ดังนั้น เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้กู้ซือเฉียนอีกอย่างอัตโนมัติ
ลุงโอตรงไปยังห้องอ่านหนังสือของตนเอง เอาหนึ่งแสนหยวนออกมาจากบัญชีสาธารณะของปราสาท โอนเข้าไปยังบัตรธนาคารใบหนึ่ง จากนั้นถือบัตรธนาคารออกไปหาเฉียวฉี
คิดไม่ถึงเลย เพิ่งออกมาก็เจอหลินเยว่เอ๋อร์ที่กลับมามาจากตึกหลัก
พูดถึงแล้วมันก็แปลกเหมือนกัน ปราสาทแห่งนี้ใหญ่มาก นอกจากตึกหลักหนึ่งหลังแล้ว ยังมีตึกรองอีกสามสี่หลัง
กู้ซือเฉียนอาศัยอยู่ในตึกหลักแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนหลินเยว่เอ๋อร์อาศัยอยู่ในตึกรองที่อยู่ข้างในสุดนั้น ยังเหลืออีกสามตึกที่ว่างไว้อยู่
เฉียวฉีมาครั้งนี้ ตอนแรกลุงโอก็นึกว่ากู้ซือเฉียนจะจัดตึกให้เธอหนึ่งหลังโดยเฉพาะ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากู้ซือเฉียนกลับให้เขาจัดเธอไปอยู่ตึกที่หลินเยว่เอ๋อร์อาศัยอยู่นั้นเลย ยังพูดให้น่าฟังบอกว่าอะไรคนใช้ในปราสาทมีน้อยเกินไป ถ้าอยู่ไกลแล้วดูแลยาก ไม่สามารถแยกร่างได้
ฟ้ายังรู้เลย คนใช้ในปราสาทแค่คนทำความสะอาดยังมีตั้งหลายสิบกว่าคนเลย
ยังไม่นับคนใช้คนอื่นๆ ถึงจะแบ่งออกไปอาศัยอีกหนึ่งตึก ก็สามารถดูแลได้แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นคำสั่งของกู้ซือเฉียน คิดว่าต้องมีความหมายของเขาอยู่แล้ว ลุงโอก็มิอาจพูดอะไรอย่างอื่นได้
แต่ที่เขายิ่งไม่เข้าใจก็คือ ให้เฉียวฉีกับหลินเยว่เอ๋อร์อาศัยอยู่ด้วยกันยังไม่ค่อยเท่าไหร่ กู้ซือเฉียนยังมีออกคำสั่งที่งงมากข้อหนึ่ง
บอกว่าอะไรนะ เจ้าของตึกรองปัจจุบันเป็นหลินเยว่เอ๋อร์ ถ้าคนใช้ในบ้านมีเรื่องอะไรก็ไปหาเธอโดยตรง ไม่จำเป็นมายุ่งกับเขาทุกๆ เรื่อง การตัดสินใจของหลินเยว่เอ๋อร์ที่มีต่อตึกนั้นของเธอทั้งหมด ลุงโอก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยง่ายๆ
นี่มันหมายความว่ายังไง
นี่ก็เทียบกับในสมัยโบราณที่จักรพรรดิมอบพระตำหนักหนึ่งเรือนให้พระสนมบางคน ทุกๆ เรื่องในพระตำหนักเรือนนี้ให้พระสนมคนนี้ตัดสินใจด้วยตนเอง
ถึงแม้จักรพรรดิมีสิทธิ์การอธิบายขั้นสุดท้ายก็ตาม แต่กิจการในเวลาปกติล้วนไม่ยุ่งด้วยทั้งนั้น
นี่ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะยังไงปราสาทใหญ่มากพอ เมื่อไหร่ที่กู้ซือเฉียนอารมณ์ดีมอบให้คนหนึ่งตึกก็ไม่เป็นอะไร
แต่ประเด็นคือตอนนี้เฉียวฉีเข้าไปอาศัยอยู่แล้ว
นี่ก็หมายถึงพระตำหนักที่เป็นของพระสนมคนนี้โดยเฉพาะ ตอนนี้มีพระสนมอีกหนึ่งคนเข้าไปอาศัยอยู่ด้วยแล้ว
คนที่มาก่อนเป็นเจ้าของอยู่แล้ว คนที่มาทีหลังเป็นแขก ระหว่างเหล่าผู้หญิงที่ช่วงชิงถกเถียงกันเพื่อเรื่องผู้ชายไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว
และยังบวกกับหลินเยว่เอ๋อร์มีนิสัยเอารัดเอาเปรียบ ใจดำ วางแผนใส่ร้ายผู้อื่น แบบนั้นก็ต้องหาเรื่องต่างๆ ใส่ตัวเฉียวฉีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
พอคิดถึงตรงนี้ ลุงโอก็อดถอนหายใจไม่ได้
สงสัยคุณชายยังไม่ได้ปล่อยวางเรื่องของปีนั้นลงสักทีเลย
แม้ว่าจะรู้ต้นเหตุของเรื่องนี้แล้วก็ตาม แต่ลุงโอก็มิอาจพูดอะไรได้อีก ดังนั้นจึงได้แค่ทำตามคำสั่งของกู้ซือเฉียน
เขามาถึงตึกรอง ส่งบัตรธนาคารให้กับเฉียวฉี และกำชับให้อีกกี่ประโยคถึงจากไป
และเมื่อเขากำลังจากไป ก็ถูกหลินเยว่เอ๋อร์ที่ตามมาเห็นพอดี
เมื่อเห็นลุงโอส่งบัตรธนาคารให้กับเฉียวฉี เธอก็รู้ว่าระหว่างเฉียวฉีกับกู้ซือเฉียนไม่ธรรมดาจริงๆ
ฮื้อ อยากจะแย่งผู้ชายกับเธอเหรอ อย่าแม้แต่คิดเลย!
เธอคิดอยู่แบบนี้ ก้มหน้าลงเล็กน้อย แค่แป๊บเดียวเองก็คิดแผนขึ้นมาได้แล้ว
ช่างเถอะ นิสัยแบบนั้นของกู้ซือเฉียนขนาดเธอยังยั่วยวนไม่ติดเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงเชยอย่างน้ำเปล่าที่อยู่ข้างหน้าคนนี้แล้ว
เธอจะรอดูว่าผู้หญิงคนนี้มีความสามารถมากแค่ไหน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าคนแบบนั้นอย่างกู้ซือเฉียน ถ้าเธอยิ่งรุกเข้าไปใกล้ เขาก็ยิ่งรังเกียจ
ตอนนี้เขาเริ่มไม่ชอบตัวเองแล้ว ก็ให้ผู้หญิงคนนี้เข้าไปอยู่ใกล้เขาดู ไม่แน่เขาอาจจะพบว่าเทียบกับผู้หญิงคนนี้แล้ว เธอยังเอาใจใส่และรู้จักกาลเทศะมากกว่าเลย
ถ้ามีการเปรียบเทียบ ก็เห็นความเด่นความด้อย พอถึงเวลาเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย กู้ซือเฉียนก็จะไล่เธอไปอัตโนมัติ
พอคิดแบบนี้ หลินเยว่เอ๋อร์ถึงสบายใจ หันหลังจากไปแล้ว
ฝั่งนี้ในใจหลินเยว่เอ๋อร์คิดแผนอยู่ตลอด ส่วนอีกฝั่ง กู้ซือเฉียนกลับได้รับข่าวกะทันหัน บอกว่าภายในประเทศคุณนายบ้านใหญ่ของตระกูลกู้มาแล้ว
คุณนายกู้เป็นภรรยาคนแรกที่แต่งเข้าบ้านของกู้ฉางไห่ ปีนั้น กู้ฉางไห่มีชู้กับหยุนหลันคุณแม่ของกู้ซือเฉียน เธอเป็นคนออกมาแทงหน้ากากของกู้ฉางไห่ให้แตก
แต่สองคนกลับไม่ได้หย่าร้างกัน และหลายปีนี้คุณนายกู้ยังดูแลเอาใจใส่กู้ซือเฉียนดีด้วย
ถึงแม้กู้ซือเฉียนขี้เกียจสนใจเธอมาตลอด แต่หนึ่ง เนื่องจากเธอไม่เคยทำเรื่องที่มันเกินไปสักเท่าไหร่ สอง พูดตรงๆ ในเรื่องนั้นคนที่ผิดไม่ใช่เธอ เธอก็เป็นแค่ผู้เสียหายรายหนึ่ง ดังนั้น แม้ว่าเขาไม่ค่อยสนิทกับคุณนายท่านนี้มาตลอด แต่ก็ไม่เคยรังเกียจหรือเกลียดเธอจริงๆ
การดูแลเอาใจใส่มาหลายปี ถึงจะเป็นแค่ผิวเผิน สุดท้ายแล้วก็มีจิตใจที่ผูกพันกันอยู่บ้าง
ครั้งนี้คือคุณนายกู้ออกมาท่องเที่ยว พอดีจะผ่านมาที่นี่ ก็มาอยู่อาศัยสักสองวัน เขาไม่มีทางปฏิเสธ
แต่พอนึกถึงผู้หญิงสองคนในบ้าน และแผนที่ตัวเองอยากจะปฏิบัติในเวลาต่อมา กู้ซือเฉียนก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ปีนั้น ตอนที่เฉียวฉีกับเขายังคบกันอยู่ คุณนายกู้ก็เคยพูดออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอไม่ชอบเฉียวฉีผู้หญิงคนนี้
แต่ตอนนั้นกู้ซือเฉียนขี้เกียจไปสนใจความคิดเห็นของเธอ
ดังนั้นจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
แต่ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหว เขาไม่อยากให้เฉียวฉีและคุณนายกู้เกิดความขัดแย้งอะไรกันอีก
หนึ่งคือเฉียวฉีต้องขี้เกียจพูดอะไรกับคุณนายกู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นส่วนมากก็จะเลือกท่าทีฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
แต่คิดไม่ถึงเลย ในความสัมพันธ์แบบนี้ เธอยิ่งทำตัวหยิ่ง ทำเป็นไม่ได้ยิน อีกฝั่งก็จะยิ่งจุ้นจ้านแรงกว่าเดิม
สองคือลึกๆ ในใจของเขา ก็แอบหวังไม่อยากให้เฉียวฉีเสียเปรียบเหมือนกัน
แค่ขนาดเขาเองยังไม่ได้สังเกตจุดนี้ และไม่ยอมรับเท่านั้นเอง
นึกถึงตรงนี้ กู้ซือเฉียนเรียกลุงโอมา สั่งว่า: “ท่านไปบอกให้ตึกรองฝั่งนั้นหน่อยว่ากี่วันนี้ถ้าไม่มีเรื่องอะไรไม่ต้องออกมาข้างนอก และไม่ต้องมาที่นี่ด้วย ถ้ามีเรื่องอะไรบอกท่านก็พอ ไม่ต้องมาหาผม”
ลุงโอก็รู้ผลดีและผลเสียในนี้เหมือนกัน รีบตกลงจากนั้นก็ลงไปแล้ว
หลังจากสั่งการเรียบร้อย กู้ซือเฉียนก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก ไปทำธุระของเขาเองต่อแล้ว
คุณนายกู้ก็ได้มาถึงตอนช่วงบ่ายวันนั้นจริงๆ
ไม่เจอกันนาน เธอยังคงเอาใจใส่กู้ซือเฉียนเหมือนเช่นเคย
กู้ซือเฉียนก็ปฏิบัติตัวต่อเธอด้วยท่าทีมีมารยาทและเย็นชาดั่งเช่นเคยเหมือนกัน
สั่งคนเตรียมห้องพักให้เธอ ขนาดข้าวเย็นยังไม่ได้ทานกับเธอด้วยกันเลย จากนั้นก็กลับไปห้องตัวเองแล้ว
คุณนายกู้ก็ไม่ได้สนใจ อยู่อาศัยต่อเหมือนเดิม
กลับเป็นเสี่ยวหงสาวใช้ส่วนตัวที่ตามอยู่ข้างเธอตลอดเวลาและออกมาจากประเทศจีนกับเธอด้วยกันรู้สึกโกรธมาก
ตอนที่ทานข้าวเย็นก็บอกกับเธอว่า: “คุณนาย ท่านดูคุณชายสามสิ ท่านมาตั้งไกลเพื่อมาเยี่ยมเขา เขากลับทำเหมือนไม่เห็นท่าน ขนาดทานข้าวยังไม่ยอมทานกับท่านเลย ถึงอย่างไรอย่างน้อยท่านก็เป็นผู้ใหญ่ของเขา…”
แต่ทว่า เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกคุณนายกู้แทรกขึ้นมา
คุณนายกู้พูดอย่างไม่สนใจไยดีว่า: “เสี่ยวหง นี่แกไม่รู้ใช่ไหม”
เสี่ยวหงตะลึง มองเธออย่างงงงัน
คุณนายกู้พูดว่า: “เขาไม่ใช่ลูกของฉันจริงๆ แม่ของเขากับฉันก็เคยมีเรื่องกันด้วย เนี่ย แกก็เห็นความสามารถของเขาแล้ว แกคิดว่าแค่ลูกชายไม่เอาไหนสองคนนั้นของฉัน จะเป็นคู่แข่งของเขาได้เหรอ”