต่เขาจะกล้าหรือไม่กล้าทำก็เท่านั้น
และมีอยู่ครั้งหนึ่ง มีข่าวลือว่ามีพวกค้ามนุษย์เริ่มเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ คนพวกนี้มักจะลักพาตัวเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปีไปขาย
ครอบครัวไหนที่มีเด็ก เมื่อได้ยินข่าวลือนี้ พวกเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่อันตราย
พวกเขาจึงดูแลเด็กๆ เข้มงวดมากขึ้นไปอีก เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
แต่ข่าวนี้สำหรับคุณพ่อถังแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะทำให้ตาของเขาเป็นประกายมากแค่ไหน ก็เพราะมันเป็นโอกาสสำหรับเขา
และกลอุบายนั้น มันก็ได้ปรากฏออกมา
ในเช้าวันนั้น พ่อเลี้ยงที่มักจะพูดจารุนแรงกับเธอมาโดยตลอด จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนไปและใจดีกับเธอ
เขาเดินมาหาเธอ และถามเธอว่าอยากไปเที่ยวในอำเภอไหม นอกจากนี้ เขาก็ยังบอกอีกว่าที่นั่นมีอาหารอร่อยๆ เยอะมาก และเขาก็ซื้อลูกอมให้เธอด้วย
ในตอนนั้นเฉียวฉีอายุเพียงแค่ 8 หรือ 9 ขวบเท่านั้น และเธอก็อยู่ในวัยที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งรอบตัว
อีกทั้งยังมีลูกอมให้กิน…
ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่ตระกูลถังเธอก็จำไม่ได้แล้วว่า เธอไม่ได้กินลูกอมมานานแค่ไหนแล้ว
เฉียวฉีตอบตกลงในทันที และแม้แต่แม่ของเธอ เธอก็ไม่ได้บอกหล่อนเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่คุณพ่อถังพาเธอไปที่อำเภอ เขาก็บอกให้เธอรออยู่ที่นั่น โดยที่เขาบอกกับเธอว่าเขาจะไปซื้อลูกอมมาให้เธอ
เธอเป็นเด็กที่มีมารยาทและเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก เมื่อเธอเห็นก้อนหินก้อนหนึ่งบริเวณนั้น เธอจึงเดินไปนั่งรอที่นั่น
แต่รอแล้วรอเล่า หลังจากที่รอมานานคุณพ่อถังก็ไม่กลับมา
ไม่นานท้องฟ้าก็เริ่มมืด เฉียวฉีผู้เฉลียวฉลาด ก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
ดูเหมือนว่าตัวเองจะถูกทิ้งซะแล้ว
พ่อเลี้ยงคงจะไม่กลับมาแล้ว เพราะเขาเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ และเขาก็คิดว่าถ้าเธอตายอยู่ข้างนอกนี่ก็คงจะดี แบบนี้เขาก็จะได้ไม่ต้องมีภาระที่จะต้องมารับผิดชอบ และเขาก็จะได้ไม่ต้องมีลูกติดที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเขา
เพราะอย่างนั้น เขาถึงใจดีมากกับเธอขนาดนั้น เขาพาเธอมาเที่ยวที่อำเภอแล้วยังจะซื้อลูกอมให้เธออีกอย่างนั้นใช่ไหม?
ทุกวันนี้ เฉียวฉีก็ลืมเหตุการณ์นั้นไปนานแล้ว ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร
เธอจำได้เพียงแค่ว่า หลังจากที่ตัวเองค้นพบความจริงนั้นแล้ว เธอก็ใช้เวลาทั้งคืนเดินกลับไปที่บ้าน
ด้วยความมานะอุตสาหะและความทรงจำอันน่าทึ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเด็ก เธอจึงเดินจากอำเภอกลับไปที่บ้านโดยอาศัยเส้นทางในความทรงจำ
เธอเดินทั้งวันทั้งคืน และกลับมายืนอยู่ที่ประตูบ้านของเธออีกครั้ง คุณแม่เฉียวแทบจะทรุดเพราะข่าวการหายตัวไปของเธอ หล่อนถึงกับคลั่งและพยายามตามหาตัวเธอทั่วทั้งเมือง
ทางด้านของคุณพ่อถังเพราะเขาคิดว่าเธอเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่มีทางที่เธอจะกลับมาที่บ้านด้วยตัวเองได้อย่างแน่นอน และเธอก็อาจจะถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไปแล้วก็ได้
และเขาก็คิดว่าหลังจากที่คุณแม่เฉียวตามหาตัวเธอไปพักหนึ่งแล้ว เขาก็รู้ว่าถ้าหล่อนหาตัวเธอไม่เจอ หล่อนก็คงจะล้มเลิกไป
ดังนั้นเขาจึงนอนรออยู่ที่บ้านด้วยความมั่นใจ
ในตอนที่เธอกลับมาคุณพ่อถังยังไม่ตื่น
เมื่อเขาได้ยินเสียงคนทุบประตู “ปัง ปัง” อยู่ด้านนอก เขาก็คิดว่าเป็นคุณแม่เฉียวที่กลับมาหลังจากที่ออกไปตามหาเธอ
เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างไม่สบอารมณ์ และเมื่อเขาเห็นร่างเล็กๆ ยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาก็สะดุ้งตกใจ
ในวินาทีถัดมา ถังใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยมูลสัตว์กลิ่นเหม็นก็ถูกสาดใส่เขา
คุณพ่อถังได้รับการต้อนรับด้วยน้ำมูลสัตว์ เขารีบตอบสนองทันที โดยการเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะจับตัวเธอไว้ และในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มตะโกนด่าทอออกไปยกใหญ่
แต่ เฉียวฉีเตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะอย่างนั้นเขาจะจับตัวเธอได้อย่างไร?
เธอใช้ประโยชน์จากช่องว่างระหว่างร่างกายของเขาและเธอขณะที่เขาเผลอ จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไถลลื่นออกไป ราวกับปลาไหลตัวเล็กๆ
คุณพ่อถังโกรธมากเมื่อเห็นว่าเธอหนีออกไปได้ และเขาก็จับตัวเธอไว้ไม่ได้ จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่เธอออกไปด้วยความโกรธ
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าเขาจะโกรธมากแค่ไหน แต่มันก็ไร้ประโยชน์
เพราะ เฉียวฉีหนีออกไปได้แล้ว เธอยืนอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่นัก เธอมองมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นเธอก็พูดกับเขาออกไปว่า “คุณรู้รึเปล่าว่า การจงใจละทิ้งเด็กและผู้สูงอายุเป็นความผิดโทษฐานละเลย ฉันสามารถไปฟ้องศาลได้! และพอถึงตอนนั้นมันจะทำลายคุณ ทำให้คุณสิ้นเนื้อประดาตัว และคุณก็ไม่ไม่เหลืออะไรเลย!”
คุณพ่อถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าเขาคิดไม่ถึงว่า เธอจะพูดคำพูดพวกนี้ออกมา
ทันทีหลังจากนั้น ความโกรธของเขาก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ
“นังเด็กสารเลว แกกำลังพูดเรื่องอะไร? จงใจละทิ้งอะไร? ฉันให้เงินแก เลี้ยงดูแก ให้อาหารและเสื้อผ้ากับแก แกจะฟ้องฉันอย่างนั้นหรือ? ฉันว่าแกนั่นแหละที่จะแพ้คดี! “
หลังจากที่พูดจบ เขาเดินไปหยิบไม้เรียวเพื่อที่จะเอามาตีเธอ
เฉียวฉีเปล่งเสียงเยาะเย้ยออกมา จากนั้นเธอก็หันหลังและวิ่งออกไป
บนตัวของคุณพ่อถังเต็มไปด้วยน้ำมูลสัตว์ หลังจากที่เขาไล่ตามไปได้ไม่นาน ร่างกายของเขาก็ส่งกลิ่นเหม็นออกมาทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตามท้องถนนแทบจะหายใจไม่ออก
เขาต้องกลับไปล้างตัวที่บ้านแล้วค่อยออกมาใหม่ ไม่อย่างนั้นถนนเส้นนี้มันจะต้องเต็มไปด้วยน้ำมูลสัตว์แน่ๆ แล้วอย่างนี้ใครจะไปทนได้ล่ะ?
คุณพ่อถังกระทืบเท้าปึงปัง!
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก คนอ่อนแอสู้คนที่แข็งแกร่งไม่ได้ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่สามารถเมินเฉยต่อสายตาของคนอื่นได้ เขาจึงต้องกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่ถ้ารอให้เขาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แล้วค่อยออกมาใหม่ เฉียวฉีก็คงจะหนีหายไปแล้ว
กระทั่งเย็น คุณแม่เฉียวที่วิ่งเต้นไปมาทั้งวัน ก็มาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้าน
หลังจากที่ เฉียวฉีสอนบทเรียนให้คุณพ่อถังแล้ว เธอก็ไปตามหาแม่ของเธอ
และในที่สุดพวกเธอก็ได้พบกัน สองแม่ลูกโผเข้ากอดกันและร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
จากนั้นคุณแม่เฉียวก็ถามเธอออกไปว่า สองวันที่ผ่านมานี้เธอไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมหล่อนไปตามหาตัวเธอที่ไหนก็หาไม่เจอ เธอจึงบอกความจริงกับหล่อนไป
ตอนแรกเธอคิดว่า คุณแม่เฉียวรักเธอ และหล่อนก็คงจะรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก และถึงขั้นหย่าขาดกับคุณพ่อถังและพาเธอหนีไป
แต่ไม่เลย
หลังจากที่คุณแม่เฉียวได้ฟังเรื่องทุกอย่างจบแล้ว แม้ว่าหล่อนจะรู้สึกตกใจและโกรธมากแค่ไหน แต่หลังจากนั้นไม่นานหล่อนก็นิ่งเงียบไป
เฉียวฉีไม่รู้เลยว่าทำไมหล่อนถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จนกระทั่งหล่อนพาเธอไปรับประทานอาหารเย็นที่หมู่บ้านหล่อนยื่นมือมาจับมือของเธอ แล้วนำมันไปวางไว้บนหน้าท้องของหล่อน และบอกถึงสาเหตุออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นั่นจึงทำให้เธอเข้าใจ
ความจริงแล้วคุณแม่เฉียวกำลังตั้งครรภ์
หล่อนจึงไม่มีทางเลือกอื่น หล่อนไม่อยากที่จะทิ้งเด็กคนนี้ และครอบครัวนี้ เพื่อ เฉียวฉี
ดังนั้น หล่อนจึงพยายามเกลี้ยกล่อม เฉียวฉีเพื่อให้เธอให้อภัย
ให้เธอยอมยกโทษให้กับพ่อเลี้ยงสำหรับสิ่งที่เขาทำ เพื่อหล่อน และเพื่อน้องชายหรือน้องสาวของเธอที่อยู่ในท้องของหล่อน
จากคำพูดของคุณแม่เฉียว ไม่มีทางที่ครอบครัวจะเกลียดชังกันในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน ถึงแม้ว่าครั้งนี้พ่อเลี้ยงจะทำผิดจริง แต่พวกเธอก็ไม่สามารถที่จะละทิ้งครอบครัวนี้ เพราะเรื่องนี้ได้
เฉียวฉีถึงกับตกตะลึง
แม้ว่าเธอจะฉลาด แต่เธอก็ยังเด็กมากในเวลานั้น
เธอคิดอย่างไร้เดียงสาว่า แม่ของเธอ รักเธอมากที่สุด
เธอคิดว่า แม่ของเธอสามารถละทิ้งทุกอย่างได้เพื่อเธอ เช่นเดียวกับเหล่าบรรดามารดาผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่ถูกเขียนเอาไว้ในหนังสือ
แต่เมื่อความจริงได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็ตระหนักได้ว่า ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย
หล่อนก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่ง ไม่มีความสามารถอะไร และหล่อนก็ต้องการเพียงแค่ผู้ชายที่จะมาดูแลผู้หญิงที่ไร้หนทาง และความสามารถอย่างหล่อน
หล่อนไม่มีทางเลือก เพราะตัวหล่อนนั้นไม่ได้สิ่งของมีค่าอะไรติดตัวเลย หล่อนจะยืดยกพา เฉียวฉีและเด็กในท้องของหล่อนไปได้อย่างไร
หล่อนมีความคิดแบบเดิมๆ และก็ไม่มีทางที่จะทำให้หล่อนเชื่อได้เลยว่า แม้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะไม่มีสามี หรือจะไม่ได้แต่งงาน ผู้หญิงคนนั้นก็ยังสามารถมีชีวิตที่ดีได้ จากการทำงานอย่างหนักด้วยสองมือของตัวเอง
หล่อนเชื่อในหลักการที่ว่า สามคล้อยตาม สี่คุณธรรม หล่อนเชื่อว่าผู้หญิงจะต้องอดทน เชื่อใจ และเรียนรู้ที่จะให้อภัยผู้อื่น
แต่ เฉียวฉีให้อภัยไม่ลงจริงๆ