ปกติที่เก็บตัวเพื่อความปลอดภัยและไม่ออกจากปราสาท แต่ตอนนี้คู่รักที่จริงใจและรักกันด้วยใจจริง ทำไมถึงจะยอมปล่อยโอกาสนี้แล้วไม่ออกไปขอพรเพื่อความรักล่ะ?
ดังนั้น ตอนนี้เธอมีเหตุผลที่จะออกไปแล้ว และเธอก็เชื่อด้วยว่าในหนึ่งเดือนที่ผ่านที่อีกฝ่ายไม่มีการเคลื่อนไหวไม่ใช่เพราะยอมแพ้แล้ว
ความจริงแล้วฝั่งตรงข้ามก็กำลังมองหาโอกาส และในวันนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดสำหรับพวกมัน
ดังนั้นพวกมันจะต้องลงมือแน่ เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะเข้าทางตนเองที่จะเล่นงานคนพวกนี้ได้โดยง่าย และตรวจสอบเบื้องหลังและจุดมุ่งหมายของคนพวกนี้ให้กระจ่าง
แต่น่าเสียดาย…
เฉียวฉีหัวเราะเย้ยหยันออกมาเหมือนคิดอะไรออกมาได้
วันนั้นเธอไปที่ยิมต่อยมวยเพื่อไปหากู้ซือเฉียนก็เพื่ออยากจะไปเล่าแผนการให้เขาฟัง
แต่คิดไม่ถึงว่ากลับไปเจอเขากับหลินเยว่เอ๋อร์อยู่ด้วยกันและเสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อยแบบนั้น
ตอนนั้นเธอเองก็โกรธจึงไม่ได้บอกเขา เมื่อมาสคิดย้อนไปก็ยังคิดว่าเรื่องจริงจังนั้นสำคัญ พอจะพูดก็ถูกหลินเยว่เอ๋อร์เข้ามาหาเรื่อง ส่วนเขาก็ไม่เคยจะซักไซ้ไล่เลียงแล้วก็เข้าข้างหลินเยว่เอ๋อร์ไปเลย
ที่จริงแล้ว จนถึงตอนนี้เฉียวฉีก็ยังไม่เข้าใจว่าผู้ชายที่ฉลาดแบบนั้นอย่างกู้ซือเฉียนทำไมถึงได้ถูกลูกไม้ตื้นๆ ของหลินเยว่เอ๋อร์หลอกเอาครั้งแล้วครั้งเล่า?
เขามองไม่เห็นมุกห่วยๆ ที่เธอไม่อยากเล่นตั้งแต่เธออายุ 10 ขวบจริงๆ หรือ?
เฉียวฉีไม่เข้าใจหรือว่าบางทีดอกไม้ข้างทางจะดึงดูดสายตาอาจจะจริง
เขารักหลินเยว่เอ๋อร์เข้าแล้วจริงๆ และความรักก็ทำให้ตัวเองตาบอด จึงทำให้เขามองไม่เห็นแผนการที่ออกจะชัดเจนขนาดนี้
อย่างไรเสียไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเฉียวฉีก็ผิดหวังในตัวกู้ซือเฉียนมาก
และไม่หวังให้เขาต้องมาแสดงละครกับตนเองอีก
วันนี้คือวันเทศกาลซีเฉี่ยวและเธอก็ไม่อยากรออีกต่อไป
ดังนั้นไม่ว่าจะมีเขาหรือไม่ ก็ควรจะต้องออกไป เธออยากจะออกไปไม่ว่าฝั่งตรงข้ามจะโดนหลอกหรือไม่ ทั้งหมดก็ถือว่าต้องอาศัยมติสวรรค์แล้ว
เมื่อคิดแบบนี้เธอก็ถอนหายใจ
แล้วพูดกับเสี่ยวเยว่อย่างเรียบเฉย: “เธอไม่ต้องถามเรื่องพวกนี้ให้มากความ อย่างไรก็ตาม ทำให้มั่นใจว่ามีคนจำนวนมากที่รู้ ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ปราสาทตระกูลกู้คนนั้น วันนี้จะออกไปงานโคมไฟเทศกาลซีเฉี่ยว เข้าใจไหม?”
เสี่ยวเยว่พยักหน้าโดยไว “เข้าใจแล้วค่ะ คุณวางใจได้ ตอนที่ฉันซื้อของ ฉันตั้งใจทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วถามพวกเขา
เพราะกลัวว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นถึงจุดนี้ ฉันตั้งใจถามพวกเขาถึงวันรายการต่างๆ งานเทศกาลและสถานที่ที่น่าไป สุดท้ายยังเดินเล่นไปที่ร้านเครื่องประดับและยังบอกพวกเขาว่า วันนี้จะออกไปกับคุณเฉียว ถึงเวลาจะพาคุณไปซื้อเครื่องประดับร้านพวกเขาด้วยค่ะ
ฉันยังทำตามที่คุณบอก โม้ไปถึงความยากลำบากกว่าคุณจะออกไปได้ บอกว่าคุณอยู่บ้านอึดอัดจะแย่แล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง จึงไม่มีทางเบี้ยวแน่ ฉันเชื่อว่าพูดออกไปขนาดนี้พวกเขาจะต้องไม่สงสัยอะไรแน่”
เฉียวฉีได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า
“งั้นก็ดี”
เธอมองดูเวลา นี่ก็สิบโมงเช้าแล้ว
งานโคมไฟเทศกาลซีเฉี่ยวนั้น แน่นอนว่าเวลาเริ่มงานก็ต้องเป็นตอนหัวค่ำ
ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ต้องรีบ
เมื่อเฉียวฉีคิดเช่นนี้จึงให้เสี่ยวเยว่ออกไปก่อนและตนเองได้กลับไปพักผ่อนและเติมพลังที่ห้อง ท้ายที่สุด อาจมีการต่อสู้ที่ยากลำบากคืนนี้ก็ได้
ในขณะที่เธอกำลังพักอยู่นั้น อีกฟากหนึ่งภายในอีกห้องหนึ่งในอาคารเดียวกัน
เสี่ยวถาวพบว่าหลินเยว่เอ๋อร์ที่สมใจกับเรื่องที่ทำให้เกิดความฮึกเหิมเมื่อคืน วันนี้ไม่รู้ทำไมจึงได้ดูโทรมไป
ถึงแม้ตอนออกจากห้องเธอจะมีท่าทีหยิ่งผยองและได้ใจอย่างนั้น แต่พอกลับห้องก็พบว่าสีหน้าที่ได้ใจของเธอนั้นกลับหายไปในชั่วพริบตา
เสี่ยวถาวไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้
ต้องเข้าใจก่อนว่าเมื่อคืนนั้นระหว่างการปะทะกันของเธอกับเฉียวฉี คุณชายยืนอยู่ข้างเธออย่างชัดเจน
หรือว่าเท่านี้มันยังไม่พอที่จะทำให้เธอดีใจอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อคิดแบบนี้ก็เริ่มทำให้เสี่ยวถาวเกิดความสงสัยขึ้นมา
จึงได้เข้าไปถามด้วยความอยากรู้ “คุณหลินคะ เป็นอะไรไปคะ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณดูไม่ค่อยจะดีใจเลยคะ?”
หลินเยว่เอ๋อร์มองเธอและหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน
ดีใจ? ดีใจอะไรกัน?
ก่อนหน้านี้กู้ซือเฉียนหลอกเธอ เขาจะส่งเธอไปให้คนอื่นแล้ว เธอจะยังดีใจอะไรได้อีก?
เมื่อคิดถึงผู้ชายคนนั้นเธอก็อดที่จะกัดฟันด้วยความเกลียดชังไม่ได้
กู้ซือเฉียน—นายไม่มีหัวใจเลยจริงๆ ใช่ไหม?
เธอแสดงออกต่อเขาอย่างลึกซึ้งขนาดนี้ เขาไม่เพียงแต่จะไม่หวั่นไหว คิดไม่ถึงว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยจะให้เธออยู่ อยู่ข้างๆ กายเขา
แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น เธอก็อดทนต่อความอัปยศอดสูและสัญญาว่าจะไปอยู่เคียงข้างหนานมู่หรงเพื่อเขา
แต่เขาก็ยังคงเย็นชาอย่างไม่เห็นอกเห็นใจใคร
มีเพียงแค่เวลาอยู่ต่อหน้าเฉียวฉีเท่านั้น เขาถึงจะแกล้งทำเป็นใส่ใจตัวเธอเป็นอย่างมาก
แต่หลินเยว่เอ๋อร์ก็รู้ว่า แต่นั่นก็แค่เป็นเพราะเขาต้องการจะให้เฉียวฉีเกิดความหึงหวง อยากเห็นความอิจฉาบนใบหน้าของเธอ
เขาทำขนาดนี้ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่ทั้งหมดก็เพื่อผู้หญิงคนนั้น!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความโกรธก็ผุดขึ้นในดวงตาของหลินเยว่เอ๋อร์
เสี่ยวถาวไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่แต่เมื่อเธอเห็นเธอนอนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเธอดูน่าเกลียด ดวงตาของเธอเหมือนมีดคม เธอจึงตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจ
แล้วจึงร้องถามออกไปด้วยความกล้า “คุณหลิน?”
หลินเยว่เอ๋อร์จึงได้สติกลับมา
เธอเงยหน้ามองเธอแล้วถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี “มีอะไร?”
เสี่ยวถาวถอนหายใจ
เธอหยิบขนมเปี๊ยะถั่วแดงชั้นดีออกมาจากห่อแล้ววางตรงหน้าเธอพร้อมกับพูดเบาๆ “เมื่อเช้าฉันเห็นคุณไม่ได้ทานอะไร กลัวว่าคุณจะหิวค่ะ ก็เลยจัดขนมมาให้คุณ ถ้าหากว่าคุณหิวก็สามารถรองท้องไปก่อน อีกชั่วโมงครึ่งก็ถึงเวลาอาหารแล้วค่ะ”
หลินเยว่เอ๋อร์หรี่ตามองดูขนมเปี๊ยะถั่วแดงจานนั้น
มีความรังเกียจในสายตาของเธอ
เธอไม่แม้แต่จะคิดแล้วยื่นมือออกไปปัดจานนั้นแล้วพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่ชอบกินอันนี้ เธอไปที่ครัวแล้วเอาซุปเห็ดหูหนูขาวเม็ดบัวมาให้ฉันที”
ช่วงนี้เป็นฤดูร้อน ซุปเห็ดหูหนูขาวเม็ดบัวมีสรรพคุณบรรเทาความร้อนและเพื่อความกระจ่างใสสวยงามซึ่งเหมาะกับเธอที่สุดแล้ว
เสี่ยวถาวได้ยินแล้วจึงรีบรับคำสั่ง: “ค่ะ ฉันจะรีบไปนำมาให้ค่ะ”
พูดจบก็หันหลังแล้วรีบเดินไป
หลินเยว่เอ๋อร์เห็นเธอที่เชื่อฟังและว่าง่ายสิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกดีไม่น้อย
ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวถาวก็ถือซุปเห็ดหูหนูขาวเม็ดบัวเข้ามาถ้วยหนึ่ง
เธอเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าเปรมปรีดิ์
พอเห็นหลินเยว่เอ๋อร์ เธอก็รีบปรี่เข้าไปแล้ววางถาดลงพร้อมกับยิ้มและพูด “คุณหลิน คุณลองทายดูสิคะว่าเมื่อครู่ฉันเจอใครเข้า?”
หลินเยว่เอ๋อร์เงยหน้าและหรี่ตามองเธอและถามอย่างไม่ได้สนใจอะไร: “ใคร?”
“ฉันเจอเสี่ยวเยว่ในครัวค่ะ นางคนชั้นต่ำนั่น พอเห็นฉันคิ้วไม่เป็นคิ้วตาก็ไม่เป็นตา ฉันเห็นแล้วโมโหจริงๆ ค่ะ ที่บังเอิญก็คือเธอไปที่ครัวก็เพื่อจะไปเอาซุปเห็ดหูหนูขาวเม็ดบัวให้คุณคนนั้นกินเหมือนกัน พอดีว่าฉันเห็นว่าในหม้อในห้องครัวมีเหลือเพียงชุดเดียวก็เลยรีบแย่งมา อ้อ แล้วมันก็อยู่ตรงนี้ คุณคนนั้นของหล่อนก็ไม่มีจะกินแล้ว ถ้าอยากกินก็ต้องรอแม่ครัวตุ๋นอีก แล้วซุปนี่ถ้าตุ๋นไม่ถึงสามสี่ชั่วโมงก็ไม่อร่อย ปล่อยให้พวกนั้นรอไปเถอะ”