วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 816 ตรวจดูกล้องวงจรปิด

ตามหลักแล้ว ของสิ่งนั้นตั้งแต่วางอยู่ตรงนั้น เธอก็ไม่เคยไปเตะต้อง เพราะว่าทุกคนต่างรู้ว่าเธอเป็นคนรับผิดชอบอาหารสามมื้อของเฉียวฉีกับหลินเยว่เอ๋อร์ ดังนั้นขอเพียงเป็นวัตถุดิบของทั้งสองคนนี้ ปกติคนอื่นจะไม่มาเตะต้อง

ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้น

จางเฟิ่งก็เริ่มกระวนกระวายขึ้นมา

แต่เฉียวฉีนั้นไม่รีบร้อน ดูรังนกนั้นอย่างละเอียดอีกครั้งก่อน แล้วก็ให้คนไปเรียกลุงโอมา เพื่อจะยืนยันกับเขาว่า ตอนที่เขาส่งมานั้นใช่รังนกชั้นเลิศจริงไม่ผิด

จากนั้น จึงหันหน้าไปทางกลุ่มคนรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

“ช่วงนี้ ในห้องครัวนอกจากจางเฟิ่ง ยังมีใครอยู่เวรไหม”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน เธอมองฉัน ฉันมองเธอ

จากนั้น ก็มีหญิงรับใช้อีกสามคนยืนออกมา

เฉียวฉีมองดูพวกเธอ แล้วถามว่า“พวกคุณล้วนเป็นแม่ครัวหรือ”

สามคนนั้นส่ายหัว ก็ไม่รู้ว่าเพราะกลัวเธอ หรือว่าเพราะเขินอาย ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา

กล่าวเสียงเบา“ไม่ใช่ค่ะ คุณเฉียว พวกเราเพียงแค่ช่วยงานอยู่ในห้องครัว ล้างผักทำงานทั่วไปอะไรประมาณนั้น”

เฉียวฉีเลิกคิ้ว

“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณเคยเตะต้องวัตถุดิบของจางเฟิ่งไหม”

“ไม่ค่ะ”

ทั้งสามคนส่ายหัวปฏิเสธพร้อมกัน

เฉียวฉีนิ่งเงียบไป

ในเวลาเดียวกัน จู่ๆหญิงรับใช้คนหนึ่งในนั้นที่อายุค่อนข้างน้อยกว่าพูดขึ้นว่า“ที่จริงของพวกนี้ในเมื่ออยู่ที่ป้าจาง คนอื่นก็ไม่สามารถเอาได้ ไม่ว่าอย่างไร ปกติถ้ามีวัตถุดิบที่ค่อนข้างแพง ป้าจางก็จะล็อกไว้ในตู้หมด พวเราไม่มีกุญแจ จะเอาได้อย่างไร”

เมื่อพูดคำนี้ออกมา จางเฟิ่งก็รีบอธิบายว่า“ใช่ค่ะ คุณเฉียว เนื่องจากในปราสาทคนมาก บางครั้งฉันกลัวใครจะมือไม้ไม่สะอาด จะทำให้เกิดเรื่องน่าอับอายได้ ดังนั้นปกติถ้ามีสิ่งของค่อนข้างล้ำค่าส่งมา ฉันก็จะเก็บไว้ในตู้เดียวกัน แม่กุญแจของตู้นั้นมีเพียงฉันมีคนเดียวเท่านั้น”

เฉียวฉีเลิกคิ้ว ยื่นมือออกมา“เอากุญแจมาให้ฉันดู”

เมื่อจางเฟิ่งได้ยินเช่นนั้น ก็รีบเอากุญแจน้อยสีเท่าในกระเป๋าออกมา ใช้สองมือส่งให้เธอ

เมื่อเฉียวฉีรับมาดูแล้ว เห็นว่าเป็นเพียงกุญแจธรรมดาเท่านั้น ถ้าดูตามนี้ แม่กุญแจนั้นก็จะต้องเป็นแม่กุญแจธรรมดาเท่านั้น

แต่ว่าถ้าเป็นเช่นนี้ ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า ของสิ่งนี้หากไม่มีกุญแจ คนทั่วไปจะไม่สามารถได้สัมผัสเลย

อย่างไรก็ตาม เพื่อรังนกแค่หนึ่งชุด จะต้องไปงัดแม่กุญแจ แล้วยังต้องไปรับความเสี่ยงใหญ่เช่นนี้ ไม่จำเป็นจริงๆ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แววตาเฉียวฉีเป็นประกายเล็กน้อย

หลินเยว่เอ๋อร์ได้หมดความอดทนแล้ว

เธอร้องออกมาอย่างรำคาญ“ฉันว่าเฉียวฉี คุณยังจะมาชักช้าอยู่ตรงนี้ทำไม เรื่องนี้ตอนนี้ความจริงได้อยู่ตรงหน้าแล้วไม่ใช่หรือ”

“สิ่งของยืนยันแล้วว่าเป็นรังนกชั้นเลิศ และกุญแจก็มีเพียงเธอมีเท่านั้น ตอนนี้สิ่งของได้ถูกคนสับเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เธอทำแล้วยังมีใครทำอีก”

เฉียวฉีเงยหน้า มองดูเธอแวบหนึ่ง

ด้วยสายตาเยือกเย็น

เมื่อหลินเยว่เอ๋อร์ถูกสายตาเธอจ้องมอง ทันใดนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา และหุบปากลงทันที

เฉียวฉีจึงหันหน้ากลับมา มองไปที่จางเฟิ่ง

“ในห้องครัวมีกล้องวงจรปิดไหม”

เมื่อจางเฟิ่งได้ยินเช่นนั้น ตะลึงไปเล็กน้อย

รีบพยักหน้า“มีค่ะ”

“พาฉันไปดู”

ดังนั้น คนทั้งหมดก็พาเฉียวฉี เดินไปทางห้องครัว

เวลานี้ ทางตึกใหญ่ก็น่าจะได้ยินเรื่องนี้แล้ว กู้ซือเฉียนก็วิ่งมาดูด้วย

มีเขาอยู่ หลินเยว่เอ๋อร์ย่อมอยากจะแสดงออกว่าอยากจะตรวจสอบให้กระจ่างเล็กน้อย ดังนั้นกล้องวงจรปิดยังไม่ได้เปิดออก ก็กล่าวอย่างคนมีคุณธรรมว่า“เฉียวฉี พูดกันก่อนนะ ตอนนี้เรื่องนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าแม่ครัวคนแซ่จาง เป็นคนทำ แต่คุณกลับทำทุกวิถีทางเพื่อจะช่วยเธอให้หลุดพ้น กล้องวงจรปิดนี้สามารถดูได้ แต่หากดูแล้วยังเห็นว่าเป็นเธอ คุณเตรียมตัวจะทำอย่างไร”

เฉียวฉีจ้องมองเธอด้วยสายตาสงบนิ่ง แล้วกล่าวว่า“ควรต้องทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว”

หลินเยว่เอ๋อร์หัวเราะเยาะ“ได้ คุณพูดเองนะ เมื่อถึงเวลาหากฉันแจ้งตำรวจ คุณอย่ามาขวางอีกนะ”

ขณะพูด ก็เลิกคิ้วอย่างไม่แคร์

“ตั้งแต่เล็กฉันก็ไม่ชอบคนที่ชอบลักเล็กขโมยน้อยแบบนี้แล้ว ก็มีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้น ที่จะปกป้องพวกเธอโดยไม่แยกผิดถูก”

เฉียวฉีขี้เกียจทำสงครามปากกับเธอ ไม่ว่าอย่างไรหากลงไม้ลงมือขึ้นมา หลินเยว่เอ๋อร์สิบคนก็ไม่พอเธอดู

แล้วจะไปสนใจปากของเธอทำไม

เธอสั่งการให้ดึงภาพกล้องวงจรปิดบนคอมพิวเตอร์ออกมา เพราะต้องเริ่มตรวจสอบตั้งแต่ที่ลุงโอส่งรังนกมา ทั้งหมดหลายวัน ดังนั้นต้องใช้เวลาเล็กน้อย

เธอจะดูคนเดียวก็ไม่ได้ ดังนั้นก็ให้คนนำคอมพิวเตอร์มาหลายเครื่อง แล้วก๊อบปี้ข้อมูลไปลงเครื่องละหนึ่งชุด จากนั้นหาคนที่ค่อนข้างไว้ใจได้หลายคนมาช่วยดูด้วยกัน

ตลอดกระบวนการ กู้ซือเฉีนยืนมองดูอยู่ตรงประตูอย่างเงียบๆ ไม่ได้เข้ามาแทรกแซง

เพียงแต่ในดวงตาดำเข้มนั้น มีประกายความขี้เล่นเล็กๆน้อยๆแวบเข้ามา

เฉียวฉีดูอย่างเร็ว

ถ้าเป็นคนอื่นเกือบหนึ่งชั่วโมงก็แทบจะดูไม่จบ แต่เธอใช้ความเร็วที่สุดดูของทั้งวันจนจบ

ที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องดูละเอียดทีละนิดทีละน้อย ไม่ว่าอย่างไร ตู้ที่ใส่วัตถุดิบก็วางอยู่ตรงนั้น หากมีคนเข้าใกล้เปิดออกจริง แวบเดียวก็สามารถเห็นได้แล้ว

ดังนั้น เธอเกือบจะปรับความเร็วให้เร็วที่สุด ดูไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นก็ต้องชะงัก

หว่างคิ้วที่สวยงามก็ขมวดแน่นเข้า

“รอก่อน หยุดอยู่ตรงนี้ก่อน รีภาพกลับไปอีกประมาณยี่สิบวินาที”

เธอสั่งการเสี่ยวเยว่ที่ช่วยเธอควบคุมคอมพิวเตอร์อยู่ข้างๆ

เพราะว่าตอนนี้บนแขนของเธอยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ไม่สะดวกในการทำงาน ดังนั้นต้องให้เสี่ยวเยว่ช่วยเธอตลอด

เมื่อเสี่ยวเยว่ได้ยินเช่นนั้น ก็พยักหน้า รีบรีภาพกลับไปที่ยี่สิบวินาที

เฉียวฉีให้เธอไม่ต้องเดินหน้าอีก จากนั้นก็มองดูอย่างละเอียด

เห็นเพียงในภาพนั้น ทุกคนต่างคนต่างยุ่ง ไม่นานก็จบลง จากนั้นคนทั้งหมดล้วนทยอยแยกย้ายกันไป

เสี่ยวเยว่มองดูคอมพิวเตอร์อยู่ครึ่งวันก็ไม่เห็นความผิดปกติ จึงขมวดคิ้วอดสงสัยไม่ได้

“ คุณเฉียว ภาพช่วงนี้เป็นอะไรหรือ”

สีหน้าเฉียวฉีสงบนิ่ง กล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า“รีภาพกลับไปอีกสิบวินาที ให้ฉันดูอีก”

เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นเช่นนั้น ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็“อืม”หนึ่งคำ แล้วช่วยเธอรีภาพกลับไป ให้เธอดูใหม่อีกรอบ

ครั้งนี้ ในที่สุดเฉียวฉีก็ยืนยันได้แล้ว

ตอนที่ภาพกำลังฉายไปในที่แห่งหนึ่ง เธอกล่าวว่า“ตรงนี้ หยุดก่อน”

เสี่ยวเยว่รีบกดหยุดชั่วคราว

แล้วเฉียวฉีถึงกล่าวเสียงหนักแน่นว่า“ได้แล้ว พวกคุณไม่ต้องดูแล้ว”

ทุกคนตะลึง ล้วนเงยหน้าขึ้นมามองดูเธอด้วยความสงสัย

ตอนที่พวกเธอกำลังดูกล้องวงจรปิด หลินเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างๆเหมือนดูตลก เพราะในใจของเธอได้มั่นใจแล้วว่าจางเฟิ่งเป็นคนเอาสิ่งของไป ดังนั้นไม่ว่าเฉียวฉีจะตรวจสอบอย่างไร สุดท้ายแล้วก็เพียงแค่ตรวจสอบไปถึงตัวจางเฟิ่งเท่านั้น

ดังนั้น เธอไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะกู้ซือเฉียนไม่อนุญาตให้เธอเข้าใกล้ เธอก็จะไปพูดคุยกับเขาเพื่อคลายความเบื่อหน่ายแล้ว

ตอนนี้เห็นเธอให้ทุกคนหยุดแล้ว จึงหัวเราะเยาะออกมา“เป็นอย่างไรบ้าง เห็นโฉมหน้าอะไรบ้างไหม”

คำพูดนั้นฟังดูเหมือนห่วงใย แต่ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการประชดประชันและได้ใจ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset