วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 790 ไม่กล้าทำให้เธอโกรธ

เฉียวฉี ไม่ได้คิดว่าคนตนเป็นคนดีอะไร และอารมณ์เธอก็ร้าย

หากเพียงแค่ครั้งสองครั้งเธอก็จะยังอดทนอยู่

ก่อนหน้านี้ที่สนามกอล์ฟ หลินเยว่เอ๋อร์จงใจมาหาเรื่องกับเธอและสาดน้ำใส่หน้าเธอ จึงถูกเธอตบเข้าให้หนึ่งครั้งถือว่าเจ๊ากัน ดังนั้น เธอจึงไม่รู้สึกว่าหลินเยว่เอ๋อร์ เอาเปรียบอะไรเธอ

แต่แม้จะเป็นแบบนั้น เฉียวฉีก็รู้สึกหมดความอดทนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ตามติดสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อนแบบนี้

เธอเกลียดการทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆน้อยๆ และอุบายของผู้หญิงพวกนี้

แม้จากความสามารถของเธอจะรับมือกับมันได้อย่างสมบูรณ์แบบก็ตาม แต่เธอก็จะรู้สึกรำคาญและเหนื่อยหน่ายจึงไม่อยากจะเข้าไปยุ่งด้วย

ดังนั้น จะเป็นการดีกว่าถ้าข่มขู่ไปแรงๆสักทีเพื่อที่จะได้ไม่มายั่วยุตนอีก

เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉียวฉีก็รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย และในขณะนั้นเองร่างอันคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นนอกหน้าต่าง

“เฉียวฉี เหม่ออะไรอยู่?”

เฉียวฉีตกตะลึงและได้สติกลับคืนมา

หลังจากที่จดจ่ออยู่สักพัก ในที่สุดก็มองเห็นว่านอกหน้าต่างนั่นหลินซงยืนเอามือไขว้หลังอยู่และยิ้มให้เธอ

เธอจึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “มาได้ยังไงกัน?”

“ผมอยู่บ้านแล้วรู้สึกเบื่อๆ ก็เลยมาเดินเล่นน่ะ”

เขาพูดจบก็มองซ้ายมองขวา และหันไปถามเธอว่า “ออกมาเดินเล่นหน่อยมั้ย?”

เฉียวฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบตกลงเขา

หลินซงไม่ใช่คนแปลกหน้า ก่อนหน้านี้สี่ปีครึ่งตอนที่เธอและกู้ซือเฉียนอยู่ด้วยกัน ก็สนิทสนมกับเพื่อนฝูงคนนี้มาก และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

หลินซงเป็นคุณชายของหลินซื่อกรุ๊ป และถูกคนในครอบครัวทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้มีชื่อเสียงว่าเป็นคุณชายที่รู้จักกันดีในท้องถิ่น

เขาค่อนข้างจากมีความสนิทสัมพันธ์ที่ดีกับกู้ซือเฉียน และคนในบ้านก็ไม่ได้คัดค้านอะไรอีกทั้งยังสนับสนุนด้วย

ดังนั้นหลินซงมักจะมาเที่ยวที่บ้านกู้ซือเฉียนเสมอ ทั้งสองคนพูดว่าเป็นเพื่อนตายกันก็ว่าได้

ส่วน เฉียวฉี ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญหลินซงแต่อย่างใด หลังจากเดินออกไปเธอก็ค่อยๆเดินเลาะไปตามถนนลูกรังเล็กๆในสวน

หลินซงถามขึ้นมาว่า “เรื่องของคุณกับกู้ซือเฉียน คุยกันรู้เรื่องหรือยัง?”

เฉียวฉีหยุดชะงักลง

คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้

เธอจึงยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “มีอะไรให้พูดกันคะ”

คิ้วของหลินซงเลิกขึ้นเล็กน้อย

ผ่านไปสักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “นิสัยของกู้ซือเฉียนคุณก็รู้ดี เขาก็เป็นคนแบบนั้น ปากร้ายแต่ใจดี ที่จริงเขารักคุณจะตายแต่กลับไม่ยอมรับ เรื่องในตอนนั้นเขาทำผิดต่อคุณ แต่เขาไม่กล้าพูดมันออกมา แต่สี่ปีมานี้เขาใช้การกระทำบอกกับคุณ พวกเราทุกคนก็มองเห็น วันนี้คุณออกมาแล้ว และเขาก็ยินดีจะรับคุณมาอยู่ข้างกาย เห็นได้ชัดว่าในใจของเขายังมีคุณอยู่ ความโกรธแค้นที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเถอะ คนเราต้องมองไปข้างหน้า”

เฉียวฉี เงยหน้ามองไปตามทางด้านหน้า แสงแดดสีทองส่องผ่านกิ่งก้านและใบไม้ ตกกระทบเป็นเงาโปรยปรายลงมาตรงพื้น

เธอพูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “คุณบอกว่าสี่ปีมานี้เขาเองก็รู้สึกผิด แล้วทำไมเขาจึงไม่ไปช่วยฉันออกมาจากในคุกล่ะคะ?”

หลินซงตกตะลึง

และพูดออกมาโดยสัญชาตญาณว่า “ตอนนั้นคุณ……”

“ตอนนั้นฉันไม่ได้ฆ่าผู้หญิงคนนั้นพวกคุณก็รู้ดีไม่ใช่หรือไง?”

เมื่อพูดจบ เธอก็เอียงศีรษะไปมองเขา แววตาอันใสสะอาดของเธอเปรียบเสมือนทะเลสาบอันกว้างใหญ่สะท้อนให้เห็นภาพของผู้คนได้อย่างชัดเจน

จู่จู่หลินซงก็พูดอะไรไม่ออก

เฉียวฉีจึงได้ยิ้มและพูดว่า “ที่จริงฉันไม่ได้เกลียดที่เขาส่งฉันไปเข้าคุก ถ้าเรื่องนั้นฉันเป็นคนทำจริงๆล่ะก็ กฎหมายจะตัดสินฉันฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร”

“แต่สิ่งที่ฉันเกลียดก็คือเขาใส่ร้ายฉัน และส่งฉันเข้าคุกไป เขาพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อใส่ร้ายฉัน หลินซง อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้ว่าตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นถูกใครฆ่า เธอเป็นผู้หญิงของเขา เขายังกล้าลงไม้ลงมือ และมีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้อีก?”

หลินซงคิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าในวันนี้ที่ตนเดินทางมาเพราะคิดว่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง แต่มองไปดูเหมือนกลับทำให้เรื่องราวแย่ลง เขาจึงรีบอธิบายว่า “เฉียวฉี คุณพูดอะไรเนี่ย ฟังผมนะ เรื่องนี้ไม่ใช่แบบที่คุณคิด ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงของเขา ทั้งสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเลย……”

“ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอ?” เฉียวฉีเลิกคิ้วขึ้นถามและหัวเราะพูดว่า “หลินซงฉันเห็นกับตาว่าพวกเขานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คุณคิดว่าฉันมองเห็นได้ชัดกว่า ดวงตาของคุณอย่างงั้นเหรอ?”

หลินซงยืนตัวแข็งทื่อ

ที่หลังของเขามีเหงื่อไหลออกมามากมาย ราวกับเข็มเล่มเล็กๆเจาะเข้าไปในรูขุมขน ทำให้เขาเย็นชาไปทั้งตัว

เมื่อเห็นว่าเขานิ่งๆเงียบไป เฉียวฉีเห็นดังนั้นก็ไม่พูดอะไรออกมา

ทั้งสองคนเดินไปด้านหน้าอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าเดินไปไกลเท่าใดในที่สุดเฉียวฉีก็พูดออกมาว่า

“วันนี้ เขาให้คุณมาสินะ?”

หลินซงชะงักลงเล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย

เฉียวฉีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีเธอแค่พูดออกไปเท่านั้นเองคิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับจริงๆ

หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนถูกประชดประชัน แต่ก็รู้สึกตลก ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกอันยุ่งเหยิงที่ยากจะอธิบายปะปนอยู่ในนั้นด้วย

เธอพูดออกมาเบาๆว่า “มองดูแล้ว เขาอยากจะให้ฉันอยู่ต่อจริงๆสินะ”

ประโยคนี้เป็นความจริง

หลินซงก็ไม่ได้ปฏิเสธ จากนั้นเฉียวฉี จึงได้พูดขึ้นมาว่า “แล้วทำไมเขาถึงไม่มาพูดกับฉันเอง?”

หลินซงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ยักไหล่พูดว่า “ใครจะไปรู้ล่ะ? บางทีเขาอาจจะเคยพูดแล้วแต่คุณไม่อยากฟัง เขารู้ดีว่าถ้าเขาพูดออกมาเอง คุณก็จะปิดกั้นเอาไว้ พอคุณไม่อยากฟังละไม่ต้องการได้ยิน บางทีตอนที่เขาพูดออกมาคุณอาจจะต้องข้อสงสัยไว้ก็ได้ เลยได้มอบหน้าที่นี้ให้กับผมมั้ง”

เมื่อหลินซงพูดออกมาถึงตรงนี้เขาก็ถอนหายใจเบาๆ

ช่างไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้เลยจริงๆ

“นี่ ตอนนั้นที่พวกคุณสองคนอยู่ด้วยกันก็ดีมากไม่ใช่รึไง? เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ของพวกคุณดีมาก ทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้?”

หัวใจของเฉียวฉีสั่นคลอน

เธอเองก็คิดอยู่ในใจว่า นั่นสิ กลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง?

ก่อนหน้านี้ ที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน พวกเธอรู้จักกันและกันดีและเชื่อใจกันมากที่สุด ไปด้วยกันได้ดีมาก แล้วทำไมอยู่ๆถึงได้กลายมาเป็นไม่ถูกกันอย่างสิ้นเชิงแบบนี้ล่ะ?

เฉียวฉีหาคำตอบไม่เจอ ที่จริงแล้วไม่มีใครหาคำตอบนี้ได้หรอก

ความเงียบที่มองไม่เห็นกระจายอยู่รอบๆทั้งสองคน จนกระทั่งพวกเขาเดินไปจนสุดทาง เฉียวฉีจึงหันหน้ามามองดูหลินซงแล้วพูดว่า “คุณไปบอกเขาทีนะ เรื่องในอดีตไม่ต้องไปติดตามมันอีก และเรื่องในอนาคต เดินไปก้าวหนึ่งค่อยว่ากัน ต่อจากนี้อย่ามาคุยกับฉันเรื่องนี้อีก”

หลินซงขมวดคิ้วขึ้น

การที่เผชิญหน้ากับท่าทางอันเฉียบขาดและเย็นชาของฉี่เชียว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ยินดีเห็นด้วย

เขาลังเลอยู่สักครู่ ก่อนจะถามขึ้นว่า “ไม่มีช่องว่างให้หันหลังกลับได้แล้วจริงๆเหรอ?”

เฉียวฉี กระตุกริมฝีปากของเธอด้วยความประชดประชัน

“ไม่มี”

เมื่อพูดจบเธอก็หันหลังเดินตรงไปทางห้องนอน

หลินซงไม่เดินตามไปด้วย

เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆมองดูมองดูเธอเดินจากไป และรอจนกระทั่งร่างของเธอหายลับตาไปตรงมุมห้อง เขาจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ส่ายหัวและเดินไปอีกด้านหนึ่ง

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset