จริงๆ แล้วเมื่อก่อนตอนที่เธอกับกู้ซือเฉียนยังดีอยู่ ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าแถวๆ นี้มีคนคอยรักษาความปลอดภัยอยู่
แค่ตอนนั้นยังเป็นยามรักษาการณ์อยู่ ปัจจุบันกลับเปลี่ยนเป็นจารชน เห็นได้ว่ากู้ซือเฉียนยกระดับสำหรับด้านการรักษาความปลอดภัยของปราสาทแล้วไม่น้อย
เป็นนักฆ่ายอดเยี่ยมคนหนึ่ง เธอทำความเข้าใจกับสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองอยู่เป็นสิ่งแรกอย่างเคยชิน แต่สำหรับจารชนเหล่านี้เธอกลับไม่มีความคิดอะไรมาก ถึงอย่างไรสถานะของกู้ซือเฉียนก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
อีกอย่าง ตระกูลกู้ยังรวยมากด้วยนี่!
คนรวยส่วนใหญ่แล้วรักชีวิต ถ้าไม่จ้างที่มีฝีมือจริงๆ มาเฝ้ามากันไว้กี่คนทุกๆ วัน เผลอๆ วันไหนอาจจะมีคนปลงไม่ตกอุ้มปืนยาวและปืนใหญ่มาปล้นทรัพย์จริงๆ จะทำไง
ควรรู้ไว้ว่าบนโลกใบนี้คนที่มีจิตใจเกลียดคนรวยกับบ้าคลั่งสุดขีดมีไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม เธอยังคงระวังตัวไว้ รอคืนหนึ่งที่ฟ้ามืดลมแรง แอบทำความเข้าใจกับการจัดวางกำลังป้องกันโดยประมาณของจารชนเหล่านี้ จากนั้นแอบจำไว้ในใจ
ใครจะรู้ไม่แน่วันไหนอาจจะได้ใช้ก็เป็นไปได้ สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ที่นี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถึงแม้เธอกับกู้ซือเฉียนคุยกันไว้แล้วว่าเป็นการร่วมมือกัน
แต่ในใจมีความแค้นทั้งสองคน ไม่แน่วันไหนอาจจะดึงมีดออกมาแทงกันก็เป็นไปได้
ส่วนคนในที่นี้ ไม่มีใครที่อยู่ฝั่งเดียวกับเธอแม้แต่สักคนเดียว จริงๆ แล้วถ้าไม่ใช่ว่าเรื่องที่เธอจะทำยากที่จะทำได้ด้วยตัวคนเดียวเอง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ต่อดูสีหน้าคนอื่นเขาอย่างหนังหน้าหนา
พอนึกถึงตรงนี้ อยู่ๆ ในใจเหมือนมีมือยักษ์ตัวหนึ่งบีบแรงๆ เจ็บจนขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
ลูกตาดำสนิทหมุนไปมา เฉียวฉีหายใจเข้าลึกๆ ใช้สติกดความรู้สึกปั่นป่วนในใจลงไปอย่างบังคับ จากนั้นเปิดโน้ตบุ๊คออกมา
อย่างแรกเธอกดเข้าไปเว็บไซต์บันเทิงเรียกดูหลายนาทีก่อน จากนั้นจึงกดเว็บเพจข่าวสารที่จะดูออกมา
เนื่องจากว่าไม่รู้อินเทอร์เน็ตที่นี่ปลอดภัยจริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเธอไม่กล้าเข้าสู่ระบบเว็บไซต์ส่วนองค์กรที่เกี่ยวกับข่าวสารการทหารที่ก่อนหน้านี้เคยติดตามหลายเว็บไซต์ แม้ว่าตรงนั้นอาจมีข่าวสารที่เธออยากรู้มากกว่าก็ตาม
ดูเว็บไซต์ข่าวสารการทหารผ่านๆ มาหลายเว็บไซต์แล้ว นอกจากการซ้อมใหญ่การป้องกันชายแดนกี่ครั้งช่วงนี้แล้วไม่มีข่าวสารอย่างอื่นอีก เฉียวฉีมีความผิดหวังเล็กน้อย ในขณะที่ผิดหวังอยู่ ก็มีป๊อปอัพที่เด้งออกมาจากQQดึงดูดความสนใจของเธอ
ข่าวสารที่เด้งออกมาจากการกดป๊อปอัพ กลับเป็นรายงานข่าวเรื่องผู้หญิงที่ไปเรียนต่อประเทศRคนหนึ่งหลังจากสนุกสนานในไนต์คลับเสร็จก็ถูกคนข่มขืนแล้วฆ่า เธอกวาดสายตาอ่านผ่านๆ เมื่อกดไปถึงรูปสุดท้าย ทั้งตัวชะงัก
สถานที่ของการถ่ายรูปภาพอยู่ข้างในคูน้ำเหม็นข้างๆ ทางด่วนเส้นหนึ่ง ศพเปลือยล่อนจ้อนทั้งตัว บนศพยังมีรอยแดงจ้ำ สีหน้าขาวซีด ครึ่งตัวล่างที่เน่าแล้วเล็กน้อยยังมีสิ่งมีชีวิตในน้ำตัวอันน้อยนิดติดอยู่มากมาย พูดไม่ออกว่ามันคืออะไร แต่ทำให้คนรู้สึกว่าน่าขยะแขยงและน่ากลัวเป็นพิเศษ
สีหน้าของเฉียวฉีขาวซีดลงมาทันที ลมหายใจค่อยๆ เร็วขึ้น นิ้วมือที่จับขอบโน้ตบุ๊คอยู่เนื่องจากออกแรงมากเกินไปจนขาวซีดแบบไม่มีสีเลือด เธอจ้องมองรูปภาพที่อยู่นิ่งบนหน้าจอโดยไม่ขยับตัวเลย สายตาหม่นหมองมืดมนจนเหมือนกับปีศาจที่ทะลักออกมาจากนรก
“ปึง!”
เธออยู่ๆ ก็ปิดโน้ตบุ๊คลงอย่างแรง หลับตาลงเงยหัวขึ้นมา เหมือนกำลังปรับอารมณ์ของตัวเองอยู่
จากนั้นกระโดดลงจากเตียงด้วยท่าทางว่องไว
ตอนนี้เวลาห้าทุ่มแล้ว คนในบ้านส่วนใหญ่หลับกันหมดแล้ว แต่มีคนหนึ่งกลับยังไม่ได้หลับแน่นอน นั่นก็คือกู้ซือเฉียน
เธอมาที่ตึกหลัก เป็นอย่างที่คิดจริงๆ อยู่ไกลๆ ก็เห็นไฟในห้องอ่านหนังสือยังเปิดอยู่
สังเกตมาหลายวัน เฉียวฉีก็พอรู้ประมาณว่าปกติถ้าไม่ยุ่งจนถึงตีหนึ่งตีสองเขาไม่ยอมพัก แต่ตอนเจ็ดโมงเช้ากลับออกจากบ้านตรงเวลา เพราะฉะนั้นความจริงสองคนไม่ค่อยมีโอกาสอะไรได้เจอหน้ากัน
และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอไปหาเขาด้วยตัวเองในกี่วันนี้
เนื่องจากว่าคือกลางคืน และยังอยู่ในบ้านด้วย เพราะฉะนั้นเธอใส่แค่ชุดนอนหนึ่งตัว สีเลือดหมู มีสองชั้น ข้างในสายเดี่ยว ข้างนอกใส่เสื้อกันหนาวผ้าไหมบางๆ ตัวหนึ่ง
“ปัง ปัง ปัง!”
เดินไปถึงหน้าประตูห้องอ่านหนังสือ เธอเคาะประตู
สามวินาทีผ่านไป เสียงชัดเจนและเย็นชาของผู้ชายดังมาจากข้างใน: “เข้ามา”
เฉียวฉีผลักประตูออก แวบเดียวก็เห็นผู้ชายที่ตั้งใจฟุบครุ่นคิดอยู่หลังโต๊ะทำงาน แสงไฟมืดเหลืองส่องให้เห็นหน้าข้างๆ ที่หล่อเหลาของเขา คิ้วยาวยกขึ้นเบาๆ ริมฝีปากบางเม้มเป็นรูปโค้งที่ดูดี ราวกับภาพวาดสีน้ำมันที่หยุดนิ่งรูปหนึ่ง
เขาไม่ได้เงยหัวขึ้นมา ก็เหมือนรู้ว่าคนที่มาเป็นใครแล้ว
วินาทีถัดมาก็ได้เขาถามสั้นๆ อย่างที่คิดไว้: “มีเรื่องอะไร”
เฉียวฉีไม่ได้เดินเข้าไปข้างในอีก กลับยืนนิ่งตรงประตู ระยะที่ห่างกันไม่ถือว่าไกลแต่ก็ไม่ถือว่าใกล้หรี่ตาลงครึ่งหนึ่งมองเขา ส่งเสียงออกมาจากข้างในจมูกเบาๆ “อืม”
ลังเลสามวินาที ในที่สุดเธอก็บอกคำขอของตัวเองออกมา: “พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปโตเกียวคุณช่วยจัดหาเที่ยวบินให้ฉันหน่อย”
เนื่องจากว่าสมัยก่อนกู้ซื่อกรุ๊ปได้รับซื้อบริษัทซานรุ่ยคาร์ของประเทศR ส่วนระหว่างบริษัทซานรุ่ยคาร์กับประเทศRบริษัทสายการบินก็มีความสัมพันธ์ติดหนี้สินกับถูกติดหนี้สินอย่างสลับซับซ้อน ดังนั้นเฉียวฉีรู้ดีว่ากู้ซือเฉียนมีสิทธิพิเศษในบางด้าน
แล้วพรุ่งนี้เช้าเธอจะรีบไปโตเกียวมาจองตั๋วเครื่องบินตอนนี้ไม่ทันแน่นอน ดังนั้นจึงต้องขอความช่วยเหลือจากเขา
ผู้ชายขนาดหัวยังไม่เงยขึ้นมา ถามอย่างไม่สนใจไยดีว่า: “ไปทำอะไรที่โตเกียว”
“มีเพื่อนคนหนึ่งเสียชีวิตแล้ว ไปเข้าร่วมงานศพ” บางครั้งเฉียวฉีพูดโกหกขึ้นมาขนาดตายังไม่กะพริบแม้แต่ครั้งเดียวเลย
“ชื่อว่าอะไร”
เฉียวฉีแอบตะลึงเล็กน้อย: “ใคร”
ห้าวินาทีผ่านไป ผู้ชายเงยหน้าขึ้นมาจากท่ามกลางเอกสารเป็นกองๆ เหล่านั้น ภายใต้แสงไฟดวงตาดำสนิทคู่หนึ่งสงบนิ่งจนเหมือนกับทะเลลึกในคืนมืด ริมฝีปากบางเปิดออกมาเบาๆ: “เพื่อนคนนั้นของคุณ”
“…”
คำโกหกที่เฉียวฉีพูดไปเรื่อย จะไปเคยคิดชื่อสักที่ไหนล่ะ เธอก็กลัวว่าถ้าพูดออกมามั่วๆ ชื่อหนึ่งเขาจะยิ่งตีหม้อดินแตกแล้วถามจนถึงที่สุด จึงปิดปากไม่ยอมตอบ
ผู้ชายยกคิ้ว เหมือนเริ่มรำคาญแล้ว
เธอครุ่นคิดไปมา จู่ๆ อารมณ์ก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างยุ่งเหยิง เอาไหล่ไปพิงตรงประตูอย่างตามใจ พูดว่า: “บอกแล้วคุณก็ไม่รู้จักอยู่ดี คุณก็บอกเลยว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย!”
กู้ซือเฉียนเม้มปากไว้ ไม่ได้ตอบ สายตาดั่งสแกนเนอร์แบบมีความละเอียดสูงเครื่องหนึ่งกวาดดูทั่วตัวเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง
จากนั้นเขาก้มหน้าลงดูเอกสารของตัวเองต่อ ลูกตาดำสนิทกลับมืดยิ่งกว่าก่อนหน้านี้แล้ว
“ไม่ช่วย!” เขาปฏิเสธด้วยเสียงต่ำ
หยุดแล้วสักพัก เหมือนรู้สึกได้ว่าตรงประตูผู้หญิงส่งสายตาสว่างไสวมา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเงยหัวขึ้นมาสบตาเฉียวฉี อธิบายอย่างสงบราบเรียบ: “พรุ่งนี้โตเกียวจะมีพายุไต้ฝุ่น ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่สำคัญมากก็ให้ทางนั้นส่งคนไปก็ได้!”
เฉียวฉีอึ้งอีกครั้ง กลับมาตอบสนองได้ทันที ส่ายหัวปฏิเสธว่า: “ไม่ต้องแล้ว”
พูดจบ ก็หันหลังกลับจากไปในสายตาตะลึงของผู้ชาย ตอนไปยังมีการปิดประตูห้องอ่านหนังสืออย่างมีมารยาทด้วย
แต่เพิ่งปิดประตูเสร็จ เธอก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
กลางดึก บนระเบียงทางเดินเปิดแค่ไฟติดผนังสีส้มเหลืองดวงเดียว แสงไฟนุ่มนวลลากเงาของผู้หญิงได้ไกลมาก ยืดไปจนถึงท่ามกลางความมืด เธอยืนสันหลังตั้งตรงภายใต้แสงและเงา ไม่ขยับตัวเนิ่นนาน ดั่งรูปปั้นอันนิ่งเงียบองค์หนึ่ง
“ฉันไม่ให้เธออยู่บนแผ่นดินสกปรกแห่งนั้นต่อแน่นอน!” เธอแอบกำหมัดขึ้นมาแน่นๆ