ราวกับโยนก้อนหินลงไปในทะเลสาบอย่างกะทันหัน
กู้ซือเฉียนตกใจเป็นอย่างมาก บอกไม่ได้ว่าทำไม จู่ๆเขาก็รู้สึกกระวนกระวาย
สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ยังคงมืดมนเหมือนเดิม แต่ดวงตากลับลึกซึ้งมากขึ้น
“เฉียวฉี ผมบอกแล้วว่า กลับมา เรามาปรึกษากันใหม่”
“ไม่มีอะไรให้ปรึกษา”
น้ำเสียงของเฉียวฉีเย็นชา มีกลิ่นอายของความเหนื่อยล้าที่เห็นได้ชัด:“กู้ซือเฉียน วันนี้คุณแพ้กอล์ฟฉัน บอกว่าจะรับปากอีกฝ่ายหนึ่งเรื่องไม่ใช่เหรอ?”
เขาไม่ได้พูดอะไร
เธอพูดต่อว่า:“งั้นก็เรื่องนี้แหละ ยุติความร่วมมือ ต่อจากนี้ไปเราไม่จำเป็นต้องเจอกันอีก ไม่ตายก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันเคยบอกแล้วว่า พี่น้องของสโมสรกลุ่มหงส์แดง ฉันไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาตายไปเฉยๆแน่นอน”
เธอพูดจบก็ไม่สนใจเขา หันหลังเดินออกไปทันที
เขาตะโกนออกมาจากข้างหลัง “จับเธอไว้!”
ทันทีที่พูดเสร็จ ก็มีชายร่างใหญ่หลายคนกระโดดออกมาจากความมืดและมายืนอยู่หน้าเฉียวฉี
สีหน้าของเฉียวฉีเย็นชาลงทันที
หันหน้าไปมองกู้ซือเฉียนแล้วพูดอย่างเย็นชา:“คุณจะให้ฉันลงไม้ลงมือจริงๆ?”
กู้ซือเฉียนรู้ดีว่าเธอในวันนี้ไม่ใช่เธอเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว ชีวิตในคุกสี่ปีได้ขัดเกลาให้เธอเข้มแข็งและอดทนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการหรือฝีมือเธอก็เก่งมากขึ้น
แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เธอสามารถออกไปได้
เธออาจจะเคยชนะเขา แต่ที่นี่คนเยอะขนาดนี้ เธอจะชนะพวกเขาทุกคน?
ถึงแม้ว่าเธอจะโค่นล้มทุกคนที่นี่ได้ แต่คนทั้งในและนอกปราสาทนี้มีตั้งกี่คน เธอจะโค่นล้มได้หมดทุกคน?
ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลว่าเธอจะออกไปได้
แต่ในใจก็ยังมีความรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย บอกไม่ได้ว่าทำไม แต่มันมักจะรู้สึกว่า ถ้าวันนี้เธอจากไปจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาคงจะสูญเสียเธอไปจริงๆ
เขาก้าวขาเดินเข้าไปข้างหน้า จับมือเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า:“คุณมากับผม”
พูดเสร็จก็มีดึงเธอขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว
คิดไม่ถึงว่าเฉียวฉีไม่ได้ตอบโต้
หนึ่งคือ เธอรู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ กู้ซือเฉียนตั้งใจที่จะใช้กำลังรั้งเธอเอาไว้ เธอคงไม่มีทางหนีออกไปได้
สองคือ ในใจของเธอยังคงมีความคาดหวัง อยากเห็นว่าเขาต้องการจะพูดอะไรกับตัวเอง
ยังมีอะไรให้พูดอีก?
มาถึงห้องหนังสือ เฉียวฉีรู้สึกว่ากระดูกข้อมือของเธอถูกเขาบีบจนเจ็บ แต่เธอไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เขาจับมือมาจนถึงห้องหนังสือ
เข้ามาในห้อง กู้ซือเฉียนเดินไปที่โต๊ะหนังสือของตัวเองย่างเคร่งขรึม
เห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ ถึงแม้ว่าสีหน้ายังคงมืดมน แต่กลับไม่มีความเย็นชาแบบเมื่อกี้
“มานี่!”
เขาเรียก
เฉียวฉีก็ไม่ได้พูดอะไร เดินเข้าไป เห็นเขาหยิบเอกสารออกมาจากใต้โต๊ะ
“ดูอันนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ”
เขาพูดพร้อมกับโยนเอกสารให้เธอดู
เฉียวฉีรู้สึกสับสน รับเอกสารมาเปิดดู
เปิดไปด้านหลัง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
เธอปิดเอกสารทันที มองหน้าเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อและถามว่า “เป็นไปได้ยังไง?”
ตอนนี้กู้ซือเฉียนสงบลงอย่างสมบูรณ์แบบ
เขาคิดในใจว่า สิ่งที่เธอจะควรรู้ สุดท้ายก็ควรบอกให้เธอรู้
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา เขาจะไม่อยากให้เธอเผชิญกับความจริงที่โหดร้ายแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะเกลียดการทรยศของเธอ แต่ในหัวใจของเขายังคงมีเสียงที่แผ่วเบาบอกเขาว่า บางทีเรื่องในตอนนั้นเธออาจจะไม่ใช่คนทำจริงๆ
ข้อมูลลับเหล่านั้น ไม่ใช่แค่รั่วไหลออกมาจากสโมสรกลุ่มหงส์แดง กลุ่มมังกรก็รั่วไหลออกมาเหมือนกัน
เฉียวฉีที่เป็นคนกลางระหว่างสององค์กร การที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง สำหรับเธอแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์อะไร
แค่ในตอนนั้น หลักฐานทั้งหมดมันชี้ไปที่เธอ เขาจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีคำอธิบายให้กับพวกพี่น้อง
คิดแบบนี้ เขาก็หายใจเข้าลึกๆและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คุณดูด้านหลังต่อไป ดูหน้าสุดท้าย”
เฉียวฉีดูด้านหลังตามที่เขาบอกจริงๆ
ยิ่งเปิดไปด้านหลังยิ่งทำให้เธอใจสั่น
เห็นว่านี่คือรายชื่อของสมาชิกสโมสรกลุ่มหงส์แดงและกลุ่มมังกรเมื่อปีนั้น ตอนแรกสโมสรกลุ่มหงส์แดงและกลุ่มมังกรไม่ได้เป็นศัตรูกัน
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ทั้งสององค์กรยังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน
ถ้าไม่ใช่แบบนี้ เฉียวฉีที่ออกจากลุ่มมังกรก็คงไม่มีทางได้เข้าไปอยู่ในสโมสรกลุ่มหงส์แดง
ดังนั้น ในตอนนั้น ภายในสององค์กรนี้ ที่จริงแล้วพวกเขาไปมาหาสู่กัน ระหว่างสมาชิกก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงข้อสงสัยอะไรมากมาย
และก็เพราะแบบนี้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายประมาทเลินเล่อ
ในเอกสารฉบับนี้ได้ระบุไว้อย่างละเอียด เกี่ยวกับข้อมูลและที่อยู่ของคนที่รอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนั้น
อ่านดูดีๆก็จะเห็นว่า มีคนจำนวนหนึ่งออกไปจากที่นี่ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล และไปเข้าร่วมที่องค์กรที่เรียกว่ากลุ่มชาวจีน
พวกเขาบอกว่าทำเพื่อพี่น้องทั้งหมดที่ตายไปเพราะการต่อสู้ครั้งนั้น
แต่ตอนนี้ คนพวกนี้กลับมีชีวิตอยู่ด้วยสถานะและชื่ออีกชื่อหนึ่ง
พวกเขาไม่ได้ตายไปจริงๆ แต่สิ่งที่ตายไปเป็นแค่มิตรภาพระหว่างพวกเขากับเธอเท่านั้น
เฉียวฉีไม่อยากจะเชื่อ เธอรู้สึกเหมือนมีคนเอาขวานสับลงมาที่หัวของเธอ ทำให้หัวของเธอว่างเปล่าไปหมด
เธอตัวสั่นไปหมด สีหน้าซีดเซียว ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เธอพยุงโต๊ะเอาไว้แล้วพูดว่า:“เป็นไปไม่ได้ เป็นแบบนี้ได้ยังไง?พวกเขา พวกเขา……”
กู้ซือเฉียนมองเธออย่างเงียบๆและพูดว่า “คุณยังจำได้ไหม ตอนนั้นเราหักหน้ากันเพราะอะไร?”
เฉียวฉีเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ “แผ่นหยกคัมภีร์สววรค์”
“ใช่ แผ่นหยกคัมภีร์สววรค์”
แผ่นหยกคัมภีร์สววรค์ สิ่งของที่มีประวัติศาสตร์กว่าสองพันปีที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อห้าปีก่อน ในตำนานบันทึกสมบัติล้ำค่าเอาไว้ สมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตและเป็นอมตะ
พูดตามความจริง ตอนที่เฉียวฉีเห็นข่าวลือนี้ เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ
แต่ต่อมา มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ความคิดเธอเปลี่ยนไป
เพราะเธอเห็นกับตาตัวเอง คนที่ถูกกระสุนปืนยิงที่หัว ภายใต้การรักษาของแผ่นหยกคัมภีร์สววรค์ บาดแผลได้หายวับไปกับตา
เธอไม่มีวันลืมความตกใจในตอนนั้นได้
ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เธอก็คงไม่มีทางเชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีเรื่องที่มหัศจรรย์แบบนี้
เลือดและเนื้อของมนุษย์ คิดไม่ถึงว่าจะใช้แค่หยกชิ้นเล็กๆก็สามารถรักษาบาดแผลได้ ทำให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง? ? ?
เป็นไปได้ยังไง?
แต่ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อ คนที่เห็นเหตุการณ์มหัศจรรย์ตอนนั้นไม่ได้มีน้อยๆ
ทุกคนตาแตกกันหมด และหลังจากรู้ถึงความล้ำค่าของสมบัติชิ้นนั้น ทุกคนก็อยากจะเอามันมาครอบครอง
แต่แผ่นหยกคัมภีร์สววรค์ที่ถูกค้นพบเพียงชิ้นเดียวได้ใช้ไปหมดแล้ว