วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 838 เป็นเธอจริงๆ

เห็นว่าเป็นข้อมูลของจางเฟิ่งทั้งนั้น

ทันใดนั้น เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

“จางเฟิ่งหรือ?ทำไมถึงเป็นเธอ?”

กู้ซือเฉียนยิ้มเย็นชา “ใช่ ผมก็แปลกใจมากเหมือนกัน ตอนแรกคิดว่า ในเมื่อยาพิษถูกวางในห้องครัวตึกรอง ถ้าอย่างนั้นเธอในฐานะแม่ครัว ขอเพียงมีเรื่องเกิดขึ้นก็จะกลายเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด ดังนั้นเธอน่าจะไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนี้”

“แต่ในความเป็นจริง บางทีเธออาจจะคิดถึงจุดนี้แล้ว ดังนั้นจึงใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ทำให้ทุกคนคิดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เธอเป็นคนทำ แต่ในความเป็นจริงนั้นเธอเป็นคนลงมือ แต่น่าเสียดาย มืออ่อนไปหน่อย ผมได้ส่งคนไปค้นห้องของเธอเจอสารหนูที่ยังใช้ไม่หมด”

เฉียวฉีตกตะลึง

เงยหน้ามองไปทางเขา

“เธอยอมรับหรือยัง?”

กู้ซือเฉียนพยักหน้า“ยอมรับแล้ว”

อารมณ์ของเฉียวฉีซับซ้อนขึ้นทันที

เมื่อคิดถึงตอนที่หลินเยว่เอ๋อร์ข่มขู่เธอ ให้ร้ายเธอ ตอนนั้นเธออดไม่ได้ ยังออกมาช่วยเธอ

แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่ตนเคยช่วยเมื่อหนึ่งวินาทีก่อน วินาทีต่อมากลับเริ่มลงมือกับเธอ วางยาพิษเธอ

คนประเภทไหนกัน ถึงจะสามารถกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาได้

ทันใดนั้นความโกรธก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเธอ

ถามว่า“เธออยู่ไหน?”

“ตายแล้ว”

เป็นคำตอบที่ไม่คาดคิด

เฉียวฉีอึ้งไปเล็กน้อย หว่างคิ้วของกู้ซือเฉียนก็ขมวดเข้าหากัน ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า“ฆ่าตัวตาย หลังจากเกิดเรื่องแล้วคงเดาได้ว่าตัวเองต้องมีจุดจบที่ไม่ดี หรือบางทีอาจจะกลัวเราจะเค้นสอบอะไรจากปากของเธอออกมา ดังนั้นจึงกินยาพิษฆ่าตัวตายเอง พิษยาแรงมาก แม้ว่าในตอนนั้นผมจะเรียกหมอมาช่วยแล้ว แต่ก็ช่วยไว้ไม่ได้ ”

เฉียวฉีเงียบไป

แววตาของเธอเย็นชาเล็กน้อย กู้ซือเฉียนรู้ว่า ตอนนี้ในใจเธอจะต้องไม่ดีใจมากอย่างแน่นอน

ผ่านไปเนิ่นนาน ได้ยินเธอกล่าวว่า“มั่นใจมีเพียงเธอคนเดียวใช่ไหม?เธอยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอีกหรือไม่?”

กู้ซือเฉียนส่ายหัว

“ตอนนี้ พบเธอเพียงคนเดียว ยังไม่พบผู้ร่วมทีมคนอื่นๆ ผมได้ให้คนไปทำการตรวจค้นที่พักอาศัยของเธอและสถานที่ที่ทำงานอย่างละเอียดแล้ว แต่ยังไม่พบสิ่งที่น่าสงสัยใดๆ สำหรับในปราสาทนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการคนอื่นอีกหรือไม่ ผมยังไม่กล้ายืนยัน ”

หว่างคิ้วเฉียวฉีขมวดแน่น

ที่นี่เป็นอาณาเขตของเขานะ ปรากฏว่าแม้แต่เขาก็ยังพูดคำว่าไม่กล้ายืนยันเช่นนี้

งั้นก็หมายความว่า อีกฝ่ายซ่อนตัวได้ลึกมากจริงๆ

ตอนนี้เฉียวฉีก็บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกเช่นไร รู้เพียงว่า เรื่องนี้เหมือนเป็นหมอกที่ปกคลุมอยู่ตรงหน้าเธอ ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน

และก็เหมือนกับว่า มีเบาะแสให้เธอบ้างแล้ว ขอเพียงเธอเสาะแสวงหาตามเบาะแสนี้ ก็จะได้รับคำตอบอย่างแน่นอน

สุดท้ายแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้ข้อสรุปจากการปรึกษาหารือนี้

ข้อสรุปหนึ่งเดียวที่ได้ ก็คือ เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อความปลอดภัยของเฉียวฉี เฉียวฉีจำเป็นจะต้องย้ายมาพักที่ตึกหลักกับเขา

สำหรับการตัดสินใจนี้ เฉียวฉีไม่มีความคิดเห็นใดๆ

แม้ว่าความคิดของเธอที่มีต่อกู้ซือเฉียนในตอนนี้ยังคงไม่แน่นอน แต่เธอรู้ว่าตราบใดที่เธอไม่เห็นด้วย ผู้ชายคนนี้จะไม่ทําอะไรเธอ

ดังนั้น การอาศัยอยู่ในตึกหลักนอกเหนือจากเสริมปัจจัยด้านความปลอดภัยของตัวเองเล็กน้อยแล้ว อย่างอื่นเธอไม่มีความสูญเสียใดๆ

แต่ถึงอย่างนั้น เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ เฉียวฉีก็ไม่ได้ปฏิเสธกู้ซือเฉียนเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

สำหรับเรื่องระหว่างเขากับหลินเยว่เอ๋อร์……..

นั่นมันเป็นเรื่องของพวกเขา เธอไม่ได้พูดสักหน่อยว่าจะคืนดีกับเขาทันที ดังนั้นเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฉียวฉีก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

กู้ซือเฉียนว่องไวมาก บอกว่าทำก็ทำเลย

ดังนั้นหลังจากทั้งสองปรึกษากันเสร็จแล้ว ตอนที่ลงมาชั้นล่างเพื่อทานข้าว เขาก็สั่งลุงโอทันทีว่า ให้ส่งคนไปเก็บข้าวของของเฉียวฉีมา

ที่จริงบอกว่าข้าวของของเฉียวฉี ก็มีไม่มากเท่าไหร่

ตอนที่เธอจากไป ได้เก็บกระเป๋าเดินทางไปสองใบ ตอนนี้ยังไม่เปิดออกเลย

และของอื่นๆทางตึกรองนั้น เสื้อผ้า หมวก รองเท้า ถุงเท้า อะไรพวกนั้น ทางนี้ล้วนมี ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องไปขนย้ายอีก

เฉียวฉีมองเห็นเธอสั่งการลุงโอ ในใจรู้สึกว่าอย่างนี้รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า

แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัวเองทานข้าวเสร็จก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร

แต่ว่า บนใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อย เมื่อลุงโอมองมาทางตัวเอง

เฉียวฉีกับกู้ซือเฉียนไปที่ห้องอาหารด้วยกัน

ตอนที่ทานข้าว พบว่าหลินเยว่เอ๋อร์ไม่ได้อยู่ทางนี้แล้ว บอกว่าทานเสร็จกลับไปที่ตึกรองแล้ว

กู้ซือเฉียนก็ไม่ได้สนใจ เฉียวฉีดูอยู่ในสายตา คิดถึงท่าทีของเขาต่อหลินเยว่เอ๋อร์หลายวันก่อน ทันใดนั้นรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย

ก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้เตรียมจะถามเขา

ตามที่เธอเคยพูดก่อนหน้านั้น ระหว่างกู้ซือเฉียนกับหลินเยว่เอ๋อร์ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ นั่นมันเป็นเรื่องของพวกเขา ไม่เกี่ยวกับเธอ

ดังนั้น ทานอาหารกลางวันท่ามกลางบรรยากาศสงบเงียบเสร็จแล้ว ลุงโอมีประสิทธิภาพมาก ได้พาคนไปเก็บกวาดทำความสะอาดห้องที่เธอจะเข้าอยู่เรียบร้อยแล้ว แม้แต่สิ่งของทั้งหมดของเธอก็ได้จัดวางให้เรียบร้อยแล้ว

เฉียวฉีกล่าวขอบคุณเขา แล้วไปห้องนอนตัวเองตามการนำพาของเขา

ทางตึกหลักนี้มีทั้งหมดสามชั้น ห้องที่ลุงโอจัดไว้ให้เธออยู่ชั้นสอง ห้องใหญ่มาก ด้านในได้เตรียมสิ่งของทุกอย่างไว้เพียบพร้อม มองออกถึงความตั้งใจ

ด้านหลังมีระเบียงใหญ่ๆยื่นออกไป ใต้ระเบียงเป็นสวนดอกไม้ ยืนอยู่ตรงนั้น สามารถมองเห็นดอกไม้ใบหญ้ามากมาย และยังสามารถมองเห็นดอกบัวที่เบ่งบานอยู่ในบ่อที่ไกลออกไปเล็กน้อยด้วย

ต้องบอกว่า เทียบกับทางตึกรองแล้ว ที่นี่วิวทิวทัศน์ดีกว่าเล็กน้อยจริงๆ

หลังจากลุงโอแนะนำเธอหมดแล้ว ก็เตรียมที่จะจากไป

เฉียวฉีส่งเขาไปถึงปากประตูอย่างมีมารยาท ลุงโอหันกลับมา กล่าวกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า“ห้องนอนของคุณชายอยู่ข้างๆห้องของคุณ ถ้าหากปกติมีเรื่องอะไร ไม่สะดวกที่จะเรียกพวกเรา ก็เรียกคุณชายได้โดยตรง”

เฉียวฉีชะงักไป ไม่รู้ว่าทำไม ทันใดนั้นหัวใจของเธอเต้นรัว

เธอแสร้งเป็นไม่เห็นความคลุมเครือในดวงตาของลุงโอและกล่าวว่า “ฉันไม่มีเรื่องอะไร ขอบคุณท่านมาก”

ลุงโอพยักหน้า แล้วจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม

หลังจากที่รอเขาจากไปแล้ว เฉียวฉีจึงหันหลังเดินกลับมาในห้อง

เธอเดินไปรอบๆห้องก่อน หลังจากที่คุ้นเคยกับตำแหน่งการจัดวางสิ่งของโดยประมาณแล้ว ก็เตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับพักผ่อนกลางวัน

และในเวลานี้ ประตูถูกคนเคาะดังขึ้นจากข้างนอก

เธอชะงัก หันหลังมองไปทางปากประตู แล้วถามว่า“ใครหรือ?”

“ฉันเอง”

น้ำเสียงของเสี่ยวเยว่

เฉียวฉีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมา เต็มไปด้วยความดีใจ

“เข้ามา”

เสี่ยวเยว่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนในปราสาทที่เธอชอบและเชื่อใจ กู้ซือเฉียนอาจจะรู้เรื่องนี้ ดังนั้น ครั้งนี้เธอกลับมาแล้ว แม้ว่าเธอจะย้ายมาอยู่ที่ตึกหลัก แต่กู้ซือเฉียนก็ไม่ได้เปลี่ยนคนรับใช้ของเธอ แต่ยังเรียกเสี่ยวเยว่มา

ตามหลักแล้ว คนทางตึกหลัก ล้วนจะต้องผ่านการคัดกรองอย่างเข้มงวด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset