วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 805 เข้าใจผิด

กู้ซือเฉียนยื่นมือออกไปหยิบผ้าขนหนู แล้วนำมาเช็ดเหงื่อที่ศีรษะ จากนั้นก็ดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ แล้วเดินออกไปพร้อมกับฉินเยว่

แต่เมื่อเขาเดินมาถึงประตูค่ายมวยเขาก็ถูกขวางเอาไว้โดยร่างเล็กที่จู่ๆ ก็วิ่งพรวดราดเข้ามา

“ซือเฉียน ฉันมีเรื่องที่อยากจะพูดกับคุณ”

กู้ซือเฉียนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเขาเห็นหลินเยว่เอ๋อร์ที่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวที่นี่

ในใจของเขารู้สึกเบื่อหน่าย แต่เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงไม่ได้ขับไล่หล่อนให้ออกไป

เขาจึงพูดออกไปด้วยเสียงนุ่มลึกแทน “มานี่สิ”

พอพูดเสร็จ เขาก็เดินนำไปที่ห้องพักผ่อนที่อยู่ข้างๆ

หลินเยว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา หล่อนมองตามแผ่นหลังของเขาไป จากนั้นก็กัดริมฝีปากของตัวเอง แล้วเดินตามเขาไป

ห้องพักผ่อน

บรรยากาศค่อยๆ เย็นลงเหมือนเช่นเคย กู้ซือเฉียนนั่งอยู่บนโซฟาหนัง และจ้องมองไปยังผู้หญิงที่กำลังก้มหน้าเดินเข้ามา

ฉินเยว่เดินออกไปเงียบ ๆ และปิดประตูให้พวกเขา

กู้ซือเฉียนจึงถามออกไปว่า “พูดมาสิ เธอมีเรื่องอะไร?”

ยังไม่ทันที่หลินเยว่เอ๋อร์จะพูดอะไรออกมา ขอบตาของหล่อนมันก็แดงก่ำแล้ว

หล่อนกัดริมฝีปาก จากนั้นก็ก้มศีรษะลง ท่าทางของหล่อนมันดูเศร้าสร้อยราวกับลูกสะใภ้ตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่กล้าพูด

ในเวลานี้ ถ้าผู้ชายคนอื่นได้มาเห็น พวกเขาจะต้องรู้สึกสงสารหล่อนเป็นแน่

แต่สำหรับกู้ซือเฉียนน่ะหรือ?

เขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพญายม สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดในชีวิตของเขาก็คือ การที่ผู้หญิงร้องไห้ฟูมฟาย

ดังนั้น เมื่อเขาได้เห็นท่าทางแบบนั้นของหล่อน เขาก็รู้สึกไม่อยากจะฟังมันขึ้นมาทันที

เขาจึงพูดออกไปตรง ๆ ว่า “ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรก็ออกไป อย่ามาขวางหูขวางตาฉันที่นี่”

หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน และเตรียมที่จะก้าวออกไป

เมื่อหลินเยว่เอ๋อร์เห็นแบบนั้น หล่อนก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที

“ซือเฉียน”

หล่อนตะโกนออกไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลพรากลงมาราวกับรอยแตกร้าวของหยก

และทันใดนั้นจู่ ๆ เสื้อผ้าบนร่างของหล่อนก็ร่วงหล่นลงไปบนพื้น นั่นจึงทำให้วิวทิวทัศน์ที่ขาวสะอาดใสไร้ที่ติของหญิงสาวถูกเปิดเผยออกมา

กู้ซือเฉียนหันกลับไป เมื่อเขาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ดวงตาของเขาก็แข็งกร้าวขึ้น

ในสายตาของเขา ไม่ได้มีความรู้สึกปรารถนาอย่างที่หล่อนคิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย มีแต่เพียงความมืดมนและหนาวเย็นราวกับก้นสระลึก

“เธอกำลังทำอะไร?”

จู่ๆ หลินเยว่เอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามา และกอดเอวเขาเอาไว้แน่น

“ซือเฉียน ฉันรักคุณ ฉันรักคุณมากกว่าใครๆ ในโลกนี้ คุณรู้บ้างไหม ทำไมคุณถึงใจร้ายได้มากขนาดนี้ ใจร้ายได้ถึงขนาดขับไล่ฉันออกไปเลยหรือ? ใจของฉันมันเป็นของคุณมาตั้งนานแล้ว หรือว่าคุณไม่เข้าใจมันสักนิดเลยหรือ?”

สีหน้าของกู้ซือเฉียนถมึนทึงขึ้นมาทันที

เขาจึงพูดออกไปด้วยความโกรธว่า “ปล่อย!”

แต่ถึงอย่างนนี่น ผู้หญิงที่ยืนประกบอยู่ด้านหลังเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือเลยแม้แต่น้อย

สองมือของหล่อนกอดเขาเอาไว้แน่น จากนั้นก็พูดออกมาพร้อมกับร้องไห้ว่า “ซือเฉียน คุณต้องการฉันเถอะนะ ฉันไม่ได้สนใจตำแหน่งคุณนายกู้และฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรทั้งนั้น ฉันหวังเพียงแค่ว่าฉันจะได้อยู่เคียงข้างคุณ แม้ว่าฉันจะเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง เพียงแค่ฉันได้เห็นคุณ ได้ดูแลคุณ เท่านั้นมันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณก็ชอบฉันเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ทำไมคุณถึงไม่ต้องการฉันล่ะ?”

กู้ซือเฉียนหน้าตึง เขาหมดความอดทนในทันที เขากัดฟันและพูดออกไปว่า “หลินเยว่เอ๋อร์ฉันไม่อยากจะตบตีผู้หญิงหรอกนะ ดังนั้นฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง ปล่อยมือ!”

ครั้งนี้หลินเยว่เอ๋อร์กินลูกตุ้มแข็งใจแล้ว หล่อนจึงตะโกนออกไปว่า “ฉันไม่ปล่อย!”

และในขณะนั้นเอง จู่ๆ ประตูห้องพักผ่อนก็ถูกเปิดออก

เฉียวฉีที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ โดยมีเสี่ยวเยว่คอยผลักให้ เดินเข้ามาภายในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เมื่อเธอเห็นสถานการณ์ภายในห้อง เธอก็ถึงกับชะงักในทันที

ขณะเดียวกัน กู้ซือเฉียนและหลินเยว่เอ๋อร์ก็ชะงักไปเช่นกัน

จากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น

“อ๊าย!”

หลังจากนั้น ร่างทั้งร่างของหล่อน ก็หดไปอยู่ที่ด้านหลังของกู้ซือเฉียน

“พวกเธอออกไป! ออกไปนะ! ใครให้พวกเธอเข้ามา!”

ฉินเยว่ตกตะลึง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที

เขาอยากจะรีบพูดอธิบายออกไป แต่กู้ซือเฉียนขยับตัวเร็วกว่า เพราะตอนนี้เขาก็ผลักหญิงสาวที่กำลังกอดเอวเขาออกไปเรียบร้อยแล้ว

“ตึง!”

หลังจากที่ถูกผลักลงไปบนโซฟาอย่างแรงหลินเยว่เอ๋อร์ก็กรีดร้องออกมา จากนั้นหล่อนก็รีบคว้าเอาเสื้อผ้าบนพื้นมาปกปิดร่างกายของตัวเอง

จากนั้นหล่อนก็ร้องไห้สะอื้น

ใบหน้าของกู้ซือเฉียนซีดเผือด เขาหันหน้าไปมองที่เฉียวฉีและพูดออกไปว่า “เธอฟังที่ฉันอธิบายก่อนนะ มันไม่ใช่ … “

“เจ้านายกู้ คุณนี่มันคึกคักจริงๆ เลยนะ”

ยังไม่ทันที่จะได้พูดอธิบายอะไรออกไป เขาก็ถูกเธอพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

ไม่มีความโกรธหรือความหึงหวง เหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้

เธอนั่งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเธออ่อนโยนและเย็นชา ดูนุ่มนวลและใจดี

ถ้าไม่ใช่เพราะมือที่วางอยู่บนขาที่กำลังกำหมัดอยู่ ทุกคนก็อาจจะคิดว่าหัวใจของเธอสงบนิ่ง ราวกับอารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอ

แต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่า กู้ซือเฉียนไม่ทันได้สังเกตรายละเอียดเหล่านี้

เขาเพียงแค่ฟังเฉียวฉีพูดออกไปมาอย่างแผ่วเบา พร้อมกับรอยยิ้มว่า “ความจริงแล้วฉันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ก็เลยอยากจะมาแจ้งเจ้านายกู้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะมาผิดเวลา ก็เลยมารบกวนช่วงเวลาดีๆ ของคุณ งั้นฉันก็ขอโทษด้วยนะคะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ แล้วเรื่องอื่นเราค่อยมาพูดกันใหม่”

หลังจากพูดจบ เธอก็หมุนวีลแชร์ และเตรียมที่จะเดินออกไป

สีหน้าของกู้ซือเฉียนแข็งกร้าวขึ้นมาทันที

ดวงตาของเขาสงบนิ่งจนดูเหมือนกับจะมีน้ำหยดออกมา จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปว่า “หยุด!”

เขาก้าวยาวๆ ตรงไปยังทิศทางของเฉียวฉี

เขาหยุดวีลแชร์ของเฉียวฉีเอาไว้ได้ทัน ความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากหยุด แต่วีลแชร์ของเธอก็ถูกฉินเยว่จับเอาไว้ และด้วยพละกำลังของเธอในตอนนี้ เธอจึงไม่สามารถขยับไปไหนได้

และในเวลานี้เสี่ยวเยว่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้

เธอจึงทำได้เพียงแค่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกมาโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น มีเสียงเยาะเย้ยผ่านเข้ามาในหัวใจของเธอ จากนั้นเธอก็หันไปมองผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามา

“ทำไม? เจ้านายกู้รั้งฉันเอาไว้ทำไม คุณอารมณ์ดี ก็เลยอยากจะเชิญฉันให้มาชื่นชมการโจมตีในฤดูใบไม้ผลิที่มีชีวิตชีวาของคุณหรือ?”

ใบหน้าของกู้ซือเฉียนดูถมึนทึงขึ้นมา จากนั้นเขาก็พูดออกด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “มันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็น!”

“แล้วมันเป็นยังไง?”

เฉียวฉีไม่มีความรู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเธอก็เชิดหน้าขึ้น

ใบหน้าที่บริสุทธิ์และสวยสดงดงามราวกับดอกบัวที่โผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำ มองตรงมาที่เขา พร้อมกับคำพูดที่เย้ยหยันว่า “เจ้านายกู้ ไม่ได้พยายามจะบอกว่า คุณหลินจงใจยั่วยวนคุณ และฉันก็บังเอิญเข้ามาเห็นฉาก ที่พวกคุณสองคนกำลังกอดกันด้วยเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยนั่นหรอกใช่ไหม?”

เธอหยุดชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยมากขึ้นไปอีก

“เจ้านายกู้ ฉันอ่านนิยายดราม่ามาเยอะ และมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากขนาดนี้”

กู้ซือเฉียนกัดฟันกรอด และรู้สึกราวกับว่ามีเลือดซูบฉีดออกมาจากอกของเขา

และในเวลานี้ หลินเยว่เอ๋อร์ก็ดูเหมือนว่าหล่อนจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง หล่อนจึงตอบสนองมัน

ทันทีที่หล่อนกลอกตา หล่อนก็รีบตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “ซือเฉียน~~”

สีหน้าของเฉียวฉีเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ

กู้ซือเฉียนพูดออกไปอย่างเย็นชา “หุบปาก!”

จากน้ำเสียงของเขา เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังโกรธมาก

หลินเยว่เอ๋อร์ถึงกับสะดุ้งตกใจกับความโกรธของเขา ร่างกายของหล่อนสั่นเทา หล่อนจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรอีก จากนั้นหล่อนก็รีบหุบปากอย่างรวดเร็ว

กู้ซือเฉียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หันไปมองที่ฉินเยว่ และพูดออกไปว่า “เอาตัวผู้หญิงคนนี้ออกไป! ถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน ใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยหล่อนไปทั้งนั้น!”

ฉินเยว่ถึงกับตกใจ จากนั้นเขาก็รีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ครับ”

หลังจากนั้น กู้ซือเฉียนก็เดินมาผลักวีลแชร์ และพูดออกไปว่า “ออกไปคุยกับฉันข้างนอกหน่อย”

เฉียวฉีไม่อยากจะออกไปกับเขา

เพราะในตอนนี้ แม้แต่หน้าของเขา เธอก็ไม่อยากจะมองมันเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้น ในตอนที่กู้ซือเฉียนคว้าที่จับวีลแชร์ไปจากเสี่ยวเยว่ เธอจึงดิ้นคัดขืนและพูดออกไปว่า “กู้ซือเฉียน คุณปล่อยเถอะ ฉันไม่อยากให้คุณมาผลักวีลแชร์ให้ฉัน และฉันก็ไม่อยากคุยกับคุณด้วย ปล่อยฉัน!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset