บทที่ 82 ในคอกวุ่นวาย หมากัดกับหมา
จู่ๆ เธอก็เข้าใจ
ที่แท้ จิ่งเสี่ยวหย่าจงใจทำ
เธอจงใจพูดเรื่องต้นฉบับให้ตนฟัง เพื่อที่จะกระตุ้นตนไปขโมยไฟล์งานของเขา
และเธอหลังที่หมดเรื่อง ก็จะหลุดพ้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ
ต่อให้เรื่องจะถูกจับได้ ได้รับโทษ ก็มีแต่ตนเท่านั้น
หร่วนเจียวเจียวมองจิ่งเสี่ยวหย่า เมื่อว่าได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้เป็นครั้งแรก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ
“เสี่ยวหย่า เธอพูดแบบนี้ออกมาไม่รู้สึกผิดเหรอ! เสื้อของเธอสกปรก เป็นฉันที่เอาตัวใหม่มาให้เธอ ตอนอยู่ในห้องเธอเป็นคนพูดกับฉันเองแท้ๆ ว่าเธอจะถ่วงเวลาจิ่งหนิง ไม่ให้เขากลับห้อง ฉันช่วยเธอขโมยไฟล์งานเสร็จกลับมา เธอทำไมถึงไม่ยอมรับล่ะ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าขมวดคิ้วแน่น
ยัยโง่นี่!
ทำไมถึงตอนนี้แล้วยังจะกัดเธอไม่ปล่อย?
หรือว่าเขาไม่รู้เหรอ ขอแค่เธออยู่ข้างนอกอย่างไม่มีความผิด รอตอนที่เขาเข้าสถานีตำรวจจริงๆ ถึงจะมีคนไปประกันออกมาได้อ่ะ?
ตอนนี้กลับที่จะลากเธอลงน้ำด้วย ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้นะ?
ในใจของจิ่งเสี่ยวหย่าโมโหมากๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ทำได้แค่พูดว่า “ฉันบอกไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรอยู่”
หร่วนเจียวเจียวพยักหน้าอย่างผิดหวัง “ดี ดีมาก ตอนนี้เธอไม่ยอมรับใช่ไหม? หรือว่าเธอไม่กลัวว่าฉันจะเอาเรื่องที่เธอทำไปก่อนหน้านี้ประจานออกมาทั้งหมดเหรอ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าสีหน้าได้เปลี่ยน
“เธอพูดบ้าอะไร?”
จิ่งหนิงก็ได้พูดปนขำออกไป “เรื่องอะไร? ลองพูดมาดู ดีไม่ดีถ้าฉันฟังแล้วสนุก ก็ไม่แจ้งความละ?”
หร่วนเจียวเจียวมองไปที่เธอ “เธอพูดจริงนะ?”
จิ่งหนิงเลิกคิ้ว “ขอแค่เธอพูดความจริง แล้วก็เป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าสนุก แน่นอนว่าได้”
จิ่งเสี่ยวหย่าร้องออกมาเสียงดัง “เธอหุบปาก! ”
แล้วก็เวลานี้ หร่วนเจียวเจียวทำไมยังจะเชื่อฟังเธออีกล่ะ?
เธอได้หัวเราะอย่างเย็นชา มองจิ่งเสี่ยวหย่าด้วยความโกรธ พูดเสียงเข้ม “ทุกคนยังไม่รู้ใช่ไหม! จิ่งเสี่ยวหย่าสาวน้อยที่ไร้เดียงสาในสายตาของทุกคน จริงๆ แล้วเป็นมือที่สามที่แย่งแฟนของพี่สาวตัวเอง! ”
อะไร?
พอประโยคนี้จบ พื้นที่นั้นก็เสียงดังขึ้น
มือที่สาม? หมายความว่าอะไร?
แฟนของจิ่งเสี่ยวหย่าเป็นมู่ยั่นเจ๋อไม่ใช่เหรอ?
ทั้งสองเหมือนว่าได้คบกันมาหลายปีแล้ว ได้หมั้นกันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมอยู่ๆ ถึงได้กลายเป็นมือที่สามล่ะ?
หร่วนเจียวเจียวได้มีแบบร้ายๆ “แปลกใจกันล่ะสิ? ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจหรอก เพราะว่าเดิมทีว่าที่ภรรยาของมู่ยั่นเจ๋อไม่ใช่เธอ แต่เป็นพี่สาวของเธอ และก็คือจิ่งหนิงเดิมที่เป็นคุณหนูใหญ่จิ่งหนิง เป็นเธอ ไปแย่งตำแหน่งคุณหนูใหญ่ไม่พอ ยังจะแย่งแฟนของเขาอีก! แต่กลับพูดกับคนอื่นว่าตนนั้นที่เป็นว่าที่ภรรยาของมู่ยั่นเจ๋อ ยังไงซะก็นามสกุลจิ่ง ทุกคนไม่รู้ ก็ได้คิดว่าเป็นเรื่องจริง”
พอพูดออกมา ขนาดสีหน้าของมู่ยั่นเจ๋อก็ได้เปลี่ยน
“หร่วนเจียวเจียว เธอบ้าแล้วเหรอ? เธอพูดบ้าอะไร?”
หร่วนเจียวเจียวพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้บ้า! ”
น้ำเสียงของเธอได้มีน้ำเสียงที่ร้องไห้ปนมา
“จิ่งเสี่ยวหย่าไม่รู้ว่าฉันนั้นลำบากขนาดไหน วันนี้เป็นแผนของเธอเองแท้ๆ ให้ฉันช่วยเธอขโมยไฟล์งาน แต่กลับจะให้ฉันนั้นเป็นแพะรับบาป ก็รู้อยู่แท้ๆ ว่าต่อให้ตัวเองยืนออกมารับผิดก็ไม่มีเรื่องอะไร แต่แค่ยืนออกมาก็ไม่กล้า
ทำไม? ทำให้ฉันต้องรับผิดแทนเธอด้วย? เธอยอมรับไป อย่างมากก็ถูกว่าไม่กี่คำ ถ้าฉันไม่ยอมรับ ก็ต้องไปเข้าคุก!
เธอรู้ว่ามันหมายความว่าอะไรไหม? หมายความว่ากว่าที่ฉันเดินมาถึงจุดนี้ได้ ทุกอย่างที่ได้มา ก็จะหายไปหมดกับเรื่องแค่นี้! ฉันไม่ได้โง่ ถ้าเธอจะเสียสละคนอีกมาปกป้องตัวเอง ฉันก็ต้องเอาคืน! ”
เวลานี้จิ่งเสี่ยวหย่าโมโหจนแทบอยากจะหาผ้ามาอุดปากของหร่วนเจียวเจียว
แต่ก็สายไปแล้ว เสียงที่พูดคุยของคนรอบข้าง ทุกคนก็รู้สึกว่ายากที่จะเชื่อ
แล้วสายตาที่มองไปยังจิ่งเสี่ยวหย่ากับมู่ยั่นเจ๋อ ก็เปลี่ยนเป็นน่ารังเกียจโดยปริยาย
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ฉันคิดว่าตลอดว่า จิ่งเสี่ยวหย่ากับมู่ยั่นเจ๋อถึงจะเป็นคู่กัน คิดไม่ถึงว่าเธอ……เป็นมือที่สามอ่ะ”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ? ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอยู่อีก ตอนนี้คิดดู ก็รู้สึกขยะแขยงจะตายและ”
“ตะว่าแล้ว ฉันก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เหมือนว่าจิ่งเสี่ยวหย่ากับจิ่งหนิงเป็นลูกคนละแม่นะ แม่ของเธอก็เป็นมือที่สามเหมือนกัน แล้วยังรังแกภรรยาเดิมของตระกูลจิ่งจนตายอีก! ”
“อะไรนะ? ยังมีเรื่องแบบนี้?”
“เรื่องนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ตอนนั้นฉันยังเรียนอยู่ เหมือนว่าจะได้ยินที่พ่อแม่ฉันพูดขึ้น”
“ภรรยาเดิมของตระกูลจิ่ง งั้นก็เป็นแม่ของจิ่งหนิงไม่ใช่เหรอ?”
“คุณพระ! นี่มันเรื่องอะไรกัน มือที่สามแย่งสามีของแม่ ลูกของมือที่สามยังมาแย่งแฟนของตัวเองอีก จิ่งหนิงซวยเกินไปแล้วหรือเปล่า! ”
“ถ้าฉันได้เกิดในครอบครัวแบบนี้ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ! ”
เสียงที่พูดคุยมากมาย เหมือนว่าได้กลืนห้องทั้งห้องไปหมด
คนไม่กี่คนที่ยืนอยู่ห้องนั้น สีหน้าได้เปลี่ยนไม่หยุด
หร่วนเจียวเจียวได้มองจิ่งหนิงด้วยความระมัดระวัง “จิ่งหนิง ฉันได้พูดไปหมดแล้ว ตอนนี้เธอปล่อยฉันไปได้หรือยัง?”
จิ่งหนิงได้ยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตากลับเย็นชาไม่มีวี่แววของรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย
“ฉันคิดว่าเธอจะพูดข่าวใหญ่อะไรออกมาซะอีก ที่แท้เป็นอันนี้”
หร่วนเจียวเจียวเหมือนได้จับฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายไว้ ได้จับมือเธอ ขอร้องว่า “เธอชอบมู่ยั่นเจ๋อมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ฉันได้ช่วยเธอพูดเรื่องนี้จนกระจ่างแล้ว ต่อไปถ้าเธออยากจะอยู่กับคุณชายมู่ ต้องมีโอกาสแน่ๆ เธอปล่อยฉันไปได้ไหม? ฉันรับปากเธอ ต่อไปฉันไม่มีทางที่จะช่วยจิ่งเสี่ยวหย่ามาใส่ร้ายเธออีก ฉันขอร้องเธอนะ”
จิ่งหนิงได้สะบัดมือของเธออย่างเย็นชา
สายตาได้มองไปคนที่ยืนข้างตัวจิ่งเสี่ยวหย่า สีหน้าที่เขียวของมู่ยั่นเจ๋อ พูดไปเรียบๆ ว่า “ของที่ทิ้งไปแล้ว ฉันไม่เคยคิดที่จะเก็บมันมาอีก ส่วนเธอ”
เธอได้หัวเราะอย่างเยือกเย็น “แค่นี้ก็พอ! ”
หร่วนเจียวเจียวอึ้งไปสองวิ ถึงได้รู้สึกตัวว่าเขาไม่แจ้งความจับตนแล้ว
ก็ได้ดีใจเอามากๆ
ส่วนมู่ยั่นเจ๋อ ตอนที่ได้ยินที่เธอพูด ของที่ทิ้งไปแล้ว ไม่เคยคิดที่จะเก็บมันมาอีกนั้น ใจก็ได้กระตุกอย่างแรง ใบหน้าที่ได้ซีดอยู่แล้ว ก็ได้ซีดลงกว่าเดิม
เวลานี้ ข้างนอกก็ได้มีเสียงตะโกนส่งมา
“ได้ยินว่าจับขโมยได้? นี่มันเรื่องอะไร?”
เป็นเสียงผอ.ของโรงเรียนเว่ยหลัน
พวกผอ.ก็มาแล้ว!
จิ่งเสี่ยวหย่ากับหร่วนเจียวเจียวได้ยินเสียงของผอ. สีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปทันที
“มาล้อมอยู่ตรงนี้ทำไม? ขโมยล่ะ? บอกว่าจับได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่เห็น?”
“ผอ. ขโมยอยู่ข้างในค่ะ! ”
พวกคนได้หลีกทางให้ เห็นชายแก่ผมขาวคนหนึ่ง เดิมตามทางที่พวกได้หลีกให้มา
ผอ.ของโรงเรียนเว่ยหลัน ยู่เจี่ยนซิว ลูกชายคนโตของคุณหญิงยู่ และก็เป็นคนที่จะสานต่องานของตระกูลยู่ในตอนนี้
ตอนที่เห็นจิ่งหนิงที่ยืนอยู่ในห้อง เขาก็ได้อึ้งเล็กน้อย เหมือนว่าจะคิดไม่ถึงว่าเธอจะอยู่ที่นี่ ก็ได้ยิ้มออกมา
“จิ่งหนิง เป็นเธอเหรอ นี่มันเรื่องอะไร? มีคนมาขโมยของของเธอ?”
วันนี้โรงแรมทั้งโรงแรมได้ถูกโรงเรียนเหมาไปแล้ว เขาก็คิดว่าของนั้นเป็นพนักงานโรงแรมที่เป็นคนขโมยไป
แต่คิดไม่ถึงว่าจิ่งหนิงได้ชี้ไปที่หร่วนเจียวเจียว
“จับได้แล้ว อยู่นั่นค่ะ”
หร่วนเจียวเจียวนิ่งไป
ตอนที่รู้สึกตัว ก็ได้รีบโบกมืออธิบาย
“ไม่ ไม่ใช่นะคะผอ. หนูไม่ได้ขโมยของ หนู หนูแค่มาช่วยจิ่งเสี่ยวหย่ามาเอาของเท่านั้น เมื่อกี้ได้อธิบายไปชัดเจนแล้ว”
จิ่งเสี่ยวหย่าพูดด้วยความโมโห “เธอโกหกทั้งเพ ในปากไม่ได้พูดความจริงเลยสักนิด! ใครจะเชื่อเธอ?”