บทที่ 76 ไม่มีทางเหมือนเดิม
ความประชดประชันนับร้อย เหมือนกับคลื่นทะเลที่ซัดมา
หยุนหยุนได้ทำตัวไม่ถูกทันที เธอได้มองคนรอบข้างแบบร้อนรน จะอธิบาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอะไรดี
หันหน้าไปมองจิ่งเสี่ยวหย่า อยากให้เธอช่วย แต่กลับพบว่าเธอได้ก้มหน้าเล็กน้อย ได้แค่กอดแขนของมู่ยั่นเจ๋อไว้แน่น ไม่ได้มองมาที่เธอเลยแม้แต่น้อย
เหมือนว่าทั้งสองนั้นไม่ได้รู้จักกันเลยมาก่อน
ในใจของหยุนหยุนได้สิ้นหวัง
“แชะ! แชะ! ”
ไม่รู้ว่าเป็นใคร ได้เอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป
จากนั้นก็ต่อด้วยคนอื่นอีกมากมายได้มาถ่ายรูปเธอ
ใบหน้าของหยุนหยุนได้เห็นถึงความหวาดกลัว ได้โบกมือ สุดท้ายก็ได้เอามือปิดหน้าตัวเอง
“ไม่ต้องถ่ายแล้ว! ห้ามถ่าย! ห้ามถ่าย! ”
“ไม่ถ่ายได้ยังไง? ข่าวที่น่าตะลึงขนาดนี้ ต้องมีรูปเป็นหลักฐาน! ไม่งั้นใครจะเชื่อว่า ‘เมฆน้อยบนฟ้า’ เป็นเธอล่ะ! ”
“ใช่ๆ ! หรือว่าจะปล่อยให้เธอนั้นหลอกคนอื่นต่ออีกเหรอ?”
กลุ่มคนพวกนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าอยากจะสร้างข่าวดังขึ้นมาให้สนุกเล่นๆ
ส่วนหยุนหยุนจะรู้สึกยังงั้น พวกเขาไม่มีอารมณ์สนใจเลยแม้แต่นิด
แต่ก็มีความที่อยากจะเอาคืนอยู่ ยังไงซะมีคนที่หลงใหลกับการที่แสดงออกมาว่าเป็นสาวน้อยน่ารักนั้นมีเยอะมากในก่อนหน้านี้ ในใจนั้นก็รับไม่ได้ชั่วขณะกับความแตกต่างที่มากขนาดนี้
จนกระทั่งทุกคนได้ถ่ายกันจนพอ จิ่งเสี่ยวหย่าถึงได้ยืนออกมา
“พอแล้ว! ทุกคนหยุดถ่ายได้แล้ว หยุนหยุนก็ไม่ได้ตั้งใจ เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกความกดดันในสังคมบีบบังคับ พวกคุณปล่อยเธอไปได้ไหม! ”
ทุกคนเห็นว่าเธอได้ยืนออกมา ก็ได้หยุดมือ
ที่จริงอะไรที่อยากถ่าย ก็ได้ถ่ายไปตั้งนานแล้ว
เวลานี้หยุนหยุนได้ร้องไห้จนไม่เป็นภาษาแล้ว ไม่ว่าใครที่ถูกทำให้อับอายต่อหน้าผู้คนแบบนี้ ก็รับไม่ได้ทั้งนั้น
จิ่งเสี่ยวหย่าก็ได้รีบไปปลอบใจเธอ “หยุนหยุน เธอไม่ต้องร้องไห้ ขอโทษ ฉันผิดเอง ถ้าไม่ใช่เพราะฉันไปทำให้พี่สาวของฉันโมโห เขาก็ไม่มีทางเล่นงานเธอหรอก”
พอพูดคำนี้ออกมา หยุนหยุนก็ได้มองจิ่งหนิงด้วยสายตาที่โกรธแค้น
จิ่งหนิงได้กระตุกมุมปากเป็นการเยาะเย้ย
มาถึงขนาดนี้แล้ว สุดท้ายใครนั้นทำร้ายตัวเองยังแยกแยะไม่ได้ โง่ได้ขนาดนี้ ได้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้มันสมควรแล้ว!
มู่ยั่นเจ๋อเห็นแบบนั้น คิ้วก็ได้ขมวดแน่น
ก็ไม่ได้อยากให้สถานการณ์วุ่นวายจนถึงขนาดนี้ ยังไงซะก็เป็นงานเลี้ยงครบเจ็ดสิบปีของโรงเรียน เดี๋ยวคนของโรงเรียนและก็พวกผู้ใหญ่ทางการตลาดก็มาเข้ามา ให้คนอื่นเขามาเห็นสภาพแบบนี้ก็ไม่ดีเท่าไหร่
ก็เลยได้ออกหน้าให้ทุกคนแยกย้าย
ได้มาถึงจุดนี้แล้ว ในใจของทุกคนก็ได้รู้แล้วว่าละครนั้นได้แสดงจบไปแล้ว มากองอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะงั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็พากันแยกย้าย
จิ่งเสี่ยวหย่าได้ปลอบใจหยุนหยุน ให้หร่วนเจียวเจียวกับหนิวลี่ลี่พาเธอไปพักผ่อนที่ห้องพัก
รอให้ทุกคนเดินออกไปจนหมด เธอถึงได้หันหน้ากลับไปอีกครั้ง มองจิ่งหนิง
“พี่ เรื่องได้วุ่นวายขนาดนี้ ตอนนี้พี่พอใจแล้วใช่ไหม! ”
จิ่งหนิงเลิกคิ้ว
เธอได้มองจิ่งเสี่ยวหย่าด้วยอาการอยากขำ ก็ได้พูดออกไปแบบขี้เล่นว่า “จะบอกว่าฉันเป็นคนที่ก่อเรื่องขึ้น?”
“ฉันยอมรับ เป็นเพราะเจียวเจียวกับลี่ลี่ที่พูดพวกนั้นออกไป ถึงได้ก่อเรื่องขึ้น แต่ว่าฉันก็อธิบายให้แล้วไม่ใช่เหรอ? พี่ทำไมต้องกัดคนอื่นไม่ปล่อยด้วย กัดเรื่องของหยุนหยุนไม่ปล่อย? พี่รู้ไหม ฐานะทางบ้านของเธอไม่ดี เพราะงั้นก็ได้พึ่งการเป็นเน็ตไอดอลเพื่อหาเงิน พี่ทำไม……”
“ฉันไม่มีอารมณ์มาฟังความยากลำบากของเธอ! ”
จิ่งหนิงได้ขัดคำพูดเธอด้วยความเย็นชา
จิ่งเสี่ยวหย่าปวดใจจนได้จับหน้าอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ
“พี่ พี่ทำไมกลายเป็นแบบนี้! ”
นัยน์ตาของมู่ยั่นเจ๋อก็ได้มีความผิดหวังออกมาเล็กน้อย
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไร ได้ประคองจิ่งเสี่ยวหย่า พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ได้แล้วเสี่ยวหย่า พวกผอ.ใกล้มาแล้ว พวกเราไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้แล้ว เข้าไปนั่งข้างในเถอะ”
จิ่งเสี่ยวหย่าได้เช็ดน้ำตาที่แทบมองไม่เห็นของตัวเอง พูดเสียงเบาว่า “พี่อาเจ๋อ พี่เข้าไปก่อนเถอะ! ฉันอยากจะไปดูหยุนหยุนที่ชั้นบนก่อน มั่นใจว่าเธอไม่เป็นอะไรก็เข้าไป”
มู่ยั่นเจ๋อพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน”
มู่ยั่นเจ๋อออกไป
ตอนนี้ก็เหลือแค่จิ่งเสี่ยวหย่ากับจิ่งหนิงสองคนแล้ว
“พอได้แล้ว คนได้ออกไปจนหมดแล้ว เลิกแสดงได้แล้ว! ”
จิ่งหนิงพูดออกไปเรียบๆ
ในที่สุดจิ่งเสี่ยวหย่าก็ได้เก็บสีหน้าที่เศร้าใจของตัวเองไป
เธอได้ยืนตรงๆ เมื่อกี้ยังมีท่าทางที่ปวดใจมากๆ อยู่เลย ตอนนี้ใบหน้าเธอนั้นก็ได้เต็มไปด้วยความได้ใจ
“ฉันได้ดูถูกเธอไป แต่ว่าเธอคิดว่าได้เปิดโปงท่าแท้ของเฉินหยุนออกไป ก็สามารถที่จะมีผลกระทบกับฉันเหรอ? เหอะ! นางนั่นก็แค่อีโง่ไร้สมอง ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากจะประจบฉัน คนโง่ใช้งานง่าย ฉันนั้นขี้เกียจที่จะสนนาง! ”
จิ่งหนิงมองเธอเรียบๆ
“แล้วไง? เธออยากจะพูดอะไรกับฉัน?”
จิ่งเสี่ยวหย่าได้ยิ้มออกไปอยากอ่อนโยน ได้เดินเข้าไป ไปพูดข้างหูเธอว่า “เธอคิดว่า เธอจะสามารถแย่งหัวใจของพี่อาเจ๋อได้อีกครั้งเหรอ? ฉันบอกไว้ก่อนนะ! ห้าปีก่อนฉันสามารถพึ่งเรื่องนั้นแล้วได้ถีบเธอลงนรกได้ ห้าปีหลังฉันก็ยังทำแบบนั้นได้! ”
นัยน์ตาของจิ่งหนิงได้เย็น
จิ่งเสี่ยวหย่าได้พูดต่ออีกว่า
“ไม่มีใครชอบนางแพศยาที่ทำร้ายน้องสาวของตัวเอง! พี่อาเจ๋อก็เหมือนกัน! เธอรู้ไหมว่าเขารักจุดไหนของฉันมากที่สุด? หน้าตา? เหอะ! ไม่ เขานั้นรักที่ฉันเป็นคนดีและอ่อนแอ ขอแค่ฉันมีท่าทางแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาก็ไม่มีทางที่จะชอบเธอ เข้าใจหรือยัง?”
จิ่งหนิงได้หัวเราะอย่างเย็นชา
“จิ่งเสี่ยวหย่า มู่ยั่นเจ๋อให้เธอกินยาเสน่ห์อะไรกันแน่? ทำให้เธอได้มั่นใจถึงขั้นที่ว่าเขามีเสน่ห์มากๆ จนทำให้ฉันลืมเขาไม่ได้จนถึงตอนนี้?”
สีหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าได้เปลี่ยนเล็กน้อย
เธอมองจิ่งหนิง นัยน์ตาได้มีความไม่พอใจและความเกลียดเล็กน้อย
“เธอยังไม่ยอมรับ? ถ้าเธอไม่ได้ลืมเขาไปแล้ว วันนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องออกงาน ทำไมยังจะแต่งตัวแบบนี้ออกมาอีก? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอนั้นได้คิดอะไรอยู่! ฉันบอกเธอไว้ก่อนนะ เธอไม่มีวันที่จะได้เขา! ”
“คืนนี้ ฉันจะให้เธอรู้ว่าอะไรคือฝันร้าย! ฉันจะจัดการกับชื่อเสียง ความมั่นใจที่เธอได้ค่อยๆ สร้างขึ้นมาเมื่อห้าปีก่อนอย่างยากลำบากนั้น ทำลายไปให้หมด ให้เธอได้เหมือนเมื่อห้าปีก่อน ได้เป็นเหมือนหมาที่น่าสงสารที่ได้เสียบ้านไป! ”
พูดจบ ก็รู้สึกแต่ว่าความอึดอัดและไฟโกรธในอก ในที่สุดก็ได้สงบลงเล็กน้อย
ได้ยืนตัวตรง ใบหน้าได้มองเธอด้วยความมั่นใจ ถึงขั้นนัยน์ตานั้นได้แสดงออกถึงผู้ชนะที่ได้ใจและเย้ยหยิ่ง
จิ่งหนิงมองเธอ เวลานั้น ก็ได้ค่อยๆ ส่ายหน้า
เธอได้พูดด้วยความเห็นใจ “จิ่งเสี่ยวหย่า เธอใสซื่อเกินแล้ว! อยากจะใช้งานเลี้ยงของวันนี้ ให้เรื่องเมื่อห้าปีก่อนได้กลับมาพูดคุยอีกครั้ง ให้ฉันนั้นไม่มีทางที่จะกลับไปแก้ไขได้?”
จิ่งเสี่ยวหย่าได้พูดออกว่าอย่างเย็นชา “จะโทษก็โทษที่เธอไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! งานแบบนี้ในวันนี้เธอยังกล้ามา! ”
จิ่งหนิงยิ้ม
“ทำไมฉันจะไม่กล้า?”
จิ่งเสี่ยวหย่าได้ขมวดคิ้วแน่น “หมายความว่าอะไร?”
“เหอะ! ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไร เห็นท่าทางที่มั่นใจของเธอแบบนี้ จู่ๆ ก็เห็นใจขึ้นมา”
จิ่งเสี่ยวหย่าได้เบิกตากว้าง
จิ่งหนิงได้เข้าใกล้เธอ พูดเสียงเบาว่า “เธอมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ ของที่เธอขโมยไปจากคอมของฉันเมื่อห้าปีก่อน จะเป็นต้นฉบับน่ะ?”