ส่วนด้านการกินและการอยู่ทางนี้จะรับผิดชอบ ไม่ค่อยได้ใช้เงินอะไรเลย ดังนั้นทั้งหมดนี้ถือว่าเอาเงินให้เธอเป็นการลงทุน
หลังจากที่ถังชีชีได้ฟังแล้ว จึงปลดความสงสัยและความกังวลในใจออกมา รับเงินมาอย่างสบายใจ
เฉียวฉีไม่ได้อยู่กับเธอนานมาก สักพักก็จากไปแล้ว
เมื่อกลับมาถึง เพิ่งได้สังเกตข้างนอกจอดรถไม่คุ้นตาคันหนึ่งอยู่
เธอยกคิ้ว ลงจากรถมา ยังไม่ทันได้เข้ามา ก็ได้ยินเสียงคำรามของผู้หญิงประโยคหนึ่ง
“ใครอนุญาตให้พวกแกปล่อยเธอเข้ามา เธอไม่มีสิทธิ์ก้าวเข้ามาในประตูใหญ่ของตระกูลกู้มาตั้งนานแล้วพวกแกไม่รู้เรื่องเหรอ”
เสียงของผู้หญิงมีความโกรธแค้นอย่างไม่ปิดบังเลย เฉียวฉีหันหน้ากลับไปดูลุงโอสองมือห้อยลงอย่างเงียบงันที่อยู่ข้างๆ เห็นแต่เขาก้มหัวลง เหมือนกับไม่ได้ยินอะไรเลยอย่างนั้น
ภายในตามีความเข้าใจอย่างหนึ่งลอยผ่าน เฉียวฉีหรี่ตา คิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็นึกออกได้แล้วว่าเจ้าของเสียงที่คุ้นหูนี้คือใคร
เสียงนี้ เธอเคยได้ยิน
ก็แม่เลี้ยงของกู้ซือเฉียนคนที่ความจริงแล้วไม่มีความสัมพันธ์อะไรมากกับเขาคนนั้นไม่ใช่เหรอ
สี่ปีกว่าที่แล้ว เมื่อเธอกับกู้ซือเฉียนยังไม่ได้แตกร้าวกัน แม้เลี้ยงคนนี้ก็รู้เรื่องของเขาสองคนแล้ว
ตอนนั้นเธอกับกู้ซือเฉียนอยากจะหมั้นกัน กลับถูกแม้เลี้ยงคนนี้คัดค้านอย่างเด็ดขาด
ยิ่งกว่านั้นยังพูดคำพูดเกินเลยมากด้วย
พอคิดถึงตรงนี้ ในตาของเธอมีความเยือกเย็นลอยผ่าน
ฮ่า ไม่นึกเลยว่าวันนี้เธอก็มาเหรอ
เมื่อกี้นี้น่าจะเห็นเธอกลับมาแล้วแน่
เห็นเธอกลับมาแล้วเลยคำรามแบบนี้ นี่คืออยากแสดงอำนาจกดข่มเธออย่างนั้นเหรอ
สงสัยสี่ปีผ่านไป อคติที่เธอมีต่อตัวเองยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะเนี่ย
ถึงแม้จะคิดอยู่แบบนี้ ใต้เท้ากลับมุ่งเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่คิดจะหยุดเลย
คิ้วอันโบยบิน ตาอันดุดัน ริมฝีปากแดงที่อมยิ้มเล็กน้อย สันหลังอันตั้งตรงและจังหวะย่างก้าวอันสละสลวยไม่สะทกสะท้าน ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างไม่มีอันไหนที่ไม่แสดงความมั่นใจและความทะนงตนของผู้หญิงคนนี้ ราวกับราชินีที่เพิกเฉยใต้ฟ้าดินนี้ท่านหนึ่ง ก้าวไปยังประตูใหญ่หรูหราบานนั้น
ลุงโอยืนอยู่หลังเธอ อดดูจนอึ้งไม่ไว้
เขากับเฉียวฉีถือได้ว่าคุ้นเคยกันมากแล้ว เมื่อก่อนถึงแม้ชอบใจเธอ ก็รู้สึกแค่ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้สะอาด เรียบร้อย เป็นบุคคลที่สามารถเป็นคุณนายกู้ที่ดีคนหนึ่ง
แต่เขากลับไม่เคยสังเกตเลยว่าเธอสามารถแพรวพราวมากขนาดนี้ได้ ความรู้สึกนั้น ความรู้สึกนั้น…
ความรู้สึกนั้นก็เหมือนกับว่าเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว!
ถึงแม้เปลือกนอกยังเหมือนเดิม แต่เฉียวฉีในเมื่อก่อนแม้จะสวยสง่าแค่ไหน แต่ใช่ว่าจะมีบุคลิกลักษณะทะเยอทะยานจนมองทั่วโลกาจากด้านบนลงมาหรือไม่
กะพริบตากี่ที เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทันใดนั้นอยู่ๆ ก็มีเสียงคำรามที่ยิ่งโมโหกว่าเดิมดังมาจากข้างในของประตู เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็กดความสงสัยในใจลงไปชั่วคราว รีบเดินเข้าไป
“อุ้ย! การหมั้นของแกสองคนถูกยกเลิกตั้งนานแล้ว แกยังจะมาทำอะไรอีก”
ภายในห้องรับแขกที่โอ่อ่าตระการตา หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอ้อมแขนนั่งอยู่บนโซฟาอันกว้างใหญ่ ด้านหน้าเธอมีชายหญิงแต่งตัวธรรมดายืนอยู่หนึ่งแถว ขณะนี้แต่ละคนก้มหัวลง สีหน้าเต็มไปด้วยความน่าสงสาร
เฉียวฉีเดินเข้าไปห้องรับแขกอย่างไม่รู้สึกรู้สา แค่กวาดสายตามองเธอผ่านๆ อย่างเพิกเฉย ไม่ได้พูดอะไร
จากนั้น สายตามองไปทีละคนที่อยู่ในห้องรับแขกไม่หยุด
แต่สิ่งที่คาดคิดไม่ถึง คือไม่เห็นกู้ซือเฉียนอย่างที่คิดไว้
เธอขมวดคิ้ว
ขนาดผู้หญิงคนนี้ยังอยู่เลย กู้ซือเฉียนกลับไม่อยู่เหรอ
นี่มัน…ฮ่า!
แต่สีหน้านี้จากที่คุณนายกู้เห็นกลับเป็นกำลังแสดงความไม่พอใจอยู่
เธอส่งเสียงไม่พอใจ ตะโกนใส่เสี่ยวหงที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า: “พวกแกรออะไรอยู่ รีบไล่นักโทษหญิงคนนี้ออกไปให้ฉันสิ!”
นักโทษหญิง?
เฉียวฉีก้มหน้าดูการแต่งตัวของตัวเองแวบหนึ่ง ตอนออกจากคุกเธอไม่มีทางเลือก ได้แต่ใส่เสื้อยืดหลวมตัวหนึ่งและกางเกงยีนตัวหนึ่ง
หลังจากออกมาแล้ว ถังชีชีหาเสื้อที่ใส่ปกติให้เธอกี่ตัว
เธอใส่มาตลอด จนมาถึงปราสาท ลุงโอเตรียมเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์เนมที่มีราคาแพงมาให้เธอมากมาย
แต่เธอใส่ไม่ชินเลย ยังคงใส่เสื้อผ้าที่ถังชีชีซื้อให้เธอกี่ตัวนั้นอยู่เหมือนเดิม
ถึงแม้ราคาจะถูก แต่ใส่แล้วสบาย แต่มันก็จะดูถูกๆ แค่นั้นเอง
แต่ว่า นักโทษหญิง?
ตาของเฉียวฉีมืดลงมา เงยหน้าขึ้นมามองไปที่หญิงวัยกลางคนด้วยสายตาสงบนิ่ง
ในลูกตาดำสนิทไม่มีรอยยิ้มสักนิดเลย ทั้งตาเต็มไปด้วยความดุดัน ราวกับน้ำตายที่กลายเป็นน้ำแข็งสระหนึ่ง ดูยังไงก็ไม่เหมือนตาของหญิงสาววัยยี่สิบหก ยี่สิบเจ็ด
“นี่สายตาอะไรของแก”
ทันใดนั้นคุณนายกู้ยิ่งโมโหกว่าเดิม เธอดูแลรักษาได้ดีมาก คนอายุสี่สิบกว่าดูเหมือนมีแค่สามสิบกว่าเอง
แก้มอันเงาวาวเปี่ยมแดงขึ้นมาเนื่องจากการโมโห จ้องเฉียวฉีไว้และตะโกนโมโหว่า: “ฉันจะเตือนแกนะ ผู้หญิงที่เคยติดคุกอย่างแกแบบนี้เนี่ยให้ห่างๆ ตระกูลกู้พวกเราหน่อย! ไม่อย่างนั้นระวังฉันไม่ไว้หน้าแก!”
อยู่ๆ เฉียวฉีรู้สึกรำคาญขึ้นมา เธอเป็นคนประเภทที่ยอมตีกับคนอื่นให้มันสะใจ ก็ไม่อยากเสียน้ำลายด่าทออย่างกับหญิงใจหยาบคนหนึ่ง
ณ ตอนนั้นก็โต้กลับอย่างไม่ไว้หน้าว่า: “พูดมาเยอะขนาดนี้ แกก็ลองมาไม่ไว้หน้าให้ดูสิ!”
ประโยคเดียว ทำให้คนที่อยู่ในนั้นตาค้างในชั่วขณะเลย
คุณนายกู้ยังไงก็คิดไม่ถึง ห่างหายกันสี่ปี ประโยคแรกที่เฉียวฉีเปิดปากคุยกับเธออีกครั้งจะเป็นแบบนี้
ถ้าพูดไม่น่าฟังหน่อย ปัจจุบันกลุ่มหงส์แดงสูญสลายแล้วจริงๆ เฉียวฉีไม่เพียงแค่ไม่มีอะไรสักอย่างเลย และยังมีประวัติต้องโทษเคยติดคุกอีกด้วย
ถึงแม้ตอนนี้ถูกปล่อยตัวหลังรับโทษแล้วก็ตาม แต่ก็จะกลายเป็นรอยด่างที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอเหมือนกัน
ถึงแม้ที่ตระกูลกู้รับเธอกลับมามีความคิดไม่อยากให้เธอถูกคนอื่นนินทา แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นที่พึ่งพาของเธอในช่วงเวลาที่เธอตกอับที่สุด เธอไม่ซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลพรากยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่กลับกล้ามาพูดจาจาบจ้วงอย่างนี้เหรอ
เดิมแค่แสดงอำนาจกดข่มคนเฉยๆ แต่ตอนนี้โมโหจริงๆ แล้ว!
คุณนายกู้ลุกขึ้นมาทันที เนื่องจากท่าทางใหญ่เกินไปจนกระทบถึงหนังสือนิตยสารกองหนึ่งที่อยู่บนโซฟาหล่นลงมาที่พื้น ตาอันโมโหจ้องแรง ไม่เห็นความสง่าอ่อนโยนอย่างที่ภายนอกเล่าลือกันมาเลย
เธอโมโหเกินไปจนหัวเราะ: “ดีมาก! สงสัยเคยเข้าไปคุกก็คือไม่เหมือนกันจริงๆ ฟังน้ำเสียงที่แกพูดแบบนี้กลับรู้สึกว่าฉันควรกลัวแกแล้วใช่ไหม
โธ่! ก็ใช่สิ ตระกูลกู้ของเราไม่ว่ายังไงก็เป็นนักธุรกิจที่เที่ยงตรงเจิดจรัส จะไปเทียบกับคนอย่างพวกแกได้ยังไงล่ะ! แต่ในวันนี้ในที่แห่งนี้ ฉันคิดว่าฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตนเองได้อยู่!”
ทันใดนั้นสายตาเธอดุดัน ตะโกนใส่เสี่ยวหงที่อยู่ข้างๆ ว่า: “เสี่ยวหง ไล่เธอออกไป!”
เสี่ยวหงตอบรับทราบอย่างอ่อนน้อม พุ่งเข้าไปจะดึงแขนของเฉียวฉี เหล่าคนรับใช้ที่คอยเฝ้าสังเกตสองฝ่ายรบกันอยู่ข้างๆ เห็นแล้วไม่เพียงไม่ได้ขึ้นไปห้าม ส่วนใต้ขากลับแอบถอยหลังหนึ่งก้าว
แต่แม้กระทั่งการกระทำเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ก็หนีตาของเฉียวฉีไม่พ้นเช่นกัน
ยิ้มอ่อน หัวเราะเยาะ ทันใดนั้นตาที่หรี่ลงมาเล็กน้อยรวมปลายดาบดุดันอันราวกับน้ำค้างแข็งในเดือนสิบสอง มือที่ห้อยลงสองข้างตามธรรมชาติกำหมัดแน่นๆ จนข้อต่อกระดูกโผล่ขึ้นมาออกเป็นสีขาวเขียว
แต่ในขณะนี้ กกหูอยู่ๆ ก็ดิ้นขึ้นมา ทันใดนั้นในตามีความ ลองลิ้มชิมรสลอยผ่าน เธอค่อยๆ คลายมือออก
เสี่ยวหงพุ่งเข้ามาด้านหน้าแล้ว เห็นว่าใกล้จะจับโดนแขนของเธอแล้ว
เธอไม่ได้ขยับตัว เหมือนกับตกใจจนโง่แล้ว ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อการโจมตีของคนอื่นเลย