ในขณะที่ทุกคนคิดว่าละครสนุกฉากนี้ของวันนี้จะจบลงที่เธอถูกตระกูลกู้โยนออกไปอย่างไม่ไว้หน้า ทันใดนั้น เสียงเย็นชาต่ำทุ้มดังมาจากข้างนอกประตู
“พวกคุณกำลังทำอะไร”
เงาสูงใหญ่เงาหนึ่งปรากฏตัวออกมาในสายตาของทุกคนด้วยเสียงชัดเจนและทรงพลังของรองเท้าหนังที่เหยียบบนพื้นหินอ่อน
เนื่องจากทิศทางที่เขายืนตรงหน้าประตูย้อนแสง ดังนั้นคนในห้องรับแขกเห็นเขาไม่ชัดเจน แต่จากน้ำเสียงอันต่ำทุ้มนั้นก็ฟังออกได้ว่าเขาเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
การปรากฏตัวของผู้ชายเหมือนกับก้อนหินที่หล่นลงไปใต้ทะเลสาบ กระทบโดนกระเพื่อมในใจของทุกคนในที่นี้ แต่กระเพื่อมนี้กลับไม่เหมือนกันทุกคน
สีหน้าของคุณนายกู้ขาวซีดลงมา มือของเสี่ยวหงชะงักอยู่ตรงกลางอากาศ คนรับใช้คนอื่นๆ แอบก้มหัวลงเล็กน้อย ลุงโอก็ก้มหัวลงเหมือนกัน แต่มือที่สลับกันวางอยู่ตรงข้างหน้าอย่างเคารพกลับเปลี่ยนท่าแล้ว เหมือนกำลังส่งสัญญาณอะไรสักอย่างให้กู้ซือเฉียน
มีแต่เฉียวฉีคนเดียว ยืนตรงอยู่กลางห้องรับแขก สีหน้าเพิกเฉย ไม่รู้เป็นเพราะแสงมันแสบตาเกินไปหรือเหตุผลอย่างอื่น ตาที่หันไปมองทางประตูหรี่ลงมากลายเป็นเส้นเดียว
ผู้ชายที่ไม่ได้คำตอบขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเท้าค่อยๆ เดินเข้ามา
อวัยวะทั้งห้าอันหล่อเหลา สีหน้าอันเพิกเฉย ตาอันมืดมนจนเหมือนจะทะลุหัวใจคน เข้าใกล้ตามฝีเท้าแบบนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าเฉียวฉีอย่างเคร่งขรึมยิ่งใหญ่
สายตาของเขาเยือกเย็น ไม่มีความดีใจหรือความรังเกียจที่ควรมีเมื่อเจอเธอสักอย่าง ริมฝีปากอันมีรูปทรงดูดีเม้มไว้แน่นๆ ทำให้คนมีความรู้สึกเคร่งขรึมดุดันอย่างหนึ่ง
“ซือเฉียน!”
หญิงวัยกลางคนตะโกนรีบก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหมือนอยากจะอ้าปากอธิบายอะไรสักอย่าง กลับถูกสายตาอย่างหนึ่งของผู้ชายปิดปากไว้
“ไม่ต้องพูดแล้ว! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะอยู่อาศัยที่นี่ด้วยฐานะแขกคนหนึ่ง นี่คือการตัดสินใจของผม”
“อยู่อาศัย?!”
หญิงวัยกลางคนจ้องตาโตขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ: “นายรู้ไหมว่านายกำลังพูดอะไรอยู่ เมื่อกี้นายไม่เห็นสีหน้าท่าทางของเธอเลย!”
เธอหันหน้ากลับไปเห็นเสี่ยวหง เหมือนกับจับความหวังสุดท้ายได้อย่างนั้น ชี้ไปที่หล่อนบอกว่า: “นายลองถามเสี่ยวหงดูสิ ท่าทีของเธอเมื่อกี้กำเริบเสิบสานแค่ไหน! ผู้หญิงแบบนี้ไม่คู่ควรกับการเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลกู้เราได้ยังไง”
เสี่ยวหงชะงักไปทั้งตัว แต่ก็ไม่กล้าไม่ทำตามคำพูดของหญิงวัยกลางคน ได้แต่ขึ้นไปพูดว่า: “เมื่อกี้นี้คุณเฉียวพูดเถียงคุณนายจริงๆ”
กู้ซือเฉียนได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว แทรกคำพูดที่เธอรายงานมา: “พอแล้ว! เรื่องของผมคนอื่นไม่ต้องยุ่ง ที่นี่คือปราสาท ไม่ใช่บ้านตระกูลกู้ เพราะฉะนั้นพวกคุณอยากยุ่งก็เปลี่ยนที่ไปยุ่งที่อื่นเอาเถอะ สรุปคือเรื่องของที่นี่เอาตามที่ผมว่า!”
“แต่…”
หญิงวัยกลางคนหุบปากทันที เนื่องจากสบตาอันเย็นชาดั่งหมาป่าของผู้ชาย คิ้วยาวอันดุดันขมวดเล็กน้อย เหมือนกำลังแสดงความรำคาญของเจ้าของคนนี้อยู่
ในตระกูลกู้ ฐานะของเธอมิอาจสงสัยได้เลย แต่มีหนึ่งอย่างที่ยิ่งมิอาจสงสัยได้เลยก็คือปัจจุบันอำนาจทั้งหมดของตระกูลกู้กำอยู่ในมือชายหนุ่มคนนี้ แม้กระทั่งเธอคนนี้ที่เป็นแม่เลี้ยง แค่หนังหน้าครึ่งหนึ่งเขายังไม่ให้เลย!
ส่วนสายตาของเขาเมื่อกี้ ก็คือโมโหแล้วจริงๆ เหมือนในบ้านหลังนี้แค่เป็นการตัดสินใจของเขา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถสงสัยและเปลี่ยนแปลงแม้แต่ครึ่งหนึ่ง นี่คือกฎข้อบังคับที่ทุกคนในตระกูลกู้รวมทั้งท่านปู่กู้เจิงที่ปัจจุบันไม่จัดการเรื่องทุกเรื่องอีกแล้วยอมรับโดยปริยาย
ส่วนกฎข้อบังคับนี้ตกลงเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครจำได้แล้ว รู้แค่ว่าไม่รู้เริ่มตั้งแต่วันไหน ทุกคนล้วนชินกับการบัญชาการของเขา ชินกับการฟังทุกการวางแผนของเขาแล้ว
ส่วนเขาก็ใช้การปฏิบัติการจริงพิสูจน์การตัดสินใจถูกต้องของตัวเอง เสียงที่ไม่เห็นด้วยค่อยๆ กลายเป็นศูนย์ แม้กระทั่งทุกคนลืมไปแล้วว่าในบ้านหลังนี้ยังมีกู้เจิงที่เป็นเจ้าของตัวจริงยังอยู่อยู่
กู้ซือเฉียนหันหลัง กวาดสายตามองเสี่ยวหงที่ทั้งตัวแข็งทื่อ ไม่ได้มองนาน แต่กลับมองไปที่เฉียวฉีนานอยู่นิดหน่อยอย่างคาดคิดไม่ถึง
ผู้หญิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สบตากับเขาอย่างใจเย็น ไม่มีความน้อยเนื้อต่ำใจและความหวาดกลัวอย่างฐานะต่ำกว่าใครสักนิดเลย
เขาหัวเราะเยาะทีหนึ่ง
“มา พาเธอกลับไปตึกรองดูแลดีๆ ถ้าให้ผมเห็นออกมาเดินเล่น สร้างปัญหาให้กับผมอีก อย่ามาโทษผมไม่ไว้หน้าให้!”
แต่ละคนเงียบดุจจักจั่นในฤดูหนาว แม้กระทั่งคุณนายกู้ที่เป็นนายหญิงของบ้านขณะนี้ยังเหมือนลูกบอลที่ลมรั่วอย่างนั้น ถึงแม้ยังไม่พอใจอยู่ กลับไม่ได้ส่งเสียงคัดค้านอีก
ดวงตาของเฉียวฉีกลับสว่างขึ้นมาเล็กน้อย มองลงไปด้านล่างอัตโนมัติเมื่อได้ยินประโยคนี้ มือที่วางอยู่ข้างลำตัวกำหมัดไว้แน่น ตอบสนองการเอ่อล้นของอารมณ์ในใจเธอตอนนี้ออกมา
ทุกคนละเลยไปหนึ่งจุด แต่เธอไม่ได้ละเลย
นั่นก็คือเมื่อคุณนายกู้พูดออกมาว่าเธอไม่คู่ควรกับการเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลกู้
กู้ซือเฉียนไม่ได้ออกเสียงอธิบายอะไรเลย
สำหรับคนอื่น จุดนี้อาจจะไม่มีความหมายอะไร
แต่สำหรับเธอแล้วกลับมีความหมายอันลึกซึ้งมาก
เพราะสองคนเคยหมั้นกัน เพราะจนถึงตอนนี้ ในใจของเธอ ยังคงมีเขาอยู่
พอนึกถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยือกเย็นลอยขึ้นมามุมปากของเธอ ล่อวิญญาณ งับวิญญาณ ดั่งมันจูชาเงะที่เบิกบานอยู่อีกฝั่งของสะพานไน่เหอ
ภายใต้การยืนหยัดของเขา เฉียวฉีอยู่อาศัยภายในประสาทนี้อย่างปลอดภัย
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใช่กู้ซือเฉียนแอบกำชับกับคนในบ้านอะไรบ้างหรือเปล่า ตั้งแต่เรื่องของตอนบ่ายวันนั้นผ่านไปก็ไม่มีคนมาหาเรื่องเธออีกแล้ว
โชคดีที่ทุกวันนี้เฉียวฉีนอกจากทานข้าวแล้วแทบไม่ลงมาด้านล่างเลย ดังนั้นถึงแม้ว่าจะอาศัยอยู่ในปราสาทแห่งเดียวกันทุกคนก็น้อยมากที่จะเจอหน้ากัน หนึ่งวันผ่านมาก็ค่อยๆ เคยชินกันแล้ว
ยังดีที่คุณนายกู้ไม่ได้อยู่ที่นี่นานเท่าไหร่
อันที่จริงเธอแค่ออกมาท่องเที่ยว เดินทางผ่านที่นี่พอดีจึงมาอยู่สักสองวัน
เพราะเรื่องนี้ทำให้ถูกกู้ซือเฉียนไม่ชอบ ตัวเองก็รู้สึกเบื่อเหมือนกัน ดังนั้นตอนบ่ายวันที่สองก็เก็บของออกไปแล้ว
กู้ซือเฉียนไม่ได้ไปส่ง แค่สั่งให้ฉินเยว่ขับรถส่งพวกเธออย่างเดียว
คุณนายกู้รู้ดี ตอนนี้เขาอยู่ที่สูง กลัวแต่ว่าวันหลังทั้งตระกูลกู้จะเป็นของเขาคนเดียว เรื่องที่ตัวเองต้องดูสีหน้าของเขายังมีอีกเยอะ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเอง ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่เลย
เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
แค่ในใจอดแอบคิดไม่ได้ ถ้าลูกชายสองคนนั้นของตัวเองเจริญบ้างก็ดีแล้ว
เมื่อคุณนายกู้ออกไป เฉียวฉีก็ยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่างในห้องของตัวเอง ดูทุกสิ่งทุกอย่างนี้
เธอแอบจำเวลาที่คุณนายกู้ออกไปและเลขทะเบียนรถไว้
หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ ต่อมาจึงเอาโน้ตบุ๊คมาเครื่องหนึ่งจากบนโต๊ะ
โน้ตบุ๊คเครื่องนี้และมือถือที่เธอใช้อยู่ตอนนี้ล้วนเป็นที่ลุงโอส่งมาให้เมื่อวันที่สองหลังจากเข้ามาอยู่ตระกูลกู้ ตอนที่รับมาเธอได้ตั้งใจตรวจสอบดูแล้ว เครื่องใหม่ ไม่มีรอยแกะออกแล้วประกอบใหม่ และก็ไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ “ไม่เป็นมิตร” ใดๆ สามารถแน่ใจได้ว่าปลอดภัยดี
แต่นี่จะโทษเฉียวฉีละเอียดอ่อนเกินไปไม่ได้ ข้อหนึ่ง ประสบการณ์จากเมื่อก่อนทำให้เธอไม่เตรียมพร้อมที่จะเชื่อใจใครคนไหนได้ง่ายๆ อีกแล้ว
ข้อสอง กี่วันนี้ที่อยู่ที่นี่เธอรู้สึกได้แล้วว่าถึงแม้ปราสาทแห่งนี้ภายนอกจะดูปกติมาก นอกจากหรูหราไปหน่อย ฟุ่มเฟือยไปหน่อย ไม่มีตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน ความจริงแล้วรอบๆ นี้แอบซุ่มจารชนไว้ไม่น้อยกว่ายี่สิบคน และแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือ