จะตบตีจริงอย่างที่พูดได้อย่างไร
เห็นเพียงหลินเยว่เอ๋อร์ยิ้มแล้วลุกขึ้น ปรบมือ กล่าวอย่างสงบว่า“นายเขาคุยกัน แกที่เป็นคนรับใช้ต่ำต้อยยุ่งอะไร ในเมื่อไม่รู้จักกฎระเบียบ วันนี้ฉันก็จะสั่งสอนกฎระเบียบให้แก”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา สีหน้าคนทั้งหมดเปลี่ยนไปทันที
เสี่ยวเยว่ยิ่งโมโหจนหน้าแดงก่ำ มือกำแก้มข้างที่ถูกตบ โกรธจนพูดไม่ออก
และในเวลาเดียวกันนี้
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง“อ้า”
หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกเพียงเจ็บจี๊ดที่ขาจนเข้าหัวใจ วินาทีต่อมา ร่างกายได้งอลงไปตามสัญชาตญาณ
ทุกคนต่างตกใจ ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เฉียวฉีได้ถีบไปที่ท้องของเธอแล้ว
ยังดีที่ตอนนี้ขาของเธอได้รับบาดเจ็บอยู่ ไม่กล้าจะใช้แรงมากเกินไป ดังนั้นหลินเยว่เอ๋อร์ได้ร้องเจ็บแค่คำเดียว คนทั้งคนก็หงายหลังล้มลงพื้นไป
ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาปกติตอนที่ขาของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่แน่ว่าคนอาจจะได้ปลิวออกไปแล้ว
เฉียวฉีกล่าวด้วยเสียงเย็นชา“ในเมื่อคุณไม่รู้จักกฎระเบียบ งั้นฉันก็จะมาสั่งสอนคุณเอง คุณหลิน วิธีการสอนแบบนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ยังพอรับได้ไหม ”
หลินเยว่เอ๋อร์ กุมหน้าท้องไว้ ทั้งเคืองทั้งโกรธ แต่พอจะใช้กำลังขึ้นมาจริงๆ แม้วันนี้เฉียวฉีจะเป็นคนพิการครึ่งซีก แต่เธอก็สู้ไม่ได้
ดังนั้นโกรธจนพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เฉียวฉีกระตุกยิ้มเยาะที่มุมปาก
เธอหันหน้ามา เหลือบไปทางแม่ครัวที่ยืนก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา แล้วถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า“คุณชื่ออะไรหรือ”
วันนี้แม่ครัวถูกหลินเยว่เอ๋อร์ใส่ร้ายและโจมตีโดยไม่มีเหตุผล ในใจทั้งโกรธทั้งกลัวไปนานแล้ว ปกติก็เคยได้ยินกิตติมศักดิ์ของคุณหลินคนนี้มาบ้าง ตอนแรกยังคิดว่าตัวเองทำงานในครัว ขอเพียงทำอาหารได้น่าทานก็จะไม่มีปัญหา ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะหาเรื่องถึงตัวเองไม่ได้
แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้
ก่อนหน้านั้นคิดว่าตัวเองจะต้องตกงานแน่เลย ไม่คาดคิดว่า เฉียวฉีจะเข้ามาแทรกระหว่างทาง
ในเวลานี้ แม่ครัวรู้สึกขอบคุณเฉียวฉีอย่างมาก
เมื่อเห็นเธอถาม จึงรีบตอบว่า“ตอบคุณเฉียว ฉันแซ่จาง ชื่อจางเฟิ่ง ค่ะ ”
เฉียวฉีพยักหน้า
“เกี่ยวกับรังนกที่คุณหลินพูดถึง คุณพอจะจำได้ไหม”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าแม่ครัวอมทุกข์ รีบกล่าวว่า“จำได้อยู่แล้ว สามวันก่อนพ่อบ้านโอได้นำรังนกชั้นเลิศมาหลายกล่อง บอกว่าจะให้คุณกับคุณหลินบำรุงร่างกาย ตอนนั้นฉันก็ไม่ค่อยใส่ใจ ก็วางไว้ในตู้พร้อมกับยาบำรุงอื่นๆ เช้าวันนี้ คุณหลินบอกว่าอยากดื่มรังนก ดังนั้นฉันก็นำออกมาส่วนหนึ่ง ตุ๋นเสร็จแล้วนำไปให้เธอ แต่ไม่คิดว่าคุณหลินกลับบอกว่านี่เป็นรังนกเก่าเกรดรอง สวรรค์รู้ สิ่งของนั้นวางอยู่ในตู้ ฉันไม่เคยแม้แต่จะไปเตะต้องมัน ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าทำไมอยู่ดีๆรังนกชั้นเลิศเปลี่ยนเป็นรังนกเกรดรองได้ คุณเฉียว ฉันถูกใส่ร้ายจริงๆ คุณจะต้องให้ความเป็นธรรมกับฉันนะ”
หลังจากที่แม่ครัวพูดจบ เฉียวฉีไม่ได้รีบร้อนแสดงท่าทีอะไรออกมา
แต่หลินเยว่เอ๋อร์นั้น เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ก็รีบกระโดดลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างรีบร้อน
ชี้ไปที่หน้าของเธอ ตะโกนด่าว่า“ดีนี่ แกหมายความว่าฉันใส่ร้ายแกใช่ไหม”
แม่ครัวรู้สึกกลัวเธอ จึงถอยหลังไปเล็กน้อย แล้วก้มหน้าต่ำลง
น้ำเสียงก็เบาลง“ฉันไม่ได้พูดเช่นนั้น”
หลินเยว่เอ๋อร์ยิ้มเยาะ
“ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็มาจากครอบครัวคนมีฐานะ ตอนอยู่บ้านไม่พูดถึงอย่างอื่น ของอย่างรังนกก็กินเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ถือว่าเป็นของหายากอะไร เมื่อมาถึงที่นี่ กู้ซือเฉียนดีกับฉัน อะไรดีก็ล้วนจะให้ฉันกินจะให้ฉันใส่ ฉันยังจะไปสนใจของเล็กน้อยพวกนี้อยู่หรือ ฉันก็แค่ไม่ชอบที่พวกแกหลอกลวงและปิดบัง เห็นฉันเป็นคนโง่ ทั้งๆที่มีรังนกชั้นเลิศหลายกล่อง แต่กลับนำรังนกเก่าเกรดรองแบบนี้มาให้ฉัน คิดว่าฉันโง่ไม่รู้ หรือคิดว่าฉันอ่อนแอรังแกง่าย”
เมื่อเธอพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าแม่ครัวซีดลงเล็กน้อย
แม้แต่คนรับใช้คนอื่นๆที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แสดงสีหน้าว่ากลัวเล็กน้อย
ทุกคนเคยได้ยินว่าเธอป่าเถื่อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะป่าเถื่อนถึงเพียงนี้
ถ้าตามที่เธอพูด ข้อกล่าวหาของจางเฟิ่งวันนี้คงจะหนีไม่พ้นเป็นแน่
ขณะที่คิดเช่นนี้ สีหน้าทุกคนก็แสดงออกถึงความสงสาร
เมื่อจางเฟิ่งได้ยิน ก็ร้อนใจขึ้นมา
รีบอธิบายว่า“ฉันรู้ว่าคุณหลินมาจากตระกูลใหญ่ คงไม่คิดจะใส่ร้ายฉัน แต่ฉันไม่ได้ขโมยเปลี่ยนรังนกของคุณจริงๆ ฉันสาบานตรงนี้ได้ว่า หากฉันขโมยเปลี่ยนรังนกของคุณจริง ก็ให้ฟ้าผ่าฉัน ไม่ได้ตายดี”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ที่จริงในใจเชื่อแล้วว่าจางเฟิ่งไม่ได้เอา
ไม่ว่าอย่างไร ใครจะสาปแช่งตัวเองเช่นนี้เพียงเพราะรังนกแค่กล่องเดียว
แต่ไม่คิดว่า กลับได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของหลินเยว่เอ๋อร์
“ได้ จะสาปแช่งสาบานหรือ ถ้าการสาบานมีประโยชน์ บนโลกนี้ก็ไม่มีคนเลวแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ
สีหน้าจางเฟิ่งซีดเล็กน้อย
ทำได้เพียงหันหน้าไปมองเฉียวฉีเหมือนขอความช่วยเหลือ“คุณเฉียว”
เฉียวฉีโบกไม้โบกมือ
สีหน้ายังคงสงบนิ่ง เพียงแต่ในดวงตาคมกริบคู่นั้น เหมือนกับได้มีวิธีที่ที่จะทำให้กระจ่างได้แล้ว
เธอถามด้วยเสียงเคร่งขรึม“รังนกพวกนั้นยังอยู่ไหม”
เสี่ยวถาวที่ปรนนิบัติรับใช้หลินเยว่เอ๋อร์มาตลอดกล่าวว่า“ยังอยู่ค่ะ”
“ไปเอามาให้ฉันดู”
ดังนั้น เสี่ยวถาวก็รีบไปนำรังนกถ้วยนั้นมา
เพราะว่าได้ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว รังนกได้เย็นไปนานแล้ว
แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดูคุณภาพของมัน
เมื่อเฉียวฉีรับมาดู เห็นเพียงรังนกนั้นถึงแม้เพราะใส่เก๋ากี้และส่วนผสมอื่น จนดูสีเดิมไม่ออกแล้ว แต่ยังสามารถดูออกว่า สีค่อนข้างโปร่งใสและสว่าง ไม่เหมือนคุณภาพต่ำ
ถ้วยนี้เสี่ยวถาวเพิ่งจะตักออกมาจากในหม้อ ยังไม่มีใครเตะต้อง
เธอจับช้อนขึ้น ชิมไปหนึ่งคำ
จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เฉียวฉีเคยชิมของดีมาไม่น้อย และอย่างรังนกชั้นเลิศเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ถ้วยตรงหน้านี้ กลับรู้สึกแปลกเล็กน้อย
ทั้งๆที่ดูจากสภาพแล้ว เหมือนเป็นของชั้นดี แต่พอเข้าปากกลับรู้สึกเปราะบาง ไม่มีรสชาติที่สดชื่นลื่นปากเหมือนรังนกชั้นดี
เห็นได้ชัดว่า มีคนจงใจทำให้รูปลักษณ์รังนกเกรดรองเป็นรังนกชั้นเลิศ เพื่อหลอกคนที่ไม่รู้
เธอชิมไปแค่ช้อนเดียว ก็วางช้อนลง
กล่าวเรียบๆว่า“ถ้วยนี้เป็นรังนกเกรดรอง”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา ทุกคนต่างตกตะลึง
“เกรดรองหรือ เป็นไปได้อย่างไร”
ในตอนแรกทุกคนต่างคิดว่า หลินเยว่เอ๋อร์เป็นคนยุยงปลุกปั่น จงใจหาเรื่องจางเฟิ่ง ดังนั้นจึงจงใจนำรังนกชั้นเลิศถ้วยหนึ่งพูดว่าเป็นรังนกเกรดรอง
แต่ตอนนี้ เฉียวฉีก็บอกว่านี่เป็นรังนกเกรดรอง หรือว่าที่หลินเยว่เอ๋อร์พูดมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเรื่องจริง
จางเฟิ่งได้ทำการสับเปลี่ยนรังนกนั้นจริงหรือ เอาที่ไม่ดีมาให้พวกเธอ ที่ดีแอบซ่อนไว้ตัวเองกินหรือ
ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
ถึงแม้จะยังคงไม่อยากเชื่อว่า จางเฟิ่งจะเป็นคนเช่นนั้น แต่ความจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่สามารถพูดได้ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ดังนั้น สายตาทุกคนมองไปที่จางเฟิ่ง อย่างอดสงสัยไม่ได้เล็กน้อย
เมื่อจางเฟิ่งได้ยินเช่นนั้น ก็ตกตะลึงเหมือนกัน
เธอไม่คิดว่า รังนกนี้จะเป็นรังนกเกรดรองจริงๆ