แต่กู้ซือเฉียนไม่ได้ฟังคำพูดเธอ
เขาด้วยใบหน้าที่สงบ ผลักเธอออกไปโดยตรง เฉียวฉีได้รับบาดเจ็บและยากที่จะต่อต้าน
ก็ไม่ถึงที่จะต่อต้านเขาทำให้ตัวเองรับบาดเจ็บ ทำแบบนี้จะทำให้ตัวเธอได้รับบาดเจ็บมากขึ้น และมันก็ไม่คุ้ม
ดังนั้นเธอจึงถูกเขาผลักออกไปโดยเธอไม่ได้อยากไปกับเขาจริง
เธอโกรธมากและหายใจไม่ออกเพราะความโกรธ เธอกัดฟันและพูดว่า “กู้ซือเฉียน คุณโครตสารเลว!”
ถึงแม้ว่าถูกผู้หญิงด้านหน้าด่า แต่กู้ซือเฉียนก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญเลย
ด้วยใบหน้าสงบ เขาเข็นเธอกลับไปที่อาคารหลัก หลังจากเข้าไปในห้องโถง เขาอุ้มเธอขึ้นจากรถเข็นและเดินไปที่ห้องนอนชั้นบน
เฉียวฉีรู้สึกประหลาดใจ
แอบดุ่ในใจ และต่อต้านขึ้นมา
“กู้ซือเฉียน คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม ปล่อยฉัน”
กู้ซือเฉียนเงียบไม่ตอบ อุ้มเธอไปที่ห้องนอน ประตูกระแทกปิดด้วยเท้า จากนั้นเดินไปที่เตียงแล้ววางเธอลง
เมื่อเธอสัมผัสเตียงขนาดใหญ่อันอ่อนนุ่ม ความกังวลของเฉียวฉีก็รุนแรงขึ้น
เธออดไม่ได้ที่จะให้ตัวถอยหลัง มองขึ้นไปที่เขา ขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึมแล้วพูดว่า “คุณหมายความว่ายังไง”
กู้ซือเฉียน “อย่าคิดมาก ผมแค่ต้องการหาที่เงียบๆ และคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับคุณให้ชัดเจน”
เฉียวฉีรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้
เธอหัวเราะเยาะและเบือนหน้าไปทางอื่น “แต่ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”
กู้ซือเฉียน หรี่ตาและเยาะเย้ย
ทันใดนั้นเขาเข้าไกลที่เตียงและเอนตัวลง ด้วยมือข้างหนึ่งบนไหล่ข้างหนึ่งของเธอ ในขณะที่มืออีกข้างบีบคางของเธอ เพื่อหันหน้าเธอเข้าหาตัวเขา
เสียงอู้อี้เอ่อล้นออกมาจากลำคอด้วยความเยือกเย็นและเสน่ห์ที่ชั่วร้าย
“เฉียวฉี คุณหึงผมอยู่หรือ”
เฉียวฉีตกตะลึง
ยังไงเธอก็คาดไม่ได้ว่าเขาหน้าด้านจนผูดแบบนี้ออกมาได้
เธอกัดฟันและพูดอย่างโกรธ “คุณพูดบ้าอะไร ใครจะหึงคุณ ฉันไม่ได้หึง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้ซือเฉียนก็หัวเราะโดยไม่ได้โกรธและพูดว่า “จริงเหรอ เมื่อกี้คุณโกรธอะไร ไม่ใช่เพราะเห็นผมอยู่กับหลิน เยว่เอ๋อ และทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจไม่ใช่หรือ หือ”
เฉียวฉีตกตะลึง
มีความเจ็บปวดเล็กน้อย และในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ร้ายมาก
ทำไมเขาถึงร้ายได้ขนาดนี้
ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่ว่าตามความสัมพันธ์ปัจจุบันของเขาสองคน ไม่ได้ถึงขนาดที่หึงหวง สำหรับเธอแล้ว ตอนนี้เธอยังไม่สามารถอยู่เฉยเมยที่จะเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ทำไมบังคับให้เธอยอมรับ
เฉียวฉีไม่ได้พูดอะไร แต่จ้องมองที่เขาด้วยสายตาแน่นๆ
กู้ซือเฉียนพอใจกับการทำแบบนี้ของเธอมาก
ในใจเขา เหมือนมีความรู้สึกลับ ๆ ที่เกิดขึ้นมา
เขามองดูเธอแล้วพูดว่า “ผมกับเธอไม่ได้มีอะไร และเมื่อกี้ก็ไม่ได้อย่างที่คุณเห็น”
เฉียวฉีเยาะเย้ยอย่างหนัก “คุณกับเธอมีอะไรกัน ความเท็จจริงจะเป็นยังไง ก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน กู้ซือเฉียนปล่อยฉัน”
กู้ซือเฉียนขมวดคิ้ว
เขาถอนใจเบา ๆ ปลายนิ้วที่บีบคางของเธอนั้นค่อยๆ สัมผัสหน้าของเธออย่างแผ่วเบา
เนื่องจากผู้ชายถือปืนหลายปีแล้ว จึงมีตอที่ปลายนิ้ว เมื่อเขาเลื่อนผ่านผิวที่บอบบางของใบหน้าเธอ เฉียวฉีรู้สึกขรุขระมาก ทำให้หัวใจของเธอสั่น
เฉียวฉีตัวแข็งเล็กน้อย แต่เธอปกปิดไว้อย่างดีและไม่มีใครมองเห็น
กู้ซือเฉียนถอนหายใจและอธิบายอย่างช้าๆ: “เมื่อกี้ผมฝึกชกมวยในโรงยิม ออกมาบังเอิญเจอเธอ เธอบอกว่าเธอมีเรื่องอยากจะคุยกับผม ฉันจึงให้เธออยู่”
“ไม่คิดเลยว่า เธอยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ เธอก็ถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาหาผม ผมสาบานว่า ผมไม่ได้แตะต้องเธอแม้แต่สักนิด คุณเชื่อผมไม่”
หัวใจของเฉียวฉีนิ่ง
อันที่จริง ทางสติเฉียวฉีเชื่อเขา
ด้วยอำนาจระดับสูงอย่างกู้ซือเฉียน เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องโกหกเธอ
แต่ด้วยความอารมณ์ ตราบใดที่เธอนึกถึงภาพที่กู้ซือเฉียนอยู่กับหลินเยว่เอ๋อนั้น เธอก็ยอมรับในใจไม่ได้
แต่เฉียวฉีก็ไม่ใช่คนที่แบบไร้เหตุผล
ดังนั้น คราวนี้เธอจึงไม่โกรธ แต่ทวนด้วยเสียงหนักแน่นว่า “คุณปล่อยฉันก่อน”
เมื่อเห็นน้ำเสียงของเธอเบาลง กู้ซือเฉียนก็ไม่ยืนกราน และปล่อยเธอไป
เฉียวฉียืดตัวขึ้น สัมผัสลูบคางปวดที่ถูกเขาหนีบ
แล้วมองดูเขาอย่างเย็นชา
เห็นแต่ผู้ชายเอามือใส่ในกระเป๋ากางเกง และมองดูเธออย่างประชดประชัน ดวงตานั้นสว่างเหมือนน้ำใส แต่มีความหมายล้ำลึกที่เธอดูไม่ออก
เธอพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันอยากกลับบ้าน”
กู้ซืนเฉียนเลิกคิ้วขึ้น
“ได้ แต่คุณต้องบอกผมว่าคุณไม่ติดใจแล้ว”
เฉียวฉีขมวดคิ้ว
“ฉันติดใจอะไร”
“เรื่องเมื่อกี้ ผมได้อธิบายรายละเอียดให้ชัดเจนแล้วนะ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไปเช็คเอง ในโรงมวยคนเยอะ ถึงแม้ว่าพวกเขาเป็นคนของผม แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนก็ภาคดีกับผม ผมรู้ว่าคุณมีวิธีมากที่บังคับคนให้สารภาพ ผมสามารถให้คนของผมทั้งหมดให้คุณสอบถามตามต้องการ”
เฉียวฉีหยุดนิ่ง โกรธขึ้นอีกในใจ และโกรธมากโดยไม่มีเหตุผล
“กู้ซือเฉียน ฉันคิดว่าคุณบ้าไปแล้ว”
หลังจากพูดจบ ก็ไม่สนใจว่าร่างกายของเขาจะเคลื่อนไหวได้หรือไม่ เธอก็อยากจะลุกจากเตียง
ดวงตาของกู้ซือเฉียนมืดลง
เอื้อมมือออกไป เขาผลักเธอกลับขึ้นไปบนเตียง
เฉียวฉีลุกขึ้นนั่งโดยใช้กำลังมาก แต่ตอนนี้เธอถูกผลักลงบนเตียงเบาๆ ทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้น
“คุณอยากทำอะไร”
เฉียวฉี“……”
กู้ซือเฉียรยังคงยืนอยู่ตรงนั้น มองดูเธออย่างสงบ “พูด คุณไม่ติดใจ”
เฉียวฉี “…”
ดูแล้วคนนี้ไม่ใช่บ้าอย่างเดียว แต่กำลังจะป่วยจนตายต่างหาก
อันที่จริงมันเป็นเพียงแค่หนึ่งประโยค สามคำ
เฉียวฉี“……”
แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ในใจเธอยังมีความโกรธอยู่ ติดอคในใจเธอ ทำให้เธอโกรธก็ใช่ ไม่โกรธก็ไม่ใช่ ให้กู้ซือเฉียนทำตามใจของเขา
ดังนั้นเธอจึงจ้องมองเขาอย่างเย็นชา และเยาะเย้ย “ถ้าฉันไม่พูดล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้คุณก็ไม่ต้องออกจากห้องนี้ไปได้”
เฉียวฉีสำลักด้วยความโกรธ
หากเป็นไปได้ ตอนนี้เธออยากทำมากที่สุดก็คือตบหน้าเขา ตบใบหน้าที่โกรธนั้นให้บวม
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามบอกตัวเองในใจ
ไม่โกรธ ไม่โกรธ กับคนแบบนี้ ไม่มีอะไรต้องโกรธ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอเย้ยหยัน “กู้ซืนเฉียน คุณรู้รึเปล่าว่ายิ่งคุณทำเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันขยะแขยง คุณคิดว่าคุณเป็นอะไร ทุกคนต้องสนใจคุณ คล้อยตามคุณ ทำบ้าอะไรเพื่อคุณ หึงห่วงคุณหรอ ตื่นมาสิ ฉันไม่สนเลย คุณจะมีชีวิตอยู่หรือตายไป จะทำอะไร อยู่กับใคร มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ทำไมฉันต้องไปสนใจคุณด้วย”
ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไป
ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปลี่ยนเย็นชาไปทันที แม้แต่คิ้วและดวงตาก็เต็มไปด้วยความเย็นชา
ความโกรธของเขากำลังมา
แต่กู้ซือเฉียนไม่กลัวเลย เอียงศีรษะและจ้องมาที่เขาอย่างเย็นชา
สักครู่ ถึงจะได้ยินเขาพูดว่า “โอเค ดีมาก เฉียวฉี คุณเป็นผู้หญิงที่เย็นชาและไร้หัวใจมากที่สุดที่ผมเคยเห็น”