เธออดไม่ได้ที่ถามอย่างระมัดระวัง: “คุณอย่าพูดแบบนั้นสิคะ คุณชายเขาเอ็นดูคุณมากนะคะ พอรู้ว่าคุณโดนวางยาก็ยังให้ตรวจสอบทั้งปราสาทเลยนะคะ!”
อย่างไรเสียครั้งนี้ เธอไม่ได้ยินหลินเยว่เอ๋อร์พูดอะไรกลับมาอยากยากที่จะเจอ
หลินเยว่เอ๋อร์คิดในใจว่าเขาทำเพื่อเธอที่ไหนกัน?
เรื่องนี้ทำให้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายมุ่งตรงไปที่เฉียวฉี
ตนเองก็แค่แย่งซุปเห็ดหูหนูขาวของเธอมาและรับกระสุนแทนเธอเท่านั้น
ถ้าหากว่าเขาสนใจตัวเธอจริง ทำไมตอนเธอตื่นมาถึงไม่เห็นเขา?
หรือแม้แต่ทั้งห้องจึงมีเพียงเสี่ยวถาวแค่คนเดียว แม้แต่ลุงโอก็ไม่อยู่
เป็นครั้งแรกที่หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกว่า เมื่อก่อนเธอรู้สึกว่าห้องของเธอนั้นเล็ก ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามันใหญ่มาก
มันว่างเปล่าและทำให้เจ็บปวดในใจ
อย่างไรก็ตาม เธอซ่อนความสูญเสียและความโศกเศร้านี้ไว้อย่างชาญฉลาด
จากนั้นจึงหันไปมองเสี่ยวถาวแล้วพูด: “ฉันไม่เป็นไรแล้ว เธอไม่ต้องร้องไห้แล้ว ตอนนี้ฉันหิวแล้ว เธอช่วยฉันไปดูทีว่ามีอะไรกินข้าง”
เสี่ยวถาวได้ยินแล้วรีบพยักหน้า “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
สุดท้ายเพราะหลินเยว่เอ๋อร์เพิ่งล้างท้องมาจึงกินอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงตักโจ๊กครึ่งถ้วยมาให้เธอรับประทาน
ถึงแม้หลินเยว่เอ๋อร์จะไม่ใช่ลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่ก็ถือเป็นคนมีเงิน ไหนเลยจะเคยกินโจ๊กจางๆ แบบนี้?
เธออดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ในทันที แต่เหมือนคิดอะไรได้ เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธอีกแล้วยอมกินแต่โดยดี
ส่วนอีกฟากหนึ่งนั้น
ตั้งแต่หลังอาหารเที่ยงเฉียวฉีก็นั่งอยู่ในห้องตลอด
ถึงแม้จะรู้แล้วว่าเรื่องวางยาในครั้งนี้อีกฝั่งตั้งเป้ามาที่เธอ
แต่เธอกลับดูเหมือนจะไม่ปฏิกิริยาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีคนคิดจะฆ่าตนแต่ก็ยังสงบนิ่งเหมือนช่วงเวลาปกติ
มีอะไรให้กินก็กิน ดื่มอะไรก็ดื่ม ถึงเวลานอนก็นอน
เป็นเหตุให้คนงานคนอื่นในปราสาทรู้สึกว่าเธอไม่ปกติหรือเปล่า
แต่มีเพียงเฉียวฉีเท่านั้นที่รู้ตัวว่าเธอปกติดี
เธอก็แค่คิดไม่ถึงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาที่คิดว่าอีกฝั่งไม่ลงมือ แต่คิดไม่ถึงว่าฝั่งตรงข้ามจะลงมือและเข้ามาถึงในปราสาทด้วย
ตอนนี้เธอกำลังคิดถึงสองเรื่อง
เรื่องที่หนึ่ง กลุ่มที่ลงมือครั้งนี้ เป็นหนึ่งในสองกลุ่มที่ลงมือครั้งก่อนหรือเปล่า?
เรื่องที่สอง ฝั่งตรงข้ามใช้วิธีอะไร หรือผ่านใครในการวางยา?
หลังจากเรื่องโกลาหลเมื่อเที่ยงกู้ซือเฉียนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเป็นอย่างแรก
แต่เพราะห้องครัวนั้นคนค่อนข้างเยอะวุ่นวาย ซุปเห็ดหูหนูขาวที่ตุ๋นอยู่ที่นั่น นอกจากแม่ครัวจางเฟิ่งแล้วก็ยังมีหลายคนที่อยู่ใกล้หม้อนั้น
ยิ่งกว่านั้นหากอีกฝ่ายต้องการจะวางยาจริง ก็ไม่แน่ว่าจะวางยาลงไปในซุป
ถึงจะใส่ในภาชนะที่ใส่ซุปหรือในน้ำที่ใช้ประกอบอาหารไม่ว่าส่วนผสมจะเป็นอะไร ก็สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์เดียวกัน
ดังนั้น ทางนี้ตรวจสอบได้ยาก
ส่วนอีกทางยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แม้แต่ใครคือมือวางยาก็ยังไม่รู้แล้วจะสามารถบอกได้อย่างไรว่าใครอยากจะฆ่าเธอ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย
ท้ายที่สุด พิษของสารหนูนี้ คนที่มีสุขภาพแข็งแรงเช่นหลินเยว่เอ๋อร์เกือบจะตายหลังจากดื่มมัน
ตอนนี้ร่างกายเธอยังบาดเจ็บย่อมจะไม่สามารถรับความทรมานจากการล้างท้องได้แน่ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนกลุ่มแรก ก็คือคนที่ขับรถชนเธอ มีเพียงคนกลุ่มนั้นที่ทำอะไรอุกอาจแบบนี้และคิดจะเอาชีวิตเธออย่างชัดเจน
ส่วนกลุ่มที่สอง เป็นที่ชัดเจนว่าต้องการเธอแบบมีชีวิต
ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่จนถึงตอนนี้เฉียวฉีก็ยังไม่รู้ว่าคนกลุ่มนั้นคือใครกันแน่
แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อพวกมันทนรอไม่ไหวแล้ว ไม่ช้าก็เร็วหางของจิ้งจอกจะต้องโผล่ออกมาให้เห็นแน่
เมื่อคิดเช่นนี้เฉียวฉีจึงได้วางใจและเรียกเสี่ยวเยว่เข้ามาให้เธอเข็นตนเองเพื่อไปหากู้ซือเฉียน
เรื่องนี้เธอคิดไปคิดมา ยังไงก็ต้องให้กู้ซือเฉียนร่วมมือ
ถ้าจะบอกว่าถ้าไม่มีเรื่องการวางยาพิษในวันนี้ เธอก็ยังจะทำตามแผนเดิมที่วางไว้
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายลงมือแล้ว ถ้าหากเธอยังทำตามแผนของตนเองต่อไปแล้วออกไปคนเดียว อีกฝั่งจะต้องสงสัยแน่นอน
ที่สุดแล้วใครไม่รู้บ้างว่าวันนี้เป็นเทศกาลอะไรซึ่งเป็นวันที่คู่รักออกไปเที่ยวกัน
ตามท้องถนนเต็มไปด้วยคู่รัก เดิมทีเพราะกู้ซือเฉียนออกไปตั้งแต่เช้า ในใจเธอคิดว่าบางทีจะหลอกให้อีกฝั่งเข้าใจผิดว่ากู้ซือเฉียนออกไปทำธุระ ดังนั้นจึงไม่ได้ออกไปกับเธอ
เป็นแบบนี้ เธอออกไปคนเดียวก็ยังสมเหตุผล
แต่ตอนนี้ จะให้กู้ซือเฉียนอยู่ในปราสาทคนเดียวแล้วเธอออกไปเองมันก็ดูไม่สมเหตุผลอย่างชัดเจน
ที่สุดแล้วถ้าทั้งคู่คบกันอยู่ อย่างนั้นกู้ซือเฉียนจะต้องออกไปเป็นเพื่อนเธอแน่นอน
หากเขาไม่ไปเป็นเพื่อนแล้วเธอออกไปเพียงคนเดียว นี่ก็ดูไม่สมเหตุผลเลย
ดังนั้นละครฉากนี้จึงต้องการความร่วมมือของเขาจริงๆ ถึงจะสำเร็จ
เพียงแต่ที่คิดไม่ถึงคือ เฉียวฉีไม่คิดว่ายังไม่ทันที่ตนเองจะเจอกู้ซือเฉียน ก็เห็นเขาแล้วที่ทางเชื่อมตึกหลักกับตึกเสริม
เมื่อเจอกันอีกครั้งชายหนุ่มมีสีหน้าเฉยเมยใบหน้าไม่มีการแสดงออกที่โดนเด่น
ราวกับว่าเรื่องที่หลินเยว่เอ๋อร์โดนวางยาพิษเมื่อตอนเที่ยงไม่มีความสำคัญอะไรกับเขาเลย
เฉียวฉีเงียบไปครู่หหนึ่ง คิดแล้วยังรู้สึกว่าองค์รวมสำคัญกว่า
ในเมื่อตัดสินใจจะตัดเรื่องรักใคร่ของหญิงชายที่ไม่จำเป็นออกไป ก็ไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องทำสงครามเย็นและชวนทะเลาะกับเขาแล้ว
ดังนั้นเธอเข็นรถเข็นเข้าไปผ่าเผย เงยหน้ามองเขาแล้วพูด “กู้ซือเฉียน ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”
ที่กู้ซือเฉียนปรากฏตัวในตอนนี้เป็นอะไรที่ชัดเจนว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เขาพยักหน้า “พอดีเลย ฉันก็มีเรื่องจะคุยกับเธอเหมือนกัน”
ทั้งสองใจตรงกันพอดี
และเสี่ยวเยว่ผู้ซึ่งเฝ้าดูฉากนี้อยู่ตลอดเวลาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในหัวใจของเธอ
หลินเยว่ หลินเยว่เอ๋อร์ อะไรนั่น ไม่เห็นเหรอ คู่นี้เป็นคู่ที่มีความเข้าใจและสื่อสารกันโดยปริยายที่สุด
คนอื่นที่อยู๋ตรงหน้าก็แค่ส่วนเกิน
ส่วนเกินอย่างนั้นถือว่ามีวิสัยทัศน์มาก ตั้งแต่กู้ซือเฉียนปรากฎตัว เธอก็ถอยไปด้านหลังเงียบ ๆ และเลือกจะไม่เป็นก้างขวางคอ
ดังนั้นกู้ซือเฉียนจึงเดินอ้อมไปด้านหลังของเฉียวฉีแล้วเป็นคนเข็นรถแทนเธอ
เฉียวฉีแอบถอนหายใจเล็กน้อย
ตัวเองบาดเจ็บแบบนี้และไม่รู้ว่าจะหายดีเมื่อไหร่
ตามที่หมอบอกต้องใช้เวลาอีกสองเดือน
สองเดือนเชียวนะ สามารถทำอะไรได้แค่ไหน
อันที่จริงหากว่าร่างกายเธอไม่ได้เป็นแบบนี้ เธอคงไม่เลือกที่จะอยู่ที่ปราสาทและต้องเสียใจ
ตามนิสัยเดิมของเธอไม่แน่ว่าอาจจะไปนานแล้ว จากนั้นไม่สนใจว่าเขาจะทำอะไร ทักษะที่ยอดเยี่ยมและได้เปรียบและเอาชระศัตรู
แต่ตอนนี้เธอทำไม่ได้
เธอไม่สามารถทำอะไรตามใจ ไม่ใช่เพราะเธอกลัวตาย แต่เป็นเพราะถ้าหากว่าเธอตายจริง ๆ แล้วใครจะแก้แค้นให้ชีชี
ชีวิตของเธอ สามารถบอกได้ว่าแลกมาด้วยชีวิตของถังชีชี
นี่คือคนใกล้ชิดเพียงคนเดียวของเธอ เป็นน้องสาวที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเพราะเธอเสียชีวิตอย่างน่าอนาถในช่วงปีที่ดีที่สุดของเธอ