ที่แห่งนั้น เธอได้พบกับคนที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของเธอ
นั่นมันเป็นการพบกันแบบไหนกันนะ?
พอมาคิดๆ ดูแล้ว บอกได้คำเดียวเลยว่า มันธรรมดามาก ไม่มีฉากอะไรพิเศษ และก็ไม่มีการแสดงอะไรพิเศษ และยิ่งไปกว่านั้นมันก็ไม่ฐานะหรือกลิ่นอายพิเศษอะไรเลยด้วย
เธอเห็นว่า ในสวนหลังบ้านเต็มไปด้วยต้นองุ่น มีเด็กชายอายุประมาณ 11 หรือ 12 ปี นั่งอยู่ใต้ต้นสวนองุ่นนั้น เขาถือหนังสือไว้ในมือ และอ่านมันอย่างตั้งอกตั้งใจ
เขาสวยมาก และแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กผู้ชาย แต่เขาก็ยังดูสวยและงดงามไม่แพ้ผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย
ตากลมโต ขนตางอนยาว ผิวขาวราวกับหยกเนื้อแกะเนื้อละเอียด
สวมเสื้อสูทตัวเล็กที่ดูเฉียบคมและประณีตเป็นอย่างมาก ส่วนเท้าของเขาก็ถูกสวมไว้ด้วยรองเท้าหนังคู่เล็กทั้งสองข้างที่มีสีเดียวกัน ผมของเขาก็ถูกจัดเซ็ตเอาไว้อย่างพิถีพิถัน และแม้แต่ท่าทางในการอ่านหนังสือของเขามันก็ยังดูแตกต่างจากเด็กทั่วไป ราวกับแสร้งทำเป็นผู้ใหญ่
เฉียวฉีถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
เมื่อรู้สึกถึงการมาของใครบางคน หนุ่มน้อยจึงวางหนังสือลง จากนั้นก็เงยศีรษะขึ้น
ดวงตาคู่นั้นเยือกเย็นและสงบนิ่ง เหมือนกับไม่กินดอกไม้ไฟของหมนุษย์ และเหมือนกับทะเลสาบบนภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ทันใดนั้นเองมันก็ได้แทรกซึมเข้ามาในหัวใจของเธอ
เฉียวฉีคิดว่า ทั้งชีวิตนี้ของเธอ เธอคงไม่มีทางลืมการพบกันครั้งนี้อย่างแน่นอน
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในสวนท่านผู้อำนวยการก็แนะนำเธอออกไปอย่างกระตือรือร้นว่า “มา ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จัก เขาเป็นลูกศิษย์ของฉันเอง ชื่อว่าอะเฉียนหลังจากนี้เธอก็เรียกเขาว่าพี่เฉียนนะ”
จากนั้นเขาก็หันไปพูดแนะนำกับกู้ซือเฉียนว่า “หล่อนชื่อว่า เฉียวเคอหลังจากนี้ต่อไป หล่อนคือหลานสาวของฉัน ส่วนเธอคือพี่ชายของหล่อน ดูแลน้องสาวดีๆ นะ อย่ารังแกหล่อน เข้าใจไหม?”
คุณชายที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่แม้แต่จะพยักหน้า ส่ายหัว หรือตอบรับเลยแม้แต่น้อย
เขาทำเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาอายุแค่ 11 หรือ 12 ปี แต่ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของเขา ทำให้เขาดูเหมือนกับชายชราที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
เขาแค่นั่งนิ่งฟัง จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยความสงสัยว่า ” เฉียวฉี? หล่อนไม่ใช่ลูกเลี้ยงตระกูลถังที่อยู่หมู่บ้านหรอกหรือ? หล่อนจะมาเป็นหลานสาวของคุณได้อย่างไร?”
ท่านผู้อำนวยการตกตะลึง
คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กคนนี้เอาแต่อยู่ในสวนแห่งนี้ทั้งวัน แต่เขากลับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน
ท่านผู้อำนวยการจึงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขากเล่าเรื่องของ เฉียวฉี ให้กู้ซือเฉียนฟังอีกครั้ง
หลังจากที่เด็กน้อยฟังจบแล้ว ใบหน้าของเขาก็ไม่มีความเห็นอกเห็นใจแต่อย่างใด เพียงแค่ส่งเสียงฮึมฮัมออกมาอย่างเย็นชาก็เท่านั้น
จากนั้นเขาก็พูดออกไปว่า “แล้วแต่คุณ ตราบใดที่มันไม่รบกวนการเรียนของผม นอกจากนั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม”
หลังจากพูดจบ เขาก็นั่งลง และพลิกหนังสือในมืออีกครั้ง
ปฏิกิริยาของท่านผู้อำนวยการที่มีต่อกู้ซือเฉียนดูแปลกมาก เขาหัวเราะออกมา จากนั้นก็ดึงตัวของ เฉียวฉีออกไป
เฉียวฉีรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
เด็กคนนี้ เป็นคนยังไงกันแน่ ทำไมทัศนคติของเขาแย่ขนาดนี้?
ท่านผู้อำนวยการเป็นคนดีมากจริงๆ เขาเต็มใจรับเลี้ยงเด็กไร้บ้านอย่างเธอ และก็เต็มใจสอนหนังสือเขา เพราะอย่างนั้นเขาจะมาพูดกับคุณปู่ด้วยน้ำเสียงแบบนี้ได้อย่างไร?
ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ!
เธอจึงทำแก้มป่อง จากนั้นก็หันศีรษะกลับไป เธอต้องการให้กู้ซือเฉียนเห็นว่าเธอนั้นดุร้าย และเพื่อสอนเขาว่าหล่อนไม่ง่ายที่จะมากลั่นแกล้ง และอย่ามารังแกเธอ
แต่เมื่อเธอหันหลังกลับมา ฉันก็เห็นเด็กน้อยกำลังก้มหน้าอ่านหนังสือ สงบนิ่งและดูงดงาม เขาสงบราวกับหยก ราวกับอัญมณีที่ส่องแสงสะท้อนในแสงแดด
เธอถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
เธอคิดว่าบนโลกใบนี้ คงจะไม่มีพี่ที่ดูดีไปมากกว่าเขาอีกแล้วล่ะ
เห้อ เห็นแก่ความงดงามของนาย งั้นก็ช่างมันเถอะ!
แต่หลังจากนี้… หึหึ
เฉียวฉีมาอาศัยอยู่กับท่านผู้อำนวยการในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
ในยุคสมัยนั้น กฎหมายที่คุ้มครองเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนั้นยังไม่สมบูรณ์มากนัก
เพราะอย่างนั้น แม้ว่าเธอจะออกมาจากครอบครัว และมาอาศัยอยู่กับท่านผู้อำนวยการก็ไม่มีใครสนใจ
หลังจากที่คุณแม่เฉียวรู้เรื่อง หล่อนก็มาหาเธอหลายครั้ง เพราะอยากจะนำตัวเธอกลับไป
แต่หล่อนกลับถูกเฉียวฉีปฏิเสธทุกครั้ง
ทัศนคติของเธอแน่วแน่มาก และดูเหมือนว่าเธอจะหมดความเชื่อใจแม่ของเธอแล้ว
คุณแม่เฉียวรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก และก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
แต่ในขณะเดียวกัน ลึกๆ ภายในใจ หล่อนก็รู้สึกยินดีอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะพวกเขาทุกคนก็ล้วนแล้วแต่รู้ว่า่ท่านผู้อำนวยการของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ เป็นคนที่น่านับถือ มีความรู้ และประสบความสำเร็จ
และมันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี ถ้า เฉียวฉีจะได้มาอาศัยอยู่กับเขา
คุณแม่เฉียวคิดในใจ หลังจากนั้นหล่อนก็ไม่มาเกลี้ยกล่อมเธอให้กลับไปอีกเลย
ส่วนคุณพ่อถังเขาก็ไม่เคยมาปรากฏตัวที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ท่านผู้อำนวยการมีชีวิตอยู่มานานแล้ว เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนในครอบครัวนี้กำลังคิดอะไรอยู่?
เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน ผู้ชายคนนั้นเห็นเด็กคนนี้เป็นแค่ลูกเลี้ยง และไม่เคยคิดที่จะดูแลรับผิดชอบเธอเลยจริงๆ
ไม่แปลกใจเลยที่เธอไม่อยู่บ้านของตัวเอง แต่กลับมาอาศัยอยู่ที่นี่ และเธอก็จำได้ว่าเขาเป็นชายชราโดดเดี่ยว และปฏิเสธที่จะกลับไป
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ท่านผู้อำนวยการก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ในใจของเขายิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นไปอีก กับสิ่งที่เฉียวฉี ต้องเผชิญ
แต่ในทางตรงกันข้าม เฉียวฉีกลับดูเปิดกว้างเป็นอย่างมาก
ในความเห็นของเธอ เธอไม่มีความสุขเลยในบ้านหลังนั้น แต่เธอชอบที่จะติดตามคุณปู่มากกว่า
แม่ของเธอมีชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ และตราบใดที่เธอไม่สามารถชักจูงหล่อนได้ แต่เธอก็ต้องตอบแทนคุณที่หล่อนให้กำเนิดเธอมา
ทันทีที่เธอมองออกไป ท่านผู้อำนวยการก็ได้รับผลผวงจากเธอ และอารมณ์ของเขาก็เปิดกว้างขึ้น
ด้วยความที่เขาค่อนข้างมีอำนาจในท้องถิ่น เพราะอย่างนั้น แค่เขาดำเนินการง่ายๆ เขาก็สามารถรับเธอมาเลี้ยงได้แล้ว
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เฉียวฉีก็อาศัยอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาโดยตลอด
หลังจากที่เธอได้มาอาศัยอยู่ที่นั่น เธอก็ได้รู้ว่า ความจริงแล้วครอบครัวของกู้ซือเฉียนเป็นผู้สนับสนุนสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ แต่เพราะเขาสุขภาพไม่ดี จึงไม่สามารถไปโรงเรียนได้
และด้วยความที่ท่านผู้อำนวยการเคยระดับปริญญาตรี และได้เรียนรู้อะไรมากมาย ครอบครัวของกู้ซือเฉียนจึงได้ทำข้อตกลงพิเศษกับเขา
ทางฝั่งของกู้ซือเฉียน เขาจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ส่วนทางฝั่งของท่านผู้อำนวยการ เขามีหน้าที่รับผิดชอบในการเป็นครูให้กับกู้ซือเฉียน โดยการสอนเขา และให้แบบฝึกหัดกับเขา
ความจริงแล้วในใจของท่านผู้อำนวยการเขาก็รู้สึกชอบกู้ซือเฉียนเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ค่อยพูด บางครั้งก็ออกจะเย็นชา แต่เขาก็เฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะสอนอะไร เพียงแค่บอกเขาแค่ครั้งเดียว เขาก็จะเรียนรู้มันได้ทันที
ในการเปรียบเทียบความฉลาดของ เฉียวฉีสำหรับเขาแล้ว มันไม่จำเป็นเลย
และเพื่อความสะดวกในการเรียน กู้ซือเฉียนจึงมาอาศัยอยู่ที่นี่
แต่ไม่เหมือนกับเธอ เขาอยู่ที่นี่ในฐานะแขก โดยมีคนใช้ แม่บ้าน และพี่เลี้ยงอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
เปรียบเสมือนคุณชายผู้สูงส่ง บอบบาง และมีค่า
แตกต่างกับเธอ
เธอเป็นเด็กไร้บ้านคนหนึ่ง เป็นวัชพืชตัวน้อยเร่ร่อนที่ไม่มีใครต้องการ
และเพื่อที่จะเอาใจท่านผู้อำนวยการหลังจากที่เธอจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว เธอก็จะช่วยเขาทำอาหาร ซักเสื้อผ้า ทำความสะอาดลานบ้าน และบางครั้งเธอก็จะช่วยคุณปู่พาเด็กคนอื่นๆ ที่อายุน้อยกว่าเธอเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
แม้ว่า ท่านผู้อำนวยการจะเคยบอกเธอหลายครั้งแล้วว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำ
ตั้งแต่ที่เขาได้ให้สัญญากับเธอว่าเขาจะรับเลี้ยงเธอ จึงไม่มีทางที่เขาจะไล่เธอออกไปอย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นเธอจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเอาใจใคร