เนื่องจากเรื่องนี้ เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ลุงโอจึงได้ตามออกมาด้วย
และเมื่อรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเฉียวฉี เขาเองก็กังวลใจมาก หากไม่ออกมาและมัวแต่อยู่ในคฤหาสน์เกรงว่าเขาจะกังวลใจมากขึ้นไปอีก
เวลานี้เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ความกังวลในใจก็ทวีรุนแรงมากขึ้น และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณชาย เราจะส่งคนลงไปช่วยงมหาไหม?”
กู้ซือเฉียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “โทรศัพท์เรียกฉินเยว่ บอกให้เขาพาคนมากลุ่มหนึ่งและงมหา”
“ครับ”
จากเวลาที่เกิดอุบัติเหตุจนกระทั่งตำรวจมาถึงใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น รถและคนขับถูกงมขึ้นมาได้แล้วแต่กลับไม่ปรากฏเห็นร่องรอยของเฉียวฉีเลย หากเธอถูกกระแทกจนสลบหรือเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ต่อให้จะถูกสายน้ำพัดก็คงต้องพัดไปที่ปลายน้ำ
หลังจากที่ลุงโอจัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับไป
กู้ซือเฉียนมองออกไปตรงที่ไม่ไกลนัก เห็นรถคันที่ถูกงมขึ้นมาจอดอยู่
และคนขับรถที่เพิ่งถูกทางตำรวจช่วยนำร่างออกมาจากรถ
และเห็นว่าชายคนนั้นได้สิ้นลมแล้ว และนอนอยู่บนพื้นใบหน้าสีดำคล้ำ ใบหน้าของเขาสุดแสนจะธรรมดา ต่อให้อยู่กลางฝูงชนก็ไม่โดดเด่น
ดวงตาของกู้ซือเฉียนหรี่ลง และรีบพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไปตรวจสอบมาว่าภูมิหลังเป็นใคร?”
ลุงโอ ตัวสั่นและรีบตอบรับทันทีจากนั้นวิ่งออกไปจัดการธุระอีกครั้ง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ส่งคนออกไปและงมหาอยู่เนิ่นนานก็ไม่สามารถค้นพบร่างของเฉียวฉี
จากหลักการแล้วเวลาที่พวกเขามาถึงนั้นไม่นานมากหลังเกิดเหตุ ต่อให้ตายก็จะต้องเห็นศพ
และจากความเร็วของแม่น้ำไหล มนุษย์ไม่น่าจะถูกพัดไปไกลมาก แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือไม่ว่าพวกเขาจะงมหาอย่างไร คนคนนี้ก็ราวกับอันธพาลหายไปได้อย่างนั้น ค้นหาไม่เจอเลยจริงๆ
ทางด้านตำรวจรู้จักกู้ซือเฉียน เมื่อเห็นเขาเดินทางมาด้วยตัวเองก็รู้ว่าคนที่เกิดเหตุนี้ จะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน
ดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกเป็นกังวล หากว่าทำให้กู้ซือเฉียนขุ่นเคืองใจขึ้นมาละก็ชีวิตต่อจากนี้คงไม่ดีแน่
ดังนั้น พวกเขาจึงรีบเข้ามาปลอบว่า “คุณกู้ครับ ไม่ต้องกังวลใจไป ในเมื่อเป็นเพื่อนของคุณพวกเราก็จะช่วยอย่างสุดความสามารถ แต่สายน้ำกระแสน้ำไหลเร็วมาก และจากที่ได้ยินพยานพูดว่าก่อนจะพุ่งลงสู่ในแม่น้ำ เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสเกรงว่าสถานการณ์จะไม่ดีนัก ขอคุณกู้โปรดให้อภัยด้วย”
สีหน้าของกู้ซือเฉียนยังคงสงบนิ่งแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
แต่ที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ต้องขอบคุณผู้บังคับบัญชาตำรวจฝูมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็ขอฝากพวกคุณด้วยถ้ามีข่าว ความคืบหน้าอะไรให้รีบแจ้งผมทันที”
ผู้บังคับบัญชาตำรวจฝูชะงักลง เขาคิดไม่ถึงว่าจู่ๆกู้ซือเฉียนก็จากไป
และนึกอยู่ในใจว่าดูเหมือน คนที่ตกลงไปในน้ำ จะมีความสัมพันธ์เพียงแค่รู้จักกับเขาเท่านั้น การค้นหาเพิ่งดำเนินไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเขาก็ทนไม่ไหวจะจากไปแล้วไม่รอฟังผลเสียด้วยซ้ำ จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งได้ขนาดไหน?
แต่ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งดังเดิม เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ได้ครับวางใจได้เลย หากมีความคืบหน้าใดๆพวกเราจะติดต่อคุณไปอันดับแรก”
กู้ซือเฉียนจึงได้หันหลังและเดินจากไป
เขาไม่ได้ไปที่อื่นแต่กลับไปยังคฤหาสน์
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โตมาก ไม่สามารถปิดบังข้อมูลใดๆได้ ดังนั้นก่อนที่เขาจะกลับมาถึงคนใช้ในคฤหาสน์รวมทั้งหลินเยว่เอ๋อร์ก็รับรู้เรื่องนี้แล้ว
แน่นอนว่าหลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกมีความสุขมาก เนื่องจากผู้หญิงที่ทำให้เธอต้องอับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่าและยังกล้าขู่จะฆ่าเธอในที่สุดก็ตายเสียที
นับจากวันนี้เป็นต้นไปเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ข้างกายกู้ซือเฉียน ไม่มีคู่ต่อสู้อีกแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความงามของเธอ กู้ซือเฉียนไม่ใช่พระสงฆ์องค์เจ้า จะอดใจไหวได้อย่างไร?
ดังนั้นเธอจึงคิดว่าการจะได้ผู้ชายคนนี้มาครอบครองเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
แม้ว่าเป็นเช่นนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าตอนนี้อารมณ์ของกู้ซือเฉียนต้องไม่ดีแน่ ดังนั้นหลินเยว่เอ๋อร์ก็ยังมีความฉลาดเฉลียวไม่เข้าไปหาเขาในตอนนี้เพราะเกรงว่าเขาจะโมโห
ส่วนอีกด้านหนึ่งเมื่อกู้ซือเฉียนกลับมาถึงคฤหาสน์แล้วเขาก็มุดเข้าไปในห้องหนังสือเพียงลำพัง
ทุกคนพากันมองหน้าด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไรกันแน่?
เกิดเรื่องขึ้นกับเฉียวฉี ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เขาไม่ออกไปตามหาแต่กลับขังตัวเองไว้ในห้องหนังสือ จะจัดการเรื่องของบริษัทหรือไง?
ในเวลานี้แล้ว มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องของคุณเฉียวอีก มองดูแล้วการที่ก่อนหน้านี้ทุกคนเดาว่าทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีกัน เป็นเพียงความคิดของพวกเธอเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ทุกคนก็ต่างถอนหายใจออกมา
ส่วนด้านกู้ซือเฉียนเมื่อกลับเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว ก็ได้รีบเปิดคอมพิวเตอร์ทันได้และเสียบยูเอสบีตัวเล็กๆเข้าไปเชื่อมต่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ฐานใดนั้นก็ปรากฏภาพขึ้น
หากในเวลานี้มีคนเฉพาะด้านยืนอยู่กับเขา ก็จะรู้ว่านี่คือเครื่องติดตามสัญญาณ
ใช่แล้วไม่ผิดแน่ ตอนนั้นที่กู้ซือเฉียนยอมให้เธอจากไป ไม่ใช่เพราะว่าเขายอมปล่อยเธอไป แต่เป็นเพราะเขารู้ว่า ต่อให้ฝืนเอาไว้ ก็ไม่อาจรั้งเฉียวฉีได้ หัวใจของเธอไม่อยู่ที่นี่ก็ไร้ประโยชน์
ดังนั้น แทนที่เขาจะเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ สู้ปล่อยเธอให้เป็นอิสระไม่ดีกว่าหรือ เพื่อให้เธอจะได้ทำเรื่องที่ตนเองอยากทำ
และเขาก็ได้ส่งคนคอยติดตามเธออยู่เสมอ นับจากวินาทีที่เธอเดินทางออกจากคฤหาสน์ไป ของทุกชิ้นที่เธอติดตัวอยู่ล้วนติดสัญญาณGPSเอาไว้
เสื้อผ้าและรองเท้าอาจจะหายหรือเปลี่ยนได้ แต่โทรศัพท์ของเธอและกริชที่แม้แต่ตอนนอนเฉียวฉีก็ต้องพกไว้ที่ตัว คงจะไม่หายแน่
ดังนั้นไม่ว่าเธอจะไปที่ใดหรือทำอะไรอยู่ กู้ซือเฉียนก็สามารถมองเห็นเธอได้ทุกที่
แต่ตอนนี้เธอตกลงไปในแม่น้ำ และแม่น้ำสายนั้นไม่ได้ยาว จากกำลังระดมคนค้นหาที่ส่งออกไปไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็สามารถงมขึ้นมาได้แน่
แต่ตอนนี้กลับไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย นั่นหมายความว่าเธอไม่ได้อยู่ในน้ำ
และเป็นจริงดังนั้นเมื่อเขาเปิดเครื่องติดตามสัญญาณGPSนี้ก็พบว่าเฉียวฉี หรือจุดสีแดง ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแม่น้ำ แต่กลับอยู่บนภูเขาที่ห่างจากแม่น้ำออกไปประมาณสิบกิโลเมตร และจุดแดงนั้นยังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
เขาหรี่ตาลงทันใดและรีบติดต่อกับฉินเยว่
จากนั้นส่งโทรศัพท์ให้กับเขาและกำชับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “รีบส่งคนเข้าไปติดตามตำแหน่งนี้ทันที”
ฉินเยว่มองไปที่เครื่องติดตามตำแหน่งนั้น วินาทีนี้มีอะไรที่เขายังไม่เข้าใจอีก?
เขาตอบรับพลางชื่นชมเจ้านายอยู่ในใจที่เฉลียวฉลาด “ครับผม!”
หลังจากนั้นก็วิ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
กู้ซือเฉียนกลับมาถึงห้องนอนเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะดวกต่อการเคลื่อนไหว พกอาวุธติดตัวและออกจากบ้านไป
ภูเขานั้น อยู่ห่างจากย่านใจกลางเมืองออกไปประมาณสิบกว่ากิโลเมตร
บนภูเขาเต็มไปด้วยป่าทึบและมีเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยต้นไม้
ชายกลุ่มหนึ่งที่สวมเสื้อยืดรัดรูปและเสื้อคลุมสีดำไว้ด้านนอกกำลังปีนป่าย ขึ้นไปด้วยท่าทางระมัดระวัง
และหนึ่งในนั้น เขาได้แบกคนเอาไว้ที่ด้านหลัง คนคนนั้นหลับตาสนิท ใบหน้าซีดเผือด ทั้งมือ เอวและขา ล้วนมีรอยแผล ที่น่าตกใจ
ที่ศีรษะก็มีรอยแผลด้วย แต่ถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้าโพกหัวสีขาวเก่าๆจึงทำให้ดูดีขึ้นบ้าง
เพียงแต่ผมที่เปียกโชกไปด้วยน้ำ ติดอยู่ตามใบหน้าและลำคอ ดูแล้วช่างห่อเหี่ยว