วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 768 ความรักความชื่นชมระหว่างชายหญิง

ในอ้อมกอดของเขายังมีผู้หญิงอีกคนอยู่ เห็นแค่ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาสวยหรู ตัวใส่กระโปรงยาวสีแสงไวน์ ตัว​กระโปรงผ่าสูงถึงส่วนบนต้นขา แค่ขยับนิดเดียวก็เห็นวิวอันน่าดึงดูดแล้ว

ทั้งตัวของเธอคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของกู้ซือเฉียนเหมือนกับไม่มีกระดูกอย่างนั้น

รูปตัววีต่ำตรงหน้าอกเผยเส้นโค้งอันทำให้คนหลอดเลือดบวม เส้นเลือดโป่งพองออกมา อวบอิ่มจนแค่เป็นผู้ชายปกติคนหนึ่ง คงต้องทนไม่ไหวที่จะขึ้นไปบีบนวดสักหน่อย

ส่วนผู้ชายคือนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสบาย มือหนึ่งโอบตรงเอวของเธออย่างเนือยๆ อีกมือหนึ่งเชยขมับของตัวเองไว้ พิงเอียงๆ อยู่ตรงนั้น ทั้งตัวหละหลวม

คนที่จู่ๆ ก็เข้ามา ทำลายบรรยากาศปรองดองของสองคนนี้ที่สำเริงสำราญอยู่

เขาหรี่ตาเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองเธอแวบหนึ่ง ในตาดวงจิตยังคงเหมือนเดิม เหมือนกับไม่มีความไม่สบายใจสักนิดเลยหลังจากถูกรบกวน

กลับเป็นผู้หญิงในอ้อมกอดเขาที่หลังจากเห็นเฉียวฉีแล้วกรีดร้องเสียงหนึ่ง เหมือนกับว่าจะตกใจ จนปิดกระโปรงยาวของตัวเองที่แทบจะเผยทั้งเอวออกมาในชั่วขณะ

“คุณเป็นใคร ทำไมอยู่ๆ ก็เข้ามาเฉย ไม่รู้เหรอว่าพวกเรากำลังทำธุระอยู่ข้างในอยู่”

ทำธุระ?

ทำธุระอะไร?

เรื่องความรักความชื่นชมระหว่างชายหญิงเหรอ

มุมปากของเฉียวฉีโค้งขึ้นมาอย่างเย็นชา

จริงๆ แล้วเธอไม่เคยคิดเลย ระหว่างกี่ปีนี้ที่ตัวเองไม่อยู่ ข้างๆ กู้ซือเฉียนจะไม่มีผู้หญิงคนอื่น

ก็เหมือนกับครึ่งปีนั้นที่เธอถูกกักขังไว้ ข้างตัวเขาก็เคยมีผู้หญิงคนหนึ่ง และสุดท้ายยังตายในมือของเธออย่างประหลาดมหัศจรรย์ จนกลายเป็นหลักฐานที่ทำให้เธอติดคุก

แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ก็ตาม เฉียวฉีก็ยังคิดไม่ถึงเหมือนกันว่ามีวันหนึ่งตัวเองจะเห็นฉากนี้ด้วยตาตัวเอง

นี่มันคืออะไร

แสดงอำนาจ? หรือว่า…ยั่วยุ?

เฮ่อ! เธอแอบหัวเราะแห้งๆ ในใจ บนหน้าก็มีรอยยิ้มเสียดสีบวกกับเย็นชาขึ้นมา

“ถ้ประธานกู้กำลังยุ่งอยู่ อย่างนั้นฉันก็ไม่รบกวนแล้ว รอคุณว่างเมื่อไหร่เราค่อยคุยเถอะ”

พูดจบก็หันหลังจากไป

หลินเยว่เอ๋อร์อึ้งกะทันหัน

วินาทีต่อมา ก็ได้ยินผู้ชายข้างเปิดปากด้วยเสียงเหน็บหนาว “หยุด!”

ผู้หญิงอุปนิสัยเย็นชาดื้อรั้นหยุดก้าวเท้าต่อ ยืนอยู่ตรงนั้นแต่ไม่ได้หันหน้ากลับไป

พอหลินเยว่เอ๋อร์เห็น อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ร้องคำหนึ่งอย่างน้อยใจ “ซือเฉียน…”

เธอเพิ่งจะถูกอนุญาตให้มาอยู่ข้างเขาเมื่อคืนนี้อย่างกะทันหัน

หลินเยว่เอ๋อร์ก็ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรเหมือนกัน

รู้แค่ว่าคืนนั้นเมื่อสามวันก่อน เธอเตรียมตัวหนึ่งวันเต็มๆ อยากจะใช้หน้าตาสวยและหุ่นของตนเองยั่วยวนเขา ถือว่าเป็นโอกาสสุดท้าย

แต่คิดไม่ถึงเลย ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ไม่ว่ายั่วยวนยังไงก็ยังเหมือนเดิม

ไม่ว่าเธอทำอะไร ในสายตาที่เขามองเธอ นอกจากเหน็บแนมแล้วไม่มีอย่างอื่นอีกเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความต้องการของผู้ชายคนหนึ่งที่ควรมี

ความเข้าใจจุดนี้ทำให้หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกพ่ายแพ้สุดๆ

เธอพึ่งจะรู้ สิ่งที่ตัวเองคิดไปเองว่าใช่ตั้งแต่แรก ความจริงแล้วคือสิ่งที่ไม่มีค่าพอให้คนอื่นเขาชายตามอง

แม้กระทั่งบางทีเธอยังสงสัยเลย กู้ซือเฉียนคนนี้เป็นผู้ชายจริงๆ หรือเปล่ากันแน่

เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อจริงๆ บนโลกใบนี้ยังมีผู้ชายคนไหนที่สามารถเห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าโดยที่เปลือยล่อนจ้อนแล้วไม่เปลี่ยนสีหน้า ไม่รู้สึกหวั่นไหวสักนิดเลย

ยิ่งกว่านั้นยังทิ้งเธอออกมาเหมือนกับเห็นขยะอะไรอย่างนั้น

ใจเธอไม่ยอม แต่ก็ไม่มีวิถีทางอื่น

แต่ทว่า เมื่อหลินเยว่เอ๋อร์กำลังคิดว่าไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว

เมื่อคืนนี้ จู่ๆ กู้ซือเฉียนก็สั่งคนมาหาเธอ บอกว่าอนุญาตให้เธอไปตึกหลัก และยังให้เธอคอยปรนนิบัติอยู่ข้างตัว

หลินเยว่เอ๋อร์อึ้งสุดๆ

มีความรู้สึกอย่างหนึ่งแบบอยู่ๆ ก็มีขนมตกลงมาจากฟ้า

เธอไม่กล้ารอช้าแม้แต่วินาทีเดียว รีบไปอย่างเร่งด่วนเลย

ดังนั้นจึงมีฉากแบบนี้เกิดขึ้นในวันนี้

หลินเยว่เอ๋อร์ก็เป็นคนที่รู้สถานการณ์รู้จักกาลเทศะ และยังมีความหัวใสอยู่เล็กน้อยด้วย

ตอนแรกเธอยังไม่แน่ใจ เหตุผลที่อยู่ๆ กู้ซือเฉียนอนุญาติให้เธออยู่ต่อ ได้แต่ค่อยๆ หยั่งเข้าใกล้ทีละก้าว

ยังดีที่อยู่ต่อหน้าการเอาใจอย่างจงใจของเธอ กู้ซือเฉียนไม่ได้แสดงอารมณ์รังเกียจเหมือนคราวก่อนๆ แบบนั้น

เพราะฉะนั้น วันนี้หลินเยว่เอ๋อร์จึงสามารถคลอเคลียในอ้อมแขนของเขาอย่างใจกล้าแบบนี้ และยังกล้าเรียกชื่อของเขาตรงๆ

เห็นกู้ซือเฉียนไม่พูดไม่จาสักที ในใจหลินเยว่เอ๋อร์อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกวิกฤติลอยขึ้นมาทันที

รอยยิ้มบนหน้าก็กลายเป็นมีความอิดออดขึ้นมาเล็กน้อย พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า: “ซือเฉียน เมื่อกี้คุณบอกว่าอยากนอนกลางวันไม่ใช่เหรอ ให้ฉันพยุงคุณขึ้นไปพักข้างบนเถอะนะ”

กู้ซือเฉียนหันหน้ามองหน้าของเธอ ดวงตาหรี่ลงมาเล็กน้อย

“เหนื่อยแล้วเหรอ”

เสียงที่ออกมาจากปาก เป็นความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างคาดไม่ถึง

หลินเยว่เอ๋อร์อึ้งครู่หนึ่ง

ไม่นานก็กลับมารู้สึกตัว ยิ้มออกมาแบบได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจน​รู้สึกประหลาดใจ รีบส่ายหัวทันที “ฉันไม่เหนื่อย”

“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่นั่งเป็นเพื่อนกับผมอีกสักครู่”

โทนเสียงของผู้ชายทุ้มต่ำ มีคุณสมบัติน่าดึงดูดอย่างเซ็กซี่ที่อธิบายไม่ถูกอย่างหนึ่ง

พูดอยู่ นิ้วมือยังลูบไล้ผิวพรรณตรงเอวของเธอเบาๆ ทั้งท่าทางและน้ำเสียงของสองคนคลุมเครือสุดๆ

แค่แป๊บเดียวหลินเยว่เอ๋อร์ก็ทนไม่ไหวแล้ว

เสียงนั้นลอยเข้ามาในหู ปนกับกลิ่นหอมเฉพาะบนตัวผู้ชาย รู้สึกแค่ว่าเหมือนกับเหล้าฝิ่นที่บ่มด้วยระยะ​เวลาที่เนิ่นนานแก้วหนึ่ง ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงหูร้อน

ทันใดนั้นตัวเธอก็อ่อนลงมา

คลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างกับกระดูกทั้งตัวอ่อนหมดแล้ว พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

กู้ซือเฉียนจึงจะเก็บสายตากลับมา จ้องมองไปที่ด้านหลังของคนนั้นที่หันหลังให้เขาอยู่อีกครั้ง

เหมือนเขาไม่อยากพูดกับเธอมากแม้แต่คำพูดไร้สาระประโยคเดียว พูดตรงๆ อย่างเยือกเย็นว่า: “เรื่องที่คุณเสนอเมื่อคราวก่อน ผมตกลงแล้ว แต่คุณต้องเข้าใจ นี่เป็นแค่ชั่วคราว ถึงแม้คุณจะช่วยผมหาที่ตรงนั้นเจอ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงคุณชดเชยบาปกรรมที่คุณทำไว้ก่อนหน้านี้ให้หมดสิ้นแล้ว”

เฉียวฉียืนอยู่ตรงนั้น หัวเราะอย่างเยือกเย็น

ความเสียดสีค่อยๆ ลุกลามขึ้นมาจากในใจของเธอ ลุกลามมาจนถึงมุมปาก

เธอหัวเราะแห้งๆ ว่า: “บอสกู้ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง อยากได้ทุกอย่าง แต่ไม่เคยคิดเลย ตัวเองมีปัญญาได้มาหรือเปล่า คุณอยากให้ฉันชดเชยบาปกรรมที่ทำไว้ในตอนนั้น ฉันยังอยากเอาชีวิตคนทั้งสิบแปดชีวิตของกลุ่มหงส์แดงที่ตายในมือของคุณตอนนั้นด้วยเลย!”

กู้ซือเฉียนไม่หวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว พูดอย่างเย็นชาว่า: “ผมรอคุณมาเอา”

“ถ้าเช่นนั้นก็คำไหนคำนั้น!”

เธอพูดจบก็ก้าวยาวจากไปโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น ไม่หันหน้ากลับไปดูเขาอีกสักแวบหนึ่ง

ผู้ชายข้างหลังมองดูด้านหลังที่จากไปของเธอ ดวงตาลึกซึ้งลงไปเรื่อยๆ

ในที่สุด หน้าหล่อเหลาใบนั้นก็มืดมนลงไปถึงที่สุดภายในความโกรธแค้น

หลินเยว่เอ๋อร์ไม่เคยรู้ความพัวพันระหว่างสองคนนี้ แค่อาศัยสัญชาตญาณของผู้หญิง รู้สึกความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ดังนั้น ในใจแอบระแวดระวังขึ้นมาอัตโนมัติ

เห็นเฉียวฉีจากไปแล้ว เธอเพิ่งจะถามอย่างสงสัย: “ซือเฉียน เธอเป็นใครเหรอ พวกคุณ…”

น้ำเสียงของเธอสงสัย ในสายตาก็เป็นสีสันอยากรู้อยากเห็นโดยที่ไม่ปิดบังเลย

กู้ซือเฉียนหันหลังกลับ มองเธออย่างเย็นชา

ในตาไม่มีสีสันพัวพันอ้อยอิ่งที่แสดงออกมาต่อเธออย่างเมื่อกี้ที่เฉียวฉียังอยู่อีกแล้ว

ที่เหลือลงมามีแต่น้ำค้างแข็งหมื่นลี้ ปิดตาของเขาอย่างกับน้ำแข็งผนึกไว้อย่างนั้น และปิดใจของเขาไว้ด้วย

เขาพูดเสียงต่ำ: “คุณเรียกผมว่าอะไร”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset