หลังจากที่หลินซงทะเลาะกับหลินเยว่เอ๋อร์เสร็จเขาก็ออกมาจากปราสาท
หลินเยว่เอ๋อร์ถูกโมโหใส่ เธอน้อยใจและหงุดหงิด เธอออกมาจากตึกใหญ่กลับไปที่ตึกเล็ก เธอขังตัวเองอยู่ในห้องและไม่กลับมาอีก
กู้ซือเฉียนกลับไปที่ห้อง อาบน้ำและจัดการเรื่องงานต่อ
จากนั้นก็ถึงเวลาอาหารเย็น
เขาขมวดคิ้วมองดูนาฬิกาข้อมือ หกโมงเย็นแล้ว
กดกริ่งเรียกลุงโอ
“ลุงโอ เธอกลับรึยัง?”
ลุงโอรู้ดีว่า “เธอ” ที่เขาพูดถึงคือใคร
เขาก้มหน้าตอบเบาๆ “ยังครับ”
ยังไม่กลับมา?
กู้ซือเฉียนขมวดคิ้วแน่น ใจเขารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่รู้ตัว
เขาโบกมือบอกให้ลุงโอออกไป จากนั้นก็เดินไปที่หน้าต่าง มองดูแสงไฟที่สว่างไสวในตอนกลางและขมวดคิ้ว
ผู้หญิงคนนี้ไปไหน?
ตอนแรกที่พวกเขาตกลงกัน เขาไม่แตะต้องเธอชั่วคราว ให้เธออยู่ที่ปราสาท และเธอก็ได้ไขความลับของแผนที่แผ่นนั้นให้เขา
เดิมทีมันเป็นแค่ความสัมพันธ์ของสัญญา เขาไม่มีเหตุผลและสิทธิ์ที่จะยุ่งเรื่องของเธอ
แต่ว่าลึกลงไปในใจมันกลับดูเหมือนมีเสียงร้องอย่างสุดชีวิต อยากออกไปหาเธอ ให้เธออยู่ในสายตาของตัวเองตลอด ไม่ให้เธอจากไปไหน!
กู้ซือเฉียนเงยหน้าขึ้น หลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึกๆ
แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้โทรหาเธอ หันหลังและเดินออกไป
และในขณะนี้เอง อีกด้านหนึ่ง
ในบาร์ เฉียวฉีถือไวน์แดงหนึ่งแก้ว นั่งบนเก้าอี้สูงข้างบาร์ มองดูกลุ่มคนที่เต้นอยู่บนฟลอร์ตรงหน้าตัวเองอย่างเหม่อลอย
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ หกโมงเจ็ดโมงเย็น ไฟข้างนอกเปิดแล้ว แต่ชีวิตยามค่ำคืนของผู้คนยังไม่ได้เริ่มขึ้น คนที่มาที่นี่ นอกจากจะเป็นแขกไม่กี่คน ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นพนักงานของบาร์
ถังชีชีถือแก้วค็อกเทลเดินเข้ามา วางลงบนบาร์ข้างๆเธอ ใช้มือข้างหนึ่งพยุงบาร์แล้วนั่งบนเก้าอี้สูงเลียนแบบเธอ
ยิ้มให้เธอและพูดว่า: “พี่ ทำไมวันนี้ถึงคิดที่จะมาหาฉัน?”
เฉียวฉีมองไปที่เธอและยิ้ม “ไม่มีอะไร บังเอิญผ่านมา นึกขึ้นได้ว่าเธอยังทำงานที่นี่อยู่ เลยแวะเข้ามาหา”
ถังชีชีพยักหน้าแล้วถามอีกว่า “ตอนนี้พี่ทำงานที่ไหน เป็นยังไงบ้าง?”
เฉียวฉีเพิกเฉยกับคำถามแรกของเธอโดยอัตโนมัติและตอบแค่ว่า:“ก็ดี”
เธอพูดเบาๆ ยกแก้วขึ้นมาจิบ แต่สายตากลับยังมองไปบนฟลอร์
ที่นั้น มีแขกวัยหนุ่มสาวสองสามคนเต้นตามเพลง ถึงแม้ว่าจะมีแขกเพียงไม่กี่คน แต่พวกเขาก็เต้นกันอย่างสนุกสนาน
เหมือนว่าเธอจะนึกอะไรขึ้นได้ เธอหันหน้าไปถามถังชีชี:“เมื่อไรเธอจะลาออก?”
ถังชีชี ยิ้มและพูดว่า: “ส่งใบลาออกไปแล้ว พวกเขาอยากให้ฉันทำต่ออีกครึ่งเดือน รอให้พวกเขาหาคนมาแทนที่ฉันได้ ฉันก็ออกไปได้แล้ว”
เฉียวฉีขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว
“อีกครึ่งเดือน?”
ถังชีชีโบกมืออย่างไม่สนใจ “ทำมาตั้งนานแล้ว พวกเขาก็ดีกับฉัน โดยเฉพาะหัวหน้า ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว จะบอกว่าลาออกก็ลาออกคงไม่ได้ ฉันก็ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ”
เฉียวฉีครุ่นคิดแล้วพยักหน้า
“โอเค เธอตัดสินใจเอง ระวังตัวด้วย”
ถังชีชีพยักหน้า
ทั้งสองคนคุยกันพักหนึ่ง เฉียวฉีทำเหมือนกับว่าเธอบังเอิญผ่านมาจริงๆ ถังชีชีก็ไม่ได้สงสัยอะไร
กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ถังชีชีมองไปรอบๆและพูดว่า “พี่ โทรศัพท์ของพี่”
เฉียวฉีหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า โทรศัพท์ยังคงเป็นเครื่องเก่าที่ถังชีชีเอาให้เธอก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าลุงโอจะเตรียมโทรศัพท์และซิมใหม่ให้ เอาไปวางไว้ในห้องของเธอ แต่เธอก็ไม่ใช้
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่จำเป็น เธอไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกู้ซือเฉียน
ถึงแม้จะเป็นแค่เรื่องโทรศัพท์เล็กๆน้อยๆก็ตาม
เฉียวฉีมองดูเบอร์บนหน้าจอ เธอขมวดคิ้ว กดปิดเสียงแล้วใส่กลับเข้าไปในกระเป๋า
ถังชีชีเห็นแบบนี้ เธอก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น:“เบอร์ใคร ทำไมไม่รับสาย?”
เฉียวฉียิ้มอ่อน “โฆษณา ขี้เกียจรับมือ”
“อ๋อ”
ถังชีชีไม่ได้สงสัยอะไร ยกแก้วค็อกเทลของตัวเองขึ้นมาชนแก้วกับเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ ตอนนี้พี่ออกมาแล้ว แล้วยังหางานใหม่ได้แล้ว ยินดีด้วย ขอให้พวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวที่ไร้เดียงสาช่างบริสุทธิ์
เฉียวฉีถูกรอยยิ้มของเธอแพร่กระจายใส่ เธอก็ยกแก้วขึ้นมาชนกับเธอ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นดื่ม
ดื่มไวน์เสร็จ เธอยกข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วพูดว่า:“ดึกแล้ว ฉันต้องกลับแล้ว”
“ตอนนี้เหรอ พี่ขับรถมาเหรอ?”
“ป่าว โบกแท็กซี่กลับ”
เธอกระโดดลงจากเก้าอี้สูง ตบไหล่ถังชีชีเบาๆแล้วพูดว่า:“ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก ใช้ชีวิตให้มีความสุข ว่างๆฉันจะมาหา”
ถังชีชีได้ยินแบบนี้ เธอก็ไม่ได้ไปส่งเธอ เธอยิ้มและพยักหน้า: “ฉันรู้หน่า”
เฉียวฉีโบกมือและเดินหันหลังออกไปจากบาร์
ข้างนอกมืดแล้ว
เมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้าที่เดิมทีก็มืดมนอยู่แล้วดูเศร้าหมองลงกว่าเดิม ราวกับกดทับลงบนหัวใจคน ทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างบอกไม่ถูก
เฉียวฉีหยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังในกระเป๋าออกมาอีกครั้ง มองเบอร์ที่อยู่บนหน้าจอ เส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากก็อดไม่ได้ที่จะกระตุ้นสองครั้ง
กู้ซือเฉียน
ผู้ชายคนนี้ โทรมาหาเธอตอนนี้ทำไม?
ในช่วงที่เธออยู่ที่ปราสาท ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยออกไปไหนคนเดียว ปกติก็ไม่เคยเห็นว่าเขาจะสนใจ
หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เฉียวฉีลังเลอยู่พักหนึ่ง เหลือบมองดูเวลา พึ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง ห่างจากเวลาที่นัดกับพวกเจ้าแปดยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ยังพอมีเวลารับโทรศัพท์
ดังนั้นเธอจึงกอดเสื้อคลุม เดินออกไปข้างนอกพร้อมกับรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
“อยู่ที่ไหน?”
ตรงข้ามเป็นเสียงที่สงบและเย็นชาของชายคนนั้น เฉียวฉีแทบจะจินตนาการได้ว่า ตอนที่เขาถามประโยคนี้ ใบหน้าของเขาคงจะสงบนิ่ง
เธอตอบกลับไปแบบส่งๆ:“ข้างนอก ทำธุระ”
“ธุระอะไร?”
เฉียวฉีเลิกคิ้ว
อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“บอสกู้กำลังตรวจสอบงานอยู่?”
อีกฝ่ายเงียบไปสักพัก
บอกไม่ได้ว่าเขามีอารมณ์ยังไง น้ำเสียงที่ยังคงนิ่งเงียบแต่กลับลึกซึ้งกว่าเดิม
“กลับมา มีเรื่องจะคุยกับคุณ”
เฉียวฉีตกใจ
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ตัดสาย
เธอวางโทรศัพท์ลง มองดูโทรศัพท์ที่ถูกตัดสาย เงียบไปไม่กี่วินาที เธอยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย
ตอนกลางคืน สองทุ่ม
บริเวรใกล้กับโรงงาน รถออฟโรดสีดำขับเข้าไปในที่โล่งและหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ประตูรถเปิดออก ชายรูปร่างสูงผอมกระโดดออกมาก่อน จากนั้น ก็มีผู้หญิงรูปร่างสูงผอม แต่กลับดูเหมือนจะร่าเริงแจ่มใสกระโดดลงจากประตูหลังเหมือนกัน