วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 78 ไปขโมยออกมา

บทที่ 78 ไปขโมยออกมา

เสียงของหร่วนเจียวเจียวได้ส่งมาผ่านประตู

“เสี่ยวหย่า เธอยังอยู่ข้างในไหม? ฉันช่วยเธอเอาชุดออกงานมาให้แล้ว”

จิ่งเสี่ยวหย่าถึงได้จัดการกับสีหน้าของตัวเองอีกครั้ง หันไปเปิดประตู

“ขอบใจเธอนะ”

“ไม่ต้องเกรงใจ”

หร่วนเจียวเจียวยิ้ม สังเกตเห็นความผิดปกติของสีหน้าเธอ ถามอย่างเป็นห่วงว่า “เสี่ยวหย่า เธอไม่เป็นไรนะ?”

จิ่งเสี่ยวหย่าฝืนยิ้ม ส่ายหน้า

แม้ว่าเธอนั้นจะส่ายหน้า แต่ใบหน้านั้นได้แสดงออกมาว่าฉันมีเรื่อง ฉันลำบากใจมากๆ

ทำไมหร่วนเจียวเจียวจะมองไม่ออก

เธอได้ถามด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวหย่า เป็นเพราะจิ่งหนิงนางแพศยาคนนั้นรังแกเธออีกแล้วหรือเปล่า? เขาโทรมาพูดอะไรกับเธอ?”

จิ่งเสี่ยวหย่าส่ายหน้าดังเดิม

นิ่งไปสักพัก ถึงได้กุมมือของเธอแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นไร ก็แค่ ก็แค่กังวลนิดหน่อย”

“กังวลอะไร?”

“ฉัน……”

จิ่งเสี่ยวหย่าก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตาได้สั่นไหว

“เสี่ยวหย่า เธอรีบพูดออกมา! จะเป็นบ้าแล้วฉัน”

จิ่งเสี่ยวหย่าถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เรื่องนี้ถ้าพูดแล้ว เธออาจจะไม่เชื่อ ฉันก็ไม่อยากที่จะเชื่อเหมือนกัน ฉันคิดไม่ถึงว่า……ฉันคิดไม่ถึงว่าพี่เขาจะเป็นคนแบบนั้น ฉันนี่มัน……”

เธอพูดไป น้ำเสียงก็ได้สั่นเหมือนจะร้องไห้เล็กน้อย

ใบหน้าที่งดงามนั้นก็ได้แสดงออกว่าจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน

หร่วนเจียวเจียวจะทนต่อไปได้ยังไง ก็ได้พูดออกมาทันทีว่า “ฉันว่าแล้ว! ต้องเป็นนางนั่นรังแกเธออีกแน่ๆ ! เธอว่ามา นางทำอะไรอีกแล้ว?”

จิ่งเสี่ยวหย่าส่ายหน้า ผ่านไปสักพัก ถึงได้สงบสติอารมณ์แล้วพูดออกมาว่า “เมื่อกี้ตอนที่เธอส่งหยุนหยุนออกไปนั้น พี่ฉันก็ได้ขวางฉันไว้ บอกว่าต้นฉบับผลงานที่ฉันวาดเมื่อห้าปีก่อนนั้น ตอนนี้ได้อยู่ในมือเขา คืนนี้ขอแค่เขาเอาต้นฉบับนั้นออกมา ก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าผลงานชิ้นนั้นเป็นของเขา! ”

หร่วนเจียวเจียวเบิกตาโตด้วยความยากที่จะเชื่อ

“เชี้ย! นางทำไมถึงได้เหี้ยขนาดนี้? พอเป็นแบบนี้ ก็จะเป็น การใส่ร้ายเธอไม่ใช่เหรอ?”

จิ่งเสี่ยวหย่าพยักหน้า

“คนคนนี้หน้าไม่อายเกินไปแล้วหรือเปล่า! ”

“เจียวเจียว เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน เรื่องนี้ฉันกล้าที่จะบอกเธอคนเดียว ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำยังไงถึงจะดี เธอก็รู้ พี่ของฉันคนนั้นเป็นคนที่พูดหว่านล้อมเก่งขนาดไหน ฉันกลัวจริงๆ ว่าเขาจะเอาต้นฉบับนั้นออกมา ถึงตอนนั้นต่อให้ผิดก็ถูกเขาพูดจนถูกได้ ถึงตอนนั้นฉันต้องหมดกันแน่ๆ”

หร่วนเจียวเจียวพูดด้วยความโมโห “เสี่ยวหย่า เธอไม่ต้องกลัว เขากล้าที่จะพูดออกมา ก็หมายความว่าวันนี้เขาต้องเขาต้นฉบับออกมา ขอแค่พวกเราไปตัดหน้าเขาก่อน ไป” ขโมยต้นฉบับออกมา ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว

จิ่งเสี่ยวหย่ารีบมองเธออย่างร้อนรน แสดงออกมาว่าตกใจเล็กน้อย

“ขโมย ขโมยออกมา?”

หร่วนเจียวเจียวพยักหน้าอย่างแน่วแน่

“อืม”

“แต่……มันไม่ดีหรือเปล่า”

“ทำไมจะไม่ดี? เขาทำถึงขนาดนี้แล้ว! ”

หร่วนเจียวเจียวพูดจบ ถึงได้สังเกตเห็นแววตาที่ลำบากใจของจิ่งเสี่ยวหย่า

เธอหงุดหงิดเล็กน้อย ได้ตบอกตัวเอง

“เธอวางใจเถอะ เรื่องนี้ไม่ให้เธอไป ฉันช่วยเธอจัดการเอง เธอก็แค่ไปถ่วงเวลานางไว้ไม่ให้นางกลับห้องก็พอ”

จิ่งเสี่ยวหย่าจ้องมองเธอ ลังเลอยู่นาน

ในที่สุดก็ได้ตอบไปเสียงอ่อนว่า “งั้น……ก็ได้! ”

“งั้นเธอก็ไปเปลี่ยนชุดเถอะ ฉันออกไปก่อน”

“อืม ขอบใจเธอนะ เจียวเจียว”

รอให้หร่วนเจียวเจียวออกไป ปิดประตู จิ่งเสี่ยวหย่าได้ยืนขึ้น

ใบหน้าที่งดงามยังจะมีร่องรอยของความอ่อนแอหลงเหลืออยู่อีกเหรอ?

สีหน้านั้นได้เต็มไปด้วยการดูถูกและความรังเกียจ

เธอได้ด่าออกไปเบาๆ “นางโง่” จากนั้น ถึงได้มองไปที่ชุดออกงานที่พึ่งหามาด้วยความรังเกียจ ชุดออกงานที่ไม่ได้พอดีกับตัวนั้น ก็ได้เปลี่ยน

……

คนในห้องโถงนั้นได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น กิจกรรมที่โรงเรียนได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

จิ่งหนิงได้แหวกว่ายเดินในกลุ่มคน ได้ยิ้มแล้วก็ร่วมงานไป

เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยที่จะชอบงานแบบนี้นัก ต่อมาเพราะทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่บันเทิงเฟิงหัวสองปี ส่วนมากต้องไปร่วมงานสังคมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ได้ฝึกฝนออกมา แล้วก็ค่อยๆ ชินไป

ความวุ่นวายก่อนหน้าบรรยากาศที่คึกคักแบบนี้ ก็เหมือนว่าไม่เคยที่จะเกิดขึ้น ทุกคนก็ไม่ได้เอ๋ยเรื่องนั้นออกมาต่อ

ยังไงซะ ต่อให้เป็นข่าวที่ใหญ่หลวงขนาดไหน สำหรับพวกเขา ก็ไม่ประทบอะไรเลยทั้งนั้น

แต่ก็ไม่ได้เป็นการพูดคุยเล่นๆ และวันนี้ก็ไม่ได้เป็นสถานการณ์ที่ต้องพูดคุยอะไรพวกนั้น วันนี้ที่มาในงานมีแต่พวกแขกคนใหญ่คนโตเศรษฐี รีบที่จะเข้าไปพูดคุยสนิทสนมยังไม่ทันเลย จะไม่มีอารมณ์ไปพูดเรื่องสมัยเด็กได้ยังไง?

อีกอย่างเห็นจิ่งหนิงที่เป็นกันเองขนาดนี้ ในความคิดของผู้คน ก็ไม่ค่อยที่จะยอมเอาเธอได้คิดรวมกับข่าวฉาวเมื่อห้าปีก่อนเท่าไหร่นัก

สรุป เรื่องมันได้ผ่านไปแล้ว ไหนๆ เจ้าตัวนั้นก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไร พวกเขาก็ต้องเออออตามอยู่แล้ว

เพราะงั้น ทุกคนก็ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องที่วุ่นวายเมื่อกี้ แล้วตีตัวออกห่างจิ่งหนิง ถึงขั้นมีคุณชายหลายตระกูล เป็นเพราะเห็นว่าเธอสวย ก็ได้เข้ามาเกาะแกะทักทายกัน

จิ่งหนิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ ส่วนมากก็ได้ตอบกลับไปตามมารยาท ไม่ได้ให้พวกเขานั้นขายหน้า แล้วก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองนั้นดูหยิ่งเกินไป

เธอได้อยู่ในแวดวงนี้มาหลายปี ได้เข้าใจเรื่องปฏิสัมพันธ์ในนี้เป็นอย่างดี

คนมากมาย อย่าไปมองภายนอกที่เหมือนคุณชายที่ดูขี้เล่น ความจริงนั้นความสัมพันธ์ในนั้นซับซ้อนพอสมควร ดีไม่ดีวันไหนยังจะต้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีก

มีเพื่อนเพิ่มคนหนึ่ง ดีกว่ามีศัตรูเพิ่มจริงไหม!

ไม่ใกล้ มู่ยั่นเจ๋อได้มองคนที่เดินอยู่ในกลุ่มคน ร่างกายที่ผอมบางนั้น ใบหน้าก็ได้เครียดลงเล็กน้อย

จนกระทั่งด้านหลังได้มีเสียงที่สดใสดังขึ้น

“พี่อาเจ๋อ”

เขาได้หันหน้าไป เห็นว่าเป็นจิ่งเสี่ยวหย่า ถึงได้วางแก้วไวน์ในมือลง แล้วลากเธอมา

“เธอไปดูเขาแล้ว? ไม่เป็นไรนะ! ”

จิ่งเสี่ยวหย่าส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ เธอก็แค่เสียใจนิดหน่อย ฉันให้ลี่ลี่อยู่เป็นเพื่อนเธอแล้ว เดียวก็ดีขึ้นเอง”

“อืม งั้นก็ดี”

มู่ยั่นเจ๋อพูดจบ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็เอาแก้วเหล้าขึ้นมาอีกครั้ง จิบไปเป็นพักๆ

จิ่งเสี่ยวหย่าเห็นแบบนั้น ก็เสียใจเล็กน้อย

“พี่อาเจ๋อ พี่……พี่ไม่มีอะไรอยากจะพูดกับฉันเหรอ?”

มู่ยั่นเจ๋อนิ่งไป มองไปที่เธอ “พูดอะไร?”

จิ่งเสี่ยวหย่า “……”

ในใจได้มีความเสียใจที่ยากจะอธิบายล้นออกมา ค่อยๆ ทำให้นัยน์เธอเริ่มแดง

เธอได้ฝืนยิ้มออกไป ก้มหน้าเล็กน้อย

“ฉันคิดว่าพี่จะเป็นห่วงฉัน ว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนชุดกะทันหัน”

มู่ยั่นเจ๋ออึ้งไปสักพัก

สังเกตดูดีๆ ถึงได้สังเกตเห็นว่าเสื้อบนตัวของจิ่งเสี่ยวหย่าไม่ได้เหมือนตัวที่ใส่ก่อนหน้าจริง

สีหน้าเขาได้เปลี่ยน ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย กระแอมเบาๆ

“คือว่า……โทษที เมื่อกี้ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย ไม่ได้สังเกต เธอเป็นอะไร? ทำไมถึงได้เปลี่ยนชุดกะทันหัน”

สายตาและน้ำเสียงที่ทำตัวไม่ถูกของชายหนุ่ม ทำให้ใจของจิ่งเสี่ยวหย่ากระตุกไปเลย

เธอมองมู่ยั่นเจ๋อ เห็นความปิดบังหลบซ่อนในสายตาของเขาได้อย่างชัดเจน รู้สึกว่าปวดใจจนแทบขาด

“ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่โดนคนสาดไวน์แดงใส่อย่างไม่ได้ตั้งใจก็เท่านั้น”

คำพูดนี้ ได้มีความไม่พอใจเล็กน้อยอยู่ข้างใน

เธอไม่บอกว่าใครสาด เขาก็ต้องเดาออกมาได้

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset