ตั้งแต่เริ่มต้น ความอบอุ่นและมิตรภาพทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นเพียงวางแผนที่ชาญฉลาดเท่านั้น
ทุกคนต่างรู้ สิ่งของเหล่านั้นล้วนเป็นของปลอม มีเพียงเธอที่ไร้เดียงสาเฝ้ารักษามิตรภาพอันอบอุ่นนั้นไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย ยอมลุยน้ำลุยไฟเพื่อพวกเขา อย่างไม่คิดชีวิต
จู่ๆเธอก็นิ่งเงียบ
กู้ซือเฉียนน่าจะเดาออกว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแต่ไม่ได้รบกวนเธอ
เธอรู้ว่า เรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะต้องรู้ความจริงอย่างแน่นอน และก็จำเป็นจะต้องรู้ความจริงด้วย
และมีเพียงหลังจากที่รู้ความจริงแล้ว เธอถึงจะเข้าใจว่า ตัวเองควรจะเลือกเช่นไร
รถแล่นไปอย่างราบรื่นตลอดทางจนถึงปราสาท
ลงรถแล้ว ครั้งนี้กู้ซือเฉียนไม่ได้อุ้มเธออีก แต่วางเธอลงบนรถวีลแชร์ ให้เธอไปข้างหน้าด้วยตัวเอง
คนรับใช้ในปราสาทตกใจเมื่อเห็นเธอกลับมา
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
คุณเฉียวเพราะวางยาพิษคุณหลิน ดังนั้นถูกไล่ออกจากปราสาทไปไม่ใช่หรือ ทำไมกลับมาอีกแล้ว?
แต่ในกลุ่มคนจำนวนนี้ ไม่รวมหลินเยว่เอ๋อร์
เรื่องนี้ ถึงแม้กู้ซือเฉียนไม่ได้พูดกับเธอตรงๆ แต่ก็ได้แสดงเจตจำนงนั้นแล้ว
มิเช่นนั้น ก็คงไม่สามารถทำให้หลินเยว่เอ๋อร์ร่วมแสดงละครนี้ได้
ตอนนี้ เห็นเธอกลับมาจริงๆ หลินเยว่เอ๋อร์ถึงรู้ว่า ตัวเองไม่มีความหวังแล้วจริงๆ
พวกเขาสองคน เหมือนเป็นกิ่งทองใบหยก ที่ไม่ว่าตัวเองจะทำอย่างไรก็จะแทรกเข้าไปไม่ได้
เธอยืนอยู่ชั้นบน มองดูสองคนนั้นคนหนึ่งยืนคนหนึ่งนั่ง เดินเคียงข้างกัน แววตาหมองคล้ำ ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็หันหลัง กลับไปในห้องนอนตัวเอง
เห็นเฉียวฉีกลับมา ลุงโอเป็นคนที่ดีใจที่สุด
เขาบอกแล้ว คนที่ชาญฉลาดหลักแหลมอย่างคุณชาย จะโง่เขลาขนาดนั้นจริงๆได้อย่างไร ทั้งๆที่คนที่วางยาพิษเป็นคนอื่น แม้แต่เขาที่เป็นพ่อบ้านแก่คนนี้ยังดูออก คุณชายกลับบอกว่าคุณเฉียวเป็นคนทำ
และแม้ว่าคุณเฉียวจะมีนิสัยเย็นชาไปนิด แต่เป็นคนสวยใจดีอย่างแน่นอน ไม่อาจจะทำเรื่องวางยาพิษแบบนั้นได้
ดังนั้น เวลาเฉียวฉีสามารถกลับมา เขาย่อมดีใจอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านั้นที่สองคนนี้ทะเลาะกัน ก็คาดว่าเพราะกำลังแสดงละครอะไร
พ่อบ้านแก่รู้ว่าขอเพียงพวกเขาทั้งสองดีกัน ตัวเองก็ดีใจแล้ว วางใจแล้ว
ดังนั้น หลังจากพาทั้งสองกลับไปห้องนอนแล้ว จึงรีบไปทำงานต่อ และสั่งการให้ห้องครัวทำอาหารอร่อยๆในวันนี้
หลังจากเหตุการณ์วางยาพิษครั้งก่อน ห้องครัวทางตึกรองก็ได้ถอดออกทันที
ในอนาคต คนทางด้านนั้น ก็จะต้องมากินข้าวที่ตึกหลักร่วมกับเขา
ทางด้านนี้ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอาหารหรือคนรับใช้ในห้องครัว ล้วนเป็นคนที่ติดตามกู้ซือเฉียนมาหลายปีแล้ว เชื่อใจกันได้แน่นอน
ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น
เฉียวฉีไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับการจัดการนี้
แม้ว่าหลินเยว่เอ๋อร์จะรู้สึกดีใจเล็กน้อย ต่อไปสามารถกินข้าวร่วมกับกู้ซือเฉียนทุกวัน ได้เห็นหน้าทุกวัน
แต่ว่าจากที่เขาพูดกับตัวเอง เวลาที่จะไปหาหนานมู่หรงยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความสุขนั้น ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดและเสียดายก่อนพรากจากกัน
ความจริงแล้วทุกคนต่างคิดว่าเธอชอบกู้ซือเฉียนเพียงเพราะอํานาจของเขาเท่านั้น
แต่ใครเลยจะรู้ว่า เธอชอบผู้ชายคนนี้เช้าแล้วจริงๆ ?
และผู้ชายคนนี้ แน่นอนว่ามีต้นทุนเพียงพอที่จะทำให้คนชอบได้จริงๆนี่
รูปหล่อ ร่ำรวย หุ่นดี ที่สำคัญก็คือร่างกายที่โดดเด่น จะมีผู้ชายธรรมดาทั่วไปที่ไหนหาเปรียบได้?
แต่เสียดาย ในสายตาของผู้ชายเช่นนี้กลับไม่เคยมีเธอเลย
เวลาเที่ยง หลินเยว่เอ๋อร์มาถึงห้องอาหารตึกหลักด้วยความรู้สึกผิดหวัง
ปรากฏว่าในห้องอาหารมีเพียงตัวเองคนเดียวเท่านั้น กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีต่างไม่อยู่
เธออึ้งไปเล็กน้อย ตอนนั้นเองลุงโอก็เข้ามาพอดี แล้วถามด้วยความสงสัยว่า“ลุงโอ พวกเขาล่ะ?”
ลุงโอย่อมรู้อยู่แล้วว่าเธอถามถึงใคร ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า“คุณชายกับคุณเฉียวปรึกษาเรื่องงานที่ห้องหนังสือชั้นบนอยู่ เมื่อกี้สั่งลงมาว่า อาหารเสร็จแล้วให้คุณทานก่อน พวกเขาจะลงมาช้าหน่อย”
เมื่อหลินเยว่เอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น ความผิดหวังในตายิ่งมากขึ้น
แต่ว่าในที่สุดก็พยักหน้าตามมารยาท แล้วกล่าวว่า“ขอบคุณ ฉันรู้แล้ว ”
จากนั้น จึงให้คนจัดอาหาร
และในเวลานี้ ที่ห้องหนังสือชั้นบน
กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีนั่งหันหน้าเข้าหากัน
ครั้งนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวแล้ว เฉียวฉีก็ไม่ได้รับอันตรายอะไร แต่ว่าทั้งสองก็ไม่อาจดีใจได้
เหตุผลเป็นเพียงเพราะว่า แม้ว่าตอนนี้เธอจะยืนยันแล้วว่า คนเหล่านั้นในตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่จริงๆ และคนที่ลงมือกับเธอในครั้งนี้ ก็เป็นพวกเขา แต่อย่างอื่นไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
แน่นอนว่า เฉียวฉียังได้เล่าเรื่องสาวรับใช้ที่จมน้ำตายในแม่น้ำให้กู้ซือเฉียนฟังด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ กู้ซือเฉียนก็รู้มานานแล้ว
ในความเป็นจริง ทุกคนที่สามารถเข้ามาในปราสาทนี้ มีคนไหนที่ไม่ใช่เขาให้คนเลือกสรรมาอย่างดีแล้ว?
คนที่ภูมิหลังไม่สะอาด จะเข้ามาไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้น หลังจากเกิดเรื่องหญิงรับใช้คนนั้น เขาก็รีบส่งคนไปตรวจสอบ พบว่าภูมิหลังของเธอมีปัญหาจริงๆ แล้วสืบเสาะไปตามเบาะแส ไม่ช้าก็หาถึงคนกลุ่มนั้น
ดังนั้น ปรากฏว่ากู้ซือเฉียนรู้เรื่องนี้ก่อนเฉียวฉีอีก
เมื่อได้ฟังมาถึงตรงนี้ เฉียวฉีก็นิ่งไป
เธอกล่าวเสียงเคร่งขรึม“ฉันไม่ค่อยเข้าใจมาตลอด ฉันในตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้ว ยังมีประโยชน์อะไร ที่จะต้องให้พวกเขาส่งคนมาจับฉันครั้งแล้วครั้งเล่า?”
กู้ซือเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในความเป็นจริง ปัญหานี้ไม่เพียงแต่กวนใจเฉียวฉี แต่ยังตามกวนใจเขาเหมือนกัน
อิทธิพลของอีกฝ่ายใหญ่มาก สามารถป้องกันได้หนึ่งวัน แต่ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งตลอดชีวิต ดังนั้นหากไม่รีบหาสาเหตุนี้ออกมา เฉียวฉีก็จะตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา
แต่ว่า สาเหตุนี้มันคืออะไรกันแน่?
ไม่มีใครรู้ นอกจากคนกลุ่มนั้นจะพูดออกมาจากปากเอง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขามองไปทางเฉียวฉี
เห็นคิ้วสวยของเธอขมวดแน่น ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆในใจก็รู้สึกสงสารและอาลัยอาวรณ์
เขาเอื้อมมือ มากุมมือเธอไว้ แล้วกล่าวว่า“ไม่ต้องกังวล ผมจะส่งคนไปตรวจสอบเรื่อยๆ และก่อนที่จะได้เรื่อง ผมจะอยู่เคียงข้างปกป้องคุณตลอดเวลา จะไม่ให้พวกเขามีโอกาสใดๆอย่างแน่นอน ”
เฉียวฉีเงยหน้า สบตาเขา เห็นอารมณ์จากดวงตาร้อนแรงของชายหนุ่มจนทำให้เธอหัวใจเต้นเร็ว
ก็ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆในใจของเธอก็มีความรู้สึกประหม่าเกิดขึ้น
ดึงมือกลับ ขณะเดียวกัน เอียงหน้าหลบสายตาของเขา แล้วกล่าวเสียงเบา“ฉันรู้ ”
ใช่ซิ เธอรู้
เธอรู้มาตลอด ไม่ว่าจะเจออันตรายใดๆ เขาก็จะคอยปกป้องตัวเอง จะไม่จากไปอย่างแน่นอน
กู้ซือเฉียนมองดูมือตัวเองที่ว่างเปล่า ก็ไม่ได้ฝืน
ดึงมือกลับ และกล่าวเคร่งขรึมว่า“จับหนอนบ่อนไส้ในปราสาทได้แล้ว”
เฉียวฉีอึ้งไป
“อะไรนะ ?”
เธอเงยหน้า มองดูเขาอย่างไม่เข้าใจ
กู้ซือเฉียนลุกขึ้น หยิบเอกสารจากลิ้นชักโต๊ะออกมาปึกหนึ่ง วางลงตรงหน้าเธอ
เฉียวฉีตะลึง ก้มหน้า มองดูเอกสารปึกนั้น