วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 803 ความสุขเงียบๆ

และในเวลานี้เอง ประตูก็ถูกเปิดออก

ฉินเยว่พาเธอเดินเข้ามา และเมื่อเขาเห็นชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ก็มีรอยยิ้มสุภาพปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็กล่าวทักทายออกไปว่า “สวัสดีครับ คุณหนาน”

คนที่ถูกเรียกว่าคุณหนาน พยักหน้ารับเล็กน้อย ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นการตอบรับแล้ว

จากนั้น ฉินเยว่ก็เดินไปหากู้ซือเฉียน และพูดออกไปเสียงเบาว่า “คุณชายครับ ผมพาเธอมาที่นี่แล้ว”

กู้ซือเฉียนเงยหน้าไปมองเขา จากนั้นก็ตอบกลับไปเพียงสั้นๆ ว่า “อืม”

“ลงไปข้างล่างเถอะ”

“ครับ”

จากนั้นฉินเยว่ก็ถอยออกมาอย่างสุภาพ

หลินเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยความสับสนเล็กน้อย

ตอนแรก หล่อนคิดว่ากู้ซือเฉียนเรียกหล่อนมาพบตามลำพัง เพราะอย่างหล่อนจึงรู้สึกมีความสุขไม่น้อย แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมีแขก

แล้วในเวลาแบบนี้ เขาเรียกหล่อนมาทำอะไร?

หลินเยว่เอ๋อร์ไม่ได้หลงตัวเองมากพอที่จะคิดว่า กู้ซือเฉียนเรียกให้หล่อนมาดูแลแขกของเขา เพราะถึงอย่างไร ในสายตาของเขา หล่อนก็ไม่ได้เป็นอะไรสำหรับเขาเลย เพราะฉะนั้นแล้วการที่หล่อนจะได้เป็นผู้หญิงของเขามันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย

ถ้าอย่างนั้นเขาเรียกให้หล่อนมาทำอะไร?

หลินเยว่เอ๋อร์มองไปที่กู้ซือเฉียนด้วยความสงสัย

แต่หล่อนเห็นว่าเขามองมาที่หล่อนเช่นกัน นัยน์ตาคู่นั้นที่ดูเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม อีกทั้งยังมีแสงประหลาดบางอย่างแวบเข้ามาในดวงตาของเขา

ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของหล่อนถึงมีเสียงดัง “กึก” ขึ้นมา

มันมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่างและมันก็ไม่สามารถอธิบายได้

และในตอนนี้ ชายอีกคนหนึ่ง ก็หันมามองที่หล่อน

“คนนี้คือ…”

เพราะตอนที่หลินเยว่เอ๋อร์เดินเข้ามา หล่อนเดินเข้ามาทางด้านหลังของเขา

เพราะอย่างนั้น เขาจึงมองไม่เห็นหน้าหล่อน

กู้ซือเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดออกไปว่า “เยว่เอ๋อร์ มาหาคุณหนานหน่อยสิ”

หลินเยว่เอ๋อร์ถึงกับผงะ

เยว่เอ๋อร์? นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ซือเฉียนเรียกหล่อนแบบนี้

หล่อนรู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย แต่สิ่งที่มากกว่านั้นก็คือ ความสุขเงียบๆ

หล่อนทำตามอย่างกระตือรือร้น ด้วยการหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังหล่อน

เมื่อได้เห็น หล่อนก็ถึงกับตกตะลึง

ก่อนหน้านี้หล่อนคิดว่า เพื่อนของกู้ซือเฉียนก็คงจะเหมือนๆ กันทุกคน เป็นผู้ชายหยาบๆ และกล้าหาญ

แต่ชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตา และนั่งอยู่บนโซฟาตรงหน้าหล่อนคนนี้ เขาเป็นคนที่ดูสง่างามมาก มองแวบแรกก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นนักวิชาการ

ขณะที่หล่อนมองไปที่อีกฝ่าย อีกฝ่ายก็มองมาที่หล่อนเช่นกัน

สายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความตกใจ มันแตกต่างจากความประหลาดใจ และความสงสัยของหล่อน!

กู้ซือเฉียนลอบสังเกตท่าทางของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ และเขาก็สัมผัสได้ถึงความพึงพอใจในสายตาคู่นั้น

และในตอนนี้ หลินเยว่เอ๋อร์ก็ได้สติกลับมาแล้ว

หล่อนกล่าวทักทายเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อยว่า “สวัสดีค่ะ คุณหนาน”

แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด

เขาเพียงแค่จ้องมองมาที่หล่อน ราวกับคนโง่เง่า เพราะแม้ว่าหล่อนจะเรียกเขา เขาก็ไม่ตอบสนองเลยด้วยซ้ำ

หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หล่อนจึงหันศีรษะไปทางอื่นและเหลือบมองไปที่กู้ซือเฉียน แต่หล่อนก็เห็นอีกฝ่ายมองมาที่หล่อน ด้วยสายตาให้กำลังใจ

หล่อนจึงหันกลับมา และตะโกนออกไปอีกครั้งว่า “คุณหนาน?”

และครั้งนี้ หนานมู่หรงก็มีปฏิกิริยาตอบรับ

ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าตัวเองเสียมารยาท เพราะดูได้จากสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไป เขาจึงรีบพูดออกไปว่า “ขอโทษครับ ที่ผมเสียมารยาท คุณผู้หญิงคนนี้คือ…”

สายตาของเขาหันไปมองที่กู้ซือเฉียน

กู้ซือเฉียนกัดริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มและพูดออกไปว่า “หล่อนป็นแขกที่ผมช่วยเอาไว้โดยบังเอิญก่อนหน้านี้ หล่อนมาอยู่ที่ปราสาท เมื่อไม่นานมานี้ หล่อนเป็นคนจีนผมกำลังวางแผนเลือกวันที่จะส่งหล่อนกลับไป”

“คนจีน?”

หนานมู่หรงรู้สึกตกใจ

คราวนี้ หลินเยว่เอ๋อร์ก็ตกใจเช่นกัน

อะไรนะ? เขาจะส่งหล่อนกลับไปอย่างนั้นหรือ?

ไม่ใช่ว่าเขาบอกว่าเขาจะไม่ส่งหล่อนกลับไปอีกไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมตอนนี้…

หลินเยว่เอ๋อร์จึงพูดออกไปอย่างรีบร้อนว่า “คุณกู้ ฉันกลับไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยบอกคุณไปแล้ว ฉัน…”

แต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะพูดจบ หล่อนก็ถูกสายตาที่เย็นชาของกู้ซือเฉียนขัดจังหวะเอาไว้เสียก่อน

กู้ซือเฉียนมองมาที่หล่อนด้วยสายตาเย็นชา และก็แฝงด้วยคำเตือนเป็นนัย

เพราะอย่างนั้นคำพูดที่เหลือของหลินเยว่เอ๋อร์มันจึงติดอยู่ในลำคอของหล่อน

ในเวลานี้ หนานมู่หรงก็มีปฏิกิริยาตอบรับเช่นกัน

เมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงสิ่งที่ตนเองไม่เข้าใจ เขาจึงถามออกไปว่า “พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ทำไมคุณผู้หญิงคนนี้ถึงกลับไปไม่ได้อีก?”

กู้ซือเฉียนคลี่ยิ้มออกมา

“หล่อนเป็นคนจีนและเหตุผลที่หล่อนมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อหนีการแต่งงาน ผมได้ยินมาว่าพ่อของหล่อนต้องการให้หล่อนแต่งงานกับชายชราเพราะธุรกิจครอบครัวที่กำลังจะล้มละลาย แต่หล่อนไม่ยอมจึงหนีออกมา จากนั้นหล่อนก็บังเอิญไปเจอพวกค้ามนุษย์บนถนนและได้รับบาดเจ็บ ผมไปเจอหล่อนเข้าพอดี ผมก็เลยช่วยหล่อนเอาไว้”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงคลี่ยิ้มออกมา

“คุณก็รู้ว่า ผมไม่ชอบให้ผู้หญิงมาอยู่ใกล้ๆ แต่เนื่องจากผมช่วยชีวิตหล่อนไว้ ผมจึงไม่สามารถทิ้งหล่อนโดยที่ไม่สนใจได้ เพราะอย่างนั้นผมก็เลยวางแผนที่จะส่งหล่อนกลับไป ส่วนเรื่องหลังจากนี้ต่อไปในอนาคต มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้ว”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของหลินเยว่เอ๋อร์ก็ซีดเผือด

ส่วนหนานมู่หรง ที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อฟังจบเขาก็ขมวดคิ้วมุ่น

“ถ้ามันเป็นอย่างที่คุณพูด ความจริงคุณก็ไม่ควรส่งหล่อนกลับไป”

ทันทีที่เขาพูดออกมาแบบนี้ หลินเยว่เอ๋อร์ก็พยักหน้าเห็นด้วยในทันที ราวกับว่าหล่อนเจอที่พึ่งสุดท้าย

“ใช่ค่ะ คุณกู้ ตั้งแต่ที่คุณช่วยฉันเอาไว้ ฉันก็ขอให้คุณเป็นคนดีจนจบเถอะค่ะ เพียงแค่คุณไม่ส่งฉันกลับไป คุณจะให้ฉันทำอะไร ฉันก็ยอม”

กู้ซือเฉียนมองตรงไปที่หล่อน โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หนานมู่หรงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มีความรู้สึกบางอย่างเพิ่มเข้ามาในใจของเขา

เขาจึงยิ้ม และพูดออกไปว่า “คุณกู้ หล่อนก็บอกว่า คุณสัญญากับหล่อนแล้ว เพราะอย่างนั้นคุณอย่าส่งหล่อนกลับไปเลยนะครับ”

ขณะที่เขาพูด เขาก็มองไปที่ใบหน้าของ หลินเยว่เอ๋อร์อย่างลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็พูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มว่า “อีกอย่างหญิงสาวที่งดงามขนาดนี้ ถ้าหล่อนต้องแต่งงานกับชายชราจริงๆ มันก็คงจะน่าเสียดายแย่”

กู้ซือเฉียนเลิกคิ้วขึ้น

เมื่อหลินเยว่เอ๋อร์เห็นว่า ในที่สุดก็มีคนช่วยพูดให้หล่อนแล้ว หล่อนจึงขอร้องอ้อนวอนหนักขึ้นไปอีก และเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด

“คุณกู้ กู้ซือเฉียน ฉันขอร้องล่ะค่ะ คุณอย่าส่งฉันกลับไปเลยนะคะ?”

น้ำเสียงและใบหน้าที่เศร้าสร้อยนั้น ถ้าใครได้มาเห็น ก็คงอดที่จะใจสั่นไม่ได้

ดวงตาของหนานมู่หรงแข็งกร้าวขึ้นอีกครั้ง เมื่อมองมาไปที่หล่อน อีกทั้งสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เมื่อกู้ซือเฉียนเห็นภาพรวมทั้งหมดนี้ เขาก็หัวเราะออกมาครู่หนึ่ง

“เอาล่ะ ในเมื่อคุณหนานพูดถึงขนาดนี้ งั้นผมก็จะเลื่อนการตัดสินใจออกไปสักหน่อย แต่คุณก็ต้องจำเอาไว้ว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผมเห็นแก่คุณหนาน”

หลินเยว่เอ๋อร์ตกใจ

ไม่รู้ว่าทำไม หล่อนรู้สึกว่า ตอนที่กู้ซือเฉียนพูดประโยคนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่ามันมีความหมายอะไรบางอย่างแฝงอยู่

แม้ว่าจะผ่านไปครู่หนึ่ง หล่อนก็ยังไม่เข้าใจว่า เขาหมายความว่าอย่างไร

แต่ถึงอย่างนั้น หล่อนก็หันศีรษะไปทางหนานมู่หรงอย่างเชื่อฟัง และกล่าวขอบคุณเขา

“ขอบคุณค่ะ คุณหนาน”

หนานมู่หรงถึงกับตกตะลึง

เขามองดูหญิงสาวที่มีเสน่ห์ตรงหน้าเขา คิ้วของหล่อน อารมณ์ของหล่อน และเสียงที่นุ่มนวลของหล่อน

ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาซ้อนทับกับหล่อน มันมีความรู้สึกแบบเดียวกัน เรียกเขาด้วยแววตาที่อ่อนโยน และเป็นห่วงเป็นใย

“พี่หรง พี่หรง…”

หนานมู่หรงรู้สึกใจสั่นขึ้นมา

แต่ถึงอย่างนั้น เขาปกปิดมันเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างน้อยๆหลินเยว่เอ๋อร์ก็มองไม่ออกว่าเขาทำตัวเสียมารยาท

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset